โรงเรียนบ้านขุนแม่รวม ที่อยู่ 164 ม.1 ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 6 โทรศัพท์ 052-082831, E- mail khunmaeruam164@gmail.com เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล 2 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เนื้อที่จำนวน 18 ไร่ 3 งาน 31 ตารางวา เขตพื้นที่บริการ 2 หมู่บ้านและ 1 หย่อมบ้าน ได้แก่บ้านขุนแม่รวม หมู่ที่ 1 บ้านห้วยเขียดแห้ง หมู่ที่ 5 และหย่อมบ้านแอเอาะ
ประวัติโดยสังเขป
โรงเรียนบ้านขุนแม่รวม เดิมตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะเปิดเป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างอาคารเรียนชั่วคราวขึ้นมา 1 หลัง ในปี พ.ศ.2517 ได้จ้างครูมาสอนเอง 2 คน โดยเป็นสาขาของโรงเรียนบ้านนากลาง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้รับอนุมัติให้เป็นเอกเทศ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2520 และทางสภาตำบลได้อนุมัติเงิน 5,000 บาท สร้างอาคารชั่วคราวขึ้น 1 หลัง
ปี พ.ศ. 2521 ทางราชการได้อนุมัติสร้างอาคารแบบ อชม.6 ขึ้น 1 หลัง ในเดือนมกราคม พ.ศ.2522 และทางอำเภอแม่แจ่ม ได้ตั้งตำบลบ้านจันทร์ขึ้นและให้บ้านขุนแม่รวม มาอยู่ในการปกครองของตำบลบ้านจันทร์ ให้เป็นหมู่ที่ 1 บ้านขุนแม่รวม ตำบลบ้านจันทร์ ในปี พ.ศ.2542 ทางโรงเรียนได้เปิดห้องเรียนเคลื่อนที่บ้านห้วยเขียดแห้งขึ้นอีก เพื่อให้เด็กบ้านห้วยเขียดแห้งได้เรียน เนื่องจากเป็นพื้นที่บริการและระยะทางห่างไกล 9 กิโลเมตร เส้นทางเดินเป็นเขาสูงชัน และถนนเป็นดินลูกรังเด็กนักเรียนเดินทางมาโรงเรียนด้วยเท้า
สภาพชุมชนโดยรวม
1) สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นภูเขา มีประชากรประมาณ 200 คน บริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียน ได้แก่ บ้านแอเอาะและบ้านห้วยเขียดแห้ง อาชีพหลักของชุมชน คือเกษตรกร ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประเพณี/ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป คือ ประเพณีสรงน้ำพระธาตุ
2) ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 อาชีพหลัก คือเกษตรกร ส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธ ฐานะทางเศรษฐกิจ/รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัวต่อปี 60,000 บาท จำนวนคนเฉลี่ยต่อครอบครัว 4 คน
3) จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน การคมนาคมยากลำบาก ชุมชนบ้านขุนแม่รวมอยู่ห่างจากตัวเมืองกัลยาณิวัฒนา ประมาณ 27 กิโลเมตร อยู่ห่างจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 6 ประมาณ 185 กิโลเมตร ความพร้อมในด้านอาคารสถานที่ และสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พอเพียง ผู้ปกครองนักเรียนฐานะยากจน มีอาชีพทางการเกษตรกรรม ไม่สามารถสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาโรงเรียนได้ตามความต้องการ