CU. Smart Mobility Research Center เป็นการรวมตัวกันของอาจารย์จากหลากหลายภาควิชา ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาทิ ภาคเครื่องกล, ไฟฟ้า, คอมพิวเตอร์ และ โยธา (ขนส่ง) เพื่อทำการวิจัยแบบบูรณาการ เกี่ยวกับ ยานยนต์ที่ปลอดภัย ประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ระบบขนส่งอัจฉริยะ ที่ช่วยแก้ปัญหาจราจรและ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น
CU. Smart Mobility Research Center is a collaboration platform in which experts from different disciplines e.g. ME, EE, CE and CP Dept. of Faculty of Engineering, Chulalongkorn University come together to pursue research and deployment of Smart, Safe and Sustainable Mobility and ITS for Thai society and its people.
Chula Engineering has a large pool of experts from different disciplines (12 departments, 49 programs). CU. Smart Mobility Research Center is a collaboration platform in which experts come together to pursue research and deployment of Smart, Safe and Sustainable Mobility and ITS for Thai society and its people.
Networking for Smart Mobility
at Chulalongkorn University
DEVELOPING SMART, SAFE, SUSTAINABILITY
and ITS for THAI SOCIETY and ITS PEOPLE
1.
Mobility-as-a-Service
2.
Electromobility
3.
Traffic safety & Aging society
4.
Connected and Autonomous vehicle
5.
Shared mobility & Future mobility
6.
Hydrogen Renewable energy for Transportation
1. Mobility-as-a-Service
Coming soon
2. Electromobility
มาตรการความปลอดภัยในเซลล์แบตเตอรี่
เพื่อให้เข้าใจมาตรการความปลอดภัยในชุดแบตเตอรี่ในยานยนต์ไฟฟ้า ต้องทราบก่อนว่าแบตเตอรี่ในตัวยานยนต์ไฟฟ้า มีการประกอบชุดเป็นสามระดับตามขนาดของหน่วยของแบตเตอรี่ ระดับแรกคือระดับเซลล์แบตเตอรี่ ซึ่งหมายถึงความเป็นหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดที่สูตรไฟฟ้าเคมีของแบตเตอรี่รูปแบบหนึ่งๆ จะมีได้ อย่างเช่นแบตเตอรี่ลิเทียม เซลล์เล็กที่สุดก็จะมีขนาดแรงดันราว 3.3 โวลต์ ระดับต่อมาจะเรียกว่าเป็นโมดูล คือเป็นการประกอบเซลล์ขึ้นมาเป็นชุดย่อยที่ทำให้การประกอบชุดแบตเตอรี่เป็นไปได้ง่าย โดยปกติโมดูลจะถูกประกอบเซลล์ไว้ในจำนวนที่ให้แรงดันไม่เกิน 60 โวลต์ จากระดับโมดูล ก็ประกอบขึ้นมาเป็นระดับใหญ่ที่สุดก็คือชุดแบตเตอรี่ ซึ่งหมายถึงการประกอบโมดูลให้ได้จำนวนเพียงพอให้ได้ระยะการขับขี่ที่ต้องการ
ตัวอย่างการจัดวางของโมดูลแบตเตอรี่ในกล่องบรรจุชุดแบตเตอรี่
(ภาพที่ 1)
ในระดับแรกของมาตรการความปลอดภัยอยู่ที่ระดับเซลล์ โดยแบตเตอรี่ตระกูลลิเทียม จริงๆแล้วมีหลายสูตรเคมี ซึ่งในการใช้งานในยานยนต์จะเลือกสูตรเคมีต่างไปกับแบตเตอรี่ลิเทียมโคบอลต์ออกไซต์ ที่ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านหรือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมักใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไททาเนท หรือแบบ NMC ซึ่งปลอดภัยจากการลุกไหม้เมื่อถูกชาร์จแรงเกิน นอกจากสูตรเคมีแล้ว ที่ตัวเซลล์ยังมีกลไกป้องกันการลัดวงจรหรือคลายแรงดัน เพื่อป้องกันการระเบิดด้วย ดังนั้นในระดับเซลล์ จะเห็นได้ว่าเซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมในยานยนต์มีมาตรการความปลอดภัยในเซลล์แบตเตอรี่ที่สูงกว่าแบตเตอรี่มือถือ
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่จะทำให้แบตเตอรี่ในยานยนต์ไฟฟ้าน่าจะมั่นใจในความปลอดภัยได้มากกว่าขึ้นไปอีก คือคำว่า automotive grade สำหรับผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ระหว่างรุ่นหนึ่งที่ใช้ในบ้านหรือออฟฟิศ กับอีกรุ่นหนึ่งที่ใช้ในยานยนต์ ความแตกต่างอยู่ที่ไหน ผลิตภัณฑ์ที่เป็น automotive grade จะต้องมีระดับคุณภาพอยู่สองส่วนสำคัญ คือต้องมีความเชื่อมั่นได้สูง (reliability) และคงความเชื่อมั่นได้นั้นไปได้ในอายุการใช้งานของรถ เพื่อใช้งานในยานยนต์ กับสภาพการใช้งานที่มีทั้งช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ร้อนสุดไปจนเยือกแข็ง รวมทั้งการสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง ความคาดหวังคือความทนทานและการใช้งานได้ ต้องไปได้ในระดับ 10 ปี นั่นคือนิยามระดับคุณภาพ automotive grade ที่ไม่เพียงผ่านการออกแบบด้วยประสบการณ์สูง แต่ยังผ่านการทดสอบและมาตรฐานที่เคร่งครัด เพื่อให้ได้ความมั่นใจในความปลอดภัย
ประเด็นความปลอดภัยในชุดแบตเตอรี่
รูปแบบความปลอดภัยในระดับเซลล์ที่ได้กล่าวมาเป็นแค่จุดเริ่มต้นของมาตรการความปลอดภัยในยานยนต์ไฟฟ้า ชุดแบตเตอรี่หนึ่งๆ อาจมีเซลล์ประกอบการในจำนวนหลักร้อยหรือหลักพัน อย่างเช่นในรถ Tesla Model S มีเซลล์แบตเตอรี่ขนาด 18650 ในจำนวนกว่า 7000 เซลล์ เพื่อให้ได้ความจุพลังงานที่ 85 kWh โอกาสของปัญหาที่จะเกิดได้สามารถไปเกิดได้ที่ระดับโมดูลหรือระดับชุดแบตเตอรี่ได้อีก
เมื่อได้ประกอบเซลล์เข้าเป็นโมดูล ความยากจะเริ่มที่คุณภาพการประกอบเซลล์ เพราะการประกอบเซลล์คือการต่อเชื่อมทางไฟฟ้าระหว่างเซลล์หลายๆ เซลล์เข้าเป็นโมดูล ซึ่งในบางกรณีอาจจะใช้ไลน์การผลิตที่เล็กกว่ามาก ระดับการควบคุมคุณภาพก็อาจมีความแตกต่างกันได้ นอกจากนั้น การควบคุมให้แต่ละเซลล์ทำงานได้ในสภาวะที่เหมาะสม ก็ไม่ง่ายเลย เพราะกับจำนวนเซลล์เป็นร้อยเซลล์ ระบบระบายความร้อนต้องควบคุมให้อุณหภูมิของแต่ละเซลล์ให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัยซึ่งแคบมาก (ในระดับ 1-3 องศาเซลเซียส) ในเชิงไฟฟ้า แต่ละเซลล์ก็ต้องทำงานร่วมกันในระดับแรงดันที่แคบมาก (ในระดับ 0.1 โวลต์) เพื่อดูแลความซับซ้อนของการทำงานร่วมกันระหว่างเซลล์แบตเตอรี่จำนวนมากนั้น ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบจัดการแบตเตอรี่ ที่มักเรียกย่อๆ ว่า BMS (Battery management system) ที่คอยดูแลแง่มุมที่กล่าวไปแล้วอยู่
จากมาตรการความปลอดภัยที่มีในเซลล์แบตเตอรี่ พร้อมการทำงานระหว่างกันในระบบระบายความร้อนและ BMS ต่างๆ อีกส่วนประกอบที่สำคัญคือกล่องแบตเตอรี่ ที่บรรจุทุกอย่างไว้และยังต้องแข็งแรงพอเพื่อปกป้องการเจาะทะลุเข้าสู่ชุดแบตเตอรี่ในกรณีเกิดการชน และกั้นแยกการเสียหายกรณีแบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรไม่ให้ความร้อนหรือสารเคมีเข้าไปสู่ห้องโดยสารได้ โดยกล่องแบตเตอรี่นี้ยังจะได้ดูแลเรื่องไฟฟ้าลัดวงจรด้วย เพราะในการทำงานของยานยนต์ไฟฟ้า แรงดันอาจไปได้ถึงระดับ 800-1000 โวลต์ หากจะมีการลัดวงจร ไฟรั่วไหลหรือตรวจจับได้ถึงการชน หรือแม้แต่กรณีน้ำท่วมขัง จะมีเซ็นเซอร์เพื่อตัดระบบไฟแรงสูงจากชุดแบตเตอรี่ทันที และยังต้องไม่ลืมว่าถึงแม้ไฟฟ้าแรงสูงจากแบตเตอรี่จะถูกตัดออกแล้ว ชุดควบคุมมอเตอร์ที่ทำงานกับไฟฟ้าแรงสูงก็ยังจะมีประจุไฟฟ้าค้างอยู่ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้อีก ในยานยนต์ไฟฟ้าก็จะมีระบบความปลอดภัยที่จะกำจัดประจุไฟฟ้าที่คงค้างได้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายได้อีกขั้น
มาตรการความปลอดภัยที่พฤติกรรมผู้ใช้รถ
สิ่งที่อยากจะตั้งข้อสังเกตต่อไปก็คือ กลไกต่างๆ ในด้านความปลอดภัยที่ได้เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นสูตรเคมีในระดับเซลล์ หรือระบบ BMS หรือระบบตัดแยกไฟฟ้าแรงสูง ล้วนเป็นกลไกทางฮาร์ดแวร์ที่จับต้องได้ ที่อธิบายได้ หรือทำตามได้ แต่ความปลอดภัยที่จะมีได้ยังมาจากพฤติกรรมผู้ใช้รถอีกด้วย ในเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้านี้ ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งก็คือความไม่คุ้นเคยกับการใช้งานนั่นเอง ในการใช้งาน คนที่จะเกี่ยวข้องไม่ได้มีแค่ผู้ขับขี่ ยังเกี่ยวข้องไปถึงผู้โดยสาร คนเดินถนน ช่างซ่อม พนักงานขับรถ หรือ แม้แต่หน่วยกู้ภัย ผู้คนเหล่านี้จะมีประสบการณ์เฉพาะกับยานยนต์ไฟฟ้าที่จะแตกต่างกันไปได้มาก โอกาสจะเกิดอันตรายก็มีลักษณะแตกต่างกันไปได้ด้วย คนเดินถนนอาจไม่คุ้นเคยกับความเงียบกริบของยานยนต์ไฟฟ้าจนไม่ได้ระแวดระวัง การติดตั้งเสียงเตือนเป็นสิ่งสำคัญ หน่วยกู้ภัยที่ต้องรู้ตำแหน่งสวิทช์ตัดวงจรไฟฟ้าแรงสูง ก่อนที่จะเข้าช่วยผู้ที่ติดอยู่ในซากรถให้ได้อย่างปลอดภัย กับความไม่ปลอดภัยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ บทบาทของภาครัฐมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการใส่ทรัพยากรลงมาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และฝึกฝนให้กับสาธารณะในภาคส่วนต่างๆ ให้มีทักษะในการทำงานหรือใช้งานกับยานยนต์ไฟฟ้า
ตัวอย่างสถานการณ์การนำฐานข้อมูลรถยนต์มาใช้ในการกู้ภัย
(ภาพที่ 2)
จากที่ได้อธิบายไปทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ถึงลำดับชั้นของมาตรการความปลอดภัยที่มีให้ในตัวยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งยืนยันได้ในความปลอดภัยในแบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่ากรณีของแบตเตอรี่ในมือถือ และมีระบบป้องกันอันตรายที่เหนือกว่ากรณีของรถที่ใช้น้ำมันหรือรถที่ติดแก๊ส แน่นอนว่าในข่าว คงอ่านพบกันได้บ้างถึงกรณีเพลิงไหม้ในยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งก็มีสาเหตุได้หลากหลายและก็จะเป็นการเรียนรู้ของผู้ผลิตและองค์กรด้านความปลอดภัย ที่จะยิ่งพัฒนามาตรการความปลอดภัยให้รัดกุมมากขึ้นไปอีก แต่ก็อย่าลืมว่าในรถธรรมดา น้ำมันเชื้อเพลิงมีโอกาสติดไฟได้ และตัวน้ำมันเองก็เป็นพิษ และโดยเปรียบเทียบกับพลังงานในแบตเตอรี่แล้ว ปริมาณพลังงานที่มากกว่ามากในน้ำมันก็เป็นปัญหาได้รุนแรงอาจจะมากในหลายกรณี เพียงแต่ด้วยความไม่คุ้นชินกับยานยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นข่าวที่ดึงความสนใจได้มากกว่า
เขียนโดย : รศ.ดร.อังคีร์ ศรีภคากร
ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด : 22 มี.ค. 65
จริงหรือ ยานยนต์ไฟฟ้าคือรถของคนเมือง
ปกติเมื่อพูดถึงยานยนต์ไฟฟ้า จะมีภาพลักษณ์ของยานยนต์ไฟฟ้าขนาดรถเก๋งคันงาม ที่ขับขี่ได้อย่างคล่องตัวในเขตเมือง เดินทางอย่างไร้มลพิษ และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภาพลักษณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปนึกถึงกัน ซึ่งแม้แต่บริษัทผู้ผลิตก็คิดไปอย่างนั้นด้วย แต่ตลาดของยานยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนามาต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่ผู้ขายยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มสังเกตได้ก็คือ ในหลายที่ ยานยนต์ไฟฟ้าจะขายดีในแถบชานเมือง โดยผู้(ไม่)ซื้อจะบอกถึงปัญหาของการจัดหาที่จอดรถในบ้านที่พร้อมติดตั้งหัวชาร์ทไฟฟ้า เพราะถึงแม้ในเขตเมืองอาจจะมีสถานีชาร์จสาธารณะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เหมือนปั๊มน้ำมันที่เมื่อเห็น ก็เข้าไปได้เลย ต่อคิวไม่นานก็ได้เติมน้ำมันแน่นอน แต่สถานีชาร์จไฟ ความว่างที่จะเข้าชาร์จได้ยังมั่นใจไม่ได้มาก ถึงแม้อาจมีการใช้แอพพลิเคชั่นในมือถือมาช่วย แต่ความไม่มั่นใจก็ยังมีอยู่ได้มาก
และถ้าจะซื้อรถสักคัน ก็ต้องมีการเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย คิดง่ายๆ ว่ารถน้ำมันธรรมดา มองได้ว่าในการซื้อรถมา ราคาค่าตัวรถเป็นค่าใช้จ่ายนับหนึ่ง แล้วระหว่างใช้งาน ค่าเชื้อเพลิงเป็นอีกค่าใช้จ่ายนับสอง ในขณะที่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยความที่ค่าไฟฟ้ามีราคาถูกมาก แต่ตัวรถมีราคาสูง จึงเทียบได้กับว่าการซื้อรถ เป็นการเหมารวมค่าตัวรถและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมาพร้อมๆ กัน กับราคาแบตเตอรี่ที่ลดลงมาในปัจจุบัน ยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มแสดงถึงความคุ้มทุนมากขึ้นทุกที แต่จุดตายคือ ถ้ายานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้วิ่งหรือวิ่งน้อย ยานยนต์ไฟฟ้าก็จะไม่คุ้มทุนทันที
และสำหรับมุมมองต่อยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับอีกหลายคน
ถ้าไม่ใช่เป็นการซื้อยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเป็นรถคันที่สองในบ้าน แต่เป็นการจัดหารถคันแรกสำหรับชีวิตในเมือง กับต้นทุนที่สูงของการเป็นเจ้าของรถ เมื่อคิดเทียบกับทางเลือกของการเดินทางที่มีพร้อมในเขตเมือง เช่น ระบบราง แท็กซี่ที่วิ่งอยู่ขวักไขว่ หรือแม้แต่การเดินหรือปั่นจักรยานที่ดูจะสะดวกมากขึ้นทุกวันเมื่อเทียบกับการติดอยู่ในรถ การเป็นเจ้าของรถสักคัน จะเป็นรถน้ำมันหรือยานยนต์ไฟฟ้าก็เถอะ ดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่ได้ตัดสินใจง่ายเหมือนในอดีต
ดังนั้นเมื่อเทียบกับเหตุผลข้างต้น สำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่นอกใจกลางเมืองออกมา พื้นที่โรงรถก็จะมีพอที่จะรองรับการชาร์จไฟฟ้า และการไม่ได้มีระบบขนส่งสาธารณะหนาแน่นเหมือนในเขตเมือง การพึ่งพารถเพื่อการเดินทางก็มีสูงขึ้น จึงไม่แปลกที่ในการเปรียบเทียบตัดสินใจ ยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกที่ถูกใจมากกว่าสำหรับคนที่อยู่แถบชานเมือง
การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในนอร์เวย์
(ภาพที่ 1 รถทุกคันในภาพเป็นยานยนต์ไฟฟ้า)
ยานยนต์ไฟฟ้าแบบไหนตอบโจทย์ชนบท
ที่ว่ายานยนต์ไฟฟ้ามีระยะขับขี่จำกัด จึงไม่น่าเหมาะกับแถบชานเมืองที่มีระยะขับขี่แต่ละทริปค่อนข้างไกล ก็ต้องมองลักษณะจราจรที่เกิดขึ้นจริงในเขตเมือง ที่แม้ระยะขับขี่ในแต่ละทริปจะค่อนข้างสั้น แต่ก็มีการจราจรที่ติดขัดและใช้ระบบปรับอากาศอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ระยะขับขี่ต่อการชาร์จที่ระบุมาจากบริษัทผู้ผลิต เช่น 140 กิโลเมตร เมื่อมาขับขี่จริงในเมือง จะได้ระยะลดลงมาเหลือเพียงแค่ 80 กิโลเมตร หรือน้อยกว่านั้น
แต่ก็กับรถคันเดียวกัน ถ้าเป็นการใช้งานในเขตชานเมืองที่มีการจราจรบางเบา ก็จะได้ระยะใกล้เคียงค่าระบุ ซึ่งก็ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับการสัญจรในแต่ละวัน และก็ไม่ใช่แค่กับระยะขับขี่ต่อวันที่มีให้ไม่น้อย แต่การจัดหาพื้นที่จอดรถเพื่อชาร์จไฟก็ไม่ยากอะไรนอกเขตตัวเมือง จะเป็นสถานีน้ำมันเสียอีก ที่จะอยู่ห่างไกล และหลายๆ ครั้งก็ต้องคอยระวังว่าน้ำมันจะไม่พอเดินทางเข้าไปเติมน้ำมันในเขตเมือง ดังนั้นถ้าไม่ดูเฉพาะความเป็นสีเขียวของยานยนต์ไฟฟ้า แต่ดูถึงการตอบความต้องการของการเดินทางสัญจรในเขตชานเมืองหรือแม้แต่ในชนบท ยานยนต์ไฟฟ้าก็ดูจะน่าสนใจ แล้วยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นคำตอบได้จริงหรือไม่ กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือยานยนต์ไฟฟ้าความเร็วต่ำในประเทศจีน
นโยบายระดับชาติได้ถูกกำหนดลงมาโดยรัฐบาลจีนในปี ค.ศ. 2009 เพื่อผลักดันยานพาหนะพลังงานใหม่ หรือ New Energy Vehicle ซึ่งเป็นคำเรียกยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าโดยทั้งหมดหรือบางส่วน นับแต่นั้นมาการพัฒนายานพาหนะทางเลือกใหม่ ก็ได้เกิดขึ้นอย่างขันแข็ง การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในเซกเมนต์รถเก๋งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ในขณะที่เซกเมนต์รถบัส ถือว่าผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนมีระดับคุณภาพที่อยู่ในระดับแนวหน้าได้แล้ว
แต่มียานยนต์ไฟฟ้าอีกเซกเมนต์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาก่อนนโยบายนี้ และเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้มีนโยบายการผลักดันจากรัฐ ก็คือเซกเมนต์ยานยนต์ไฟฟ้าความเร็วต่ำ เซกเมนต์นี้ประกอบด้วยรถจักรยานไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือสกูตเตอร์ รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่และไปจนถึงรถสามล้อแบบซาเล้งหรือพ่วงข้าง ยานยนต์ไฟฟ้าเซกเมนต์นี้ ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ช่วงปี 1990 โดย ในปี ค.ศ. 2010 ปริมาณการผลิตเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อมีสูงถึง 25 ล้านคัน เป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากตัวเลขที่ต่ำกว่าห้าแสนคันในปี ค.ศ. 2000
การใช้งานทั่วไปของยานยนต์ไฟฟ้าความเร็วต่ำ
(ภาพที่ 2)
ยานยนต์ไฟฟ้าความเร็วต่ำเหล่านี้ได้รับการตอบรับที่ดีในตลาด ด้วยระดับเทคโนโลยีที่ไม่สูง คืออิงกับพื้นฐานของรถเล็กความเร็วต่ำแบบใช้เครื่องยนต์ที่ใช้อยู่ในเขตชนบทอยู่แล้ว โดยมีความเร็วสูงสุดราว 60 กม/ชม และใช้ชุดแบตเตอรี่ตะกั่วกรด ซึ่งเพียงพอที่จะให้ระยะขับขี่ราว 80-150 กม ขึ้นกับขนาดแบตเตอรี่ที่จะเลือกซื้อ ดังนั้น จุดขายหลักของยานยนต์ไฟฟ้าความเร็วต่ำก็คือราคา โดยราคาตั้งอาจต่ำกว่ารถน้ำมันในขนาดเดียวกันถึง 40% และก็แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็ถูกกว่ามาก และจุดขายที่สำคัญไม่แพ้กันคือความสะดวกสบายที่มากับยานยนต์ไฟฟ้า ก็คือผู้ใช้สามารถเติมพลังงานให้พร้อมใช้งานได้ง่ายดาย เพียงแค่ชาร์จไฟที่บ้าน ซึ่งง่ายและสะดวกกว่าการวิ่งรถระยะไกลไปสู่ปั๊มน้ำมันที่อยู่กระจัดกระจายห่างไกลในเขตชนบท อันนี้ยังรวมไปถึงการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่ามาก ไม่มีน้ำมันเครื่องหรือชิ้นส่วนจุกจิกของเครื่องยนต์ที่ต้องคอยหาอะไหล่
กรณีศึกษานี้ อยากจะสะท้อนให้เห็นว่า ถึงแม้พอพูดถึงยานยนต์ไฟฟ้า จะมีภาพยานยนต์ไฟฟ้าขนาดรถครอบครัวคันงาม ที่นำเสนอมาให้เป็นทางเลือกของคนใช้รถเก๋งเพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่คิดในมุมหนึ่ง อันนั้นเป็นภาพของประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่เมื่อรัฐอุดหนุนราคาต้นแล้ว ยานยนต์ไฟฟ้าตอบโจทย์ที่จะมาทดแทนรถคันที่สองของครอบครัวที่เคยเป็นรถน้ำมัน เช่นในสหรัฐอเมริกา หรือในบางที่ เมื่อรัฐอุดหนุนราคาต้นแล้ว ประชาชนมีความพร้อมในการจ่ายเพื่อเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้า แม้มีรถคันเดียวในบ้าน ซึ่งในกรณีนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะรวยกว่าเรา แต่กลจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงคือกรอบนโยบายชักจูง ชี้นำ ทั้งเพื่อโปรโมทยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้า เพื่อจูงใจให้บริษัทผู้ผลิตมาตั้งโรงงาน แต่ก็ชัดเจนว่า แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านี้ ความต้องการของผู้ซื้อรถไม่ได้เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอายานยนต์ไฟฟ้ามาวางตลาดเปล่าๆ แต่เป็นการอุดหนุนในรูปแบบต่างๆ จากภาครัฐ ที่จะออกมาเพื่อหักล้างข้อจำกัดหรือข้อกังขาต่างๆ ให้ผู้ซื้อรถโอบรับเทคโนโลยีใหม่
ปั๊มหลอดที่ภูทับเบิก
(ภาพที่ 3)
และจากกรณีศึกษานี้ เห็นได้ชัดว่าด้วยเทคโนโลยีเดิมๆ จากในอดีต ชนบทของประเทศจีนสามารถพัฒนาการพึ่งพาตนเองในยานพาหนะเพื่อการเดินทางสัญจรได้ จึงอยากจะชวนคิดในกรณีสำหรับประเทศไทยว่ากับเทคโนโลยีของยานยนต์ไฟฟ้าในวันนี้ การพึ่งพาตนเองได้สำหรับการเดินทางสัญจรสำหรับคนไทย ที่ไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯ ทำอย่างไรจะเกิดขึ้นได้ เราต้องการรถกระบะเบาะหนังราคาเกือบล้านบาท ที่วิ่งได้เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจริงๆหรือ เราต้องการมอเตอร์ไซค์ราคาค่อนแสนบาท ที่วิ่งได้เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปทำไม ในเมื่อทุก 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของความเร็วที่สูงขึ้นหมายถึง ความอันตรายเท่าทวีคูณที่จะมีต่อเยาวชนวัยรุ่นที่กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศ เราต้องการปั๊มหลอดในทุกถนน แม้ห่างไกลแค่ไหนใช่ไหม ในเมื่อการพัฒนาของวันนี้ได้พาไฟฟ้าเข้าถึงทุกๆ หมู่บ้านแล้ว คำตอบกับคำถามเหล่านี้คงไม่ต้องการการชักจูง ชี้นำ หรือโปรโมทจากรัฐบาลใดๆ แต่เป็นคำตอบที่คนไทยต้องตอบตนเอง เพื่อจะพาประเทศไปสู่การพึ่งพาตนเองได้ ในขณะที่เกิดจุดเปลี่ยนทางเทคโนโลยีจากรถน้ำมันมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้าในวันนี้
จริงอยู่ ยานยนต์ไฟฟ้าอาจถูกมองได้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ เป็นทางเลือกของการเดินทางสัญจรในยุคหน้า ที่การจะเกิดใช้งาน และค่อยๆ แพร่หลายได้ น่าจะเกิดจากในเขตเมืองก่อน แล้วยานยนต์ไฟฟ้าจะไปเกิดและเติบโตในชนบทได้อย่างไร แต่ถ้าดีเอ็นเอของยานยนต์ไฟฟ้า ไปเกิดในรถเซกเมนต์ที่ต่างไป และเสนอตัวไม่ใช่เป็นทางเลือก แต่เป็นทางรอดของการมีรูปแบบการเดินทางสัญจร เพื่อการทำมาหากิน เพื่อการเข้าถึงสาธารณสุข หรือเพื่อการพึ่งพาตนเองได้ในชุมชนห่างไกลสำหรับพลังงานที่จำเป็นต่อการเดินทางสัญจร อีวีก็จะเป็นคำตอบได้เสียจริงๆ
เขียนโดย : รศ.ดร.อังคีร์ ศรีภคากร
ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด : 22 มี.ค. 65
3. Traffic safety & Aging society
Coming soon
4. Connected & Autonomous vehicle
เขียนโดย: ทีมงาน Smart Mobi
ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด : 7 มิ.ย. 65
5. Shared mobility & Future mobility
การถอดรื้ออุตสาหกรรมสู่ยานยนต์ไฟฟ้า จาก Automobile สู่ Truck และ Airplane
Planes, Trains and Automobiles เป็นหนังตลกในช่วง 1980 ที่เล่าถึงการเดินทางที่ทุลักทุเลของพระเอกที่ต้องเดินทางไปกับคนแปลกหน้า ผ่านการขับรถ ลงรถไฟ และขึ้นเครื่องบิน เพื่อให้ไปถึงบ้านก่อนวัน thanks giving ให้ได้ สำหรับผู้เขียนแล้ว เมื่อมองถึงการพัฒนาอีวีในปัจจุบัน ก็นึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ว่าเทียบกันแล้ว การเดินทางของเทคโนโลยีอีวีที่ผ่านมาก็ทุลักทุเลพอสมควรอยู่
เมื่อ 15 ปีที่แล้ว อีวีในทรงรถเก๋งยังถูกมองเป็นของเล่นทางเทคโนโลยีอยู่ เพียงห้าปีที่แล้ว อีวีในทรงรถพิกอัปยังเป็นที่ถูกล้อเลียนว่าเป็นไอเดียขายฝัน แต่มาวันนี้ ในหลายตลาดทั่วโลก สัดส่วนการขายของรถเก๋งอีวีก็อยู่ในหลัก 10-20% และมีการคาดการณ์ถึงการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นไปอีก ในเมื่อราคาของรถเก๋งอีวีกำลังจะลงมาพอๆ กับราคาของรถน้ำมัน แม้แต่รถพิกอัปอีวีก็เปิดตลาดไปได้แรงพอตัวในตลาดใหญ่ของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา โดยมาจากทั้งบริษัทสตาร์ทอัปและบริษัทผู้ผลิตดั้งเดิม
อ่านต่อ คลิก https://thaipublica.org/2022/07/future-mobility7/
เขียนโดย: รศ.ดร.อังคีร์ ศรีภคากร
ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด: 4 ก.ค. 65
แหล่งข้อมูลที่ใช้อ้างอิง: Thaipublica
ตีพิมพ์ครั้งแรก: วารสาร วสท.
รูป 1 ใบโฆษณาภาพยนตร์ Planes, Trains and Automobiles ที่มาภาพ: https://www.deviantart.com/dickybreadsticks/art/Planes-Trains-and-Automobiles-1987-Folder-Icon-800998650
6. Hydrogen Renewable energy for Transportation
Coming soon
SMRC Event News in June 2022 please click http://online.anyflip.com/wqply/lxtb/htt
SMRC Event News in July 2022 please click http://online.anyflip.com/wqply/ucyh/
Upcoming Event in Aug 2022
HD Maps and Mobile Mapping Workshop
on 30 Aug 2022
Automotive Engineering
Angkee Sripakagorn
Director, Vehicle Electrification
Nuksit Noomwongs
Active Safety/ Autonomous Vehicle
Sunhapos Chantranuwatana
Eco-Driving Elder Driver
Sorawit Narupiti
ITS/Transport
Gridsada Phanomchoeng
Veh Dynamics / Autonomous V.
Computer Engineering
Kultida Rojviboonchai
Vateekul Peerapon
Electrical Engineering
Panuwat Janpugdee
Widhyakorn Asdornwised
Lunchakorn Wuttisittikulkij
Location