ความรู้เกี่ยวกับศาลปกครอง
(1) กรกมล ทองจันทร์ (2) ภัสราภรณ์ ฉิวรัมย์ (3) วรนิษฐา วระจันทร์ (4) อินทิรา ประจันบาล
สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
(1) 640112801018@bru.ac.th (2) 640112801038@bru.ac.th (3) 640112801041@bru.ac.th (4) 640112801056@bru.ac.th
19 กุมภาพันธ์ 2567
การพิจารณาวินิจฉัยคดีปกครองในประเทศไทย เริ่มมีตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในสมัยแรกอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยคดีปกครองรวมอยู่ที่พระมหากษัตริย์และฝ่ายปกครอง ต่อมาได้เปลี่ยนมาอยู่ที่ฝ่ายตุลาการหรือศาลยุติธรรมเป็นหลัก รูปแบบของศาลไทยยังอยู่ในระบบศาลเดี่ยว คือ มีศาลยุติธรรมเป็นองค์กรหลัก ทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง รวมถึงคดีปกครองด้วย ภายหลังนักกฎหมายและนักการเมืองต่างมีแนวความคิด จึงได้เสนอแนวคิดให้มีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้น
1.ศาลปกครองคืออะไร
ศาลปกครองนิยามความหมายไว้หลากหลายมีดังนี้
อริยพร โพธิใส (2557 : 1) ได้ให้ความหมายของศาลปกครองว่า เป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีปกครอง ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน คดีพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเอง
ฤทัย หงส์ศิริ (2560 : 5) ให้ความหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 197 "ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครองอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายหรือเนื่องมาจากการดำเนินกิจการทางปกครอง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้มีศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้น อำนาจศาลปกครองตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการวินิจฉัยชี้ขาดขององค์กรอิสระซึ่งเป็นการใช้อำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญขององค์กรอิสระนั้นๆการจัดตั้ง วิธีพิจารณาคดี และการดำเนินงานของศาลปกครองให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น"
ปานสิริ (2560 : 1) ให้ความหมายของศาลปกครองไว้ว่า เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการ เช่นเดียวกับศาลยุติธรรม แต่จะทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดี ที่เรียกว่า คดีปกครองศาลปกครองนั้นจะมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีพิพาทที่เกิดระหว่างหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน หรือระหว่างหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเอง
กล่าวโดยสรุป ศาลปกครอง หมายถึง ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครองตามที่กฎหมายบัญญัติอัน ได้แก่ คดีพิพาทที่เกิดจากการกระทำทางปกครองไม่ว่าจะเป็นคดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐบาลกับเอกชนหรือระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐบาลด้วยกัน
2.หน่วยงานทางการปกครองและเจ้าหน้าที่รัฐใดบ้างที่อาจถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
ศาลปกครอง (2557 : 13) คู่กรณีที่พิพาทในคดีปกครองอาจมีได้ในกรณี
ดังต่อไปนี้
1. เอกชนพิพาทกับหน่วยงานทางปกครอง
2. เอกชนพิพาทกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
3. หน่วยงานทางปกครองพิพาทกับหน่วยงานทางปกครอง
4. เจ้าหน้าที่ของรัฐพิพาทกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
5. เจ้าหน้าที่ของรัฐพิพาทกับหน่วยงานทางปกครอง
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ (2564 : 1)ได้อธิบายว่า การฟ้องคดีปกครองได้บัญญัติหลักเกณฑ์วิธีการไว้ใน พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และอีกส่วนหนึ่งกำหนดไว้ในระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. 2543การเสนอคำฟ้อง การยื่นฟ้องต่อศาล จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เรื่องที่นำมาฟ้องต้องเป็นคดีปกครอง และต้องเป็น กรณีตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ได้แก่การกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ออกคำสั่งผิดวิธี ไม่ดำเนินการตามระเบียบ เป็นต้น กรณีนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานทางปกครองละเลยต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานกระทำละเมิดต่อบุคคลอื่น คดีเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง คดีที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ทางปกครอง มาฟ้องคดีต่อศาลปกครอง คดีที่เกี่ยวกับเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
สำนักงานศาลปกครอง (2565 : 3) หน่วยงานทางปกครองที่อาจถูกฟ้องต่อศาลได้ มีอยู่ 7 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. หน่วยงานราชการที่เป็นราชการส่วนกลาง
2. หน่วยงานราชการที่เป็นราชการส่วนภูมภาค
3. องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
4. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ
5. หน่วยงานของรัฐที่มิได้เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่เรียกกันว่าองค์การมหาชน
6. หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ
7. หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ดำเนินกิจการทางปกครอง
กล่าวโดยสรุป เอกชนอาจถูกฟ้องต่อศาลปกครองได้เช่นกัน เช่น คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองคู่สัญญาอาจฟ้องเอกชนคู่สัญญาเป็นคดีต่อศาลปกครองได้
3.ประเภทของคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ชาญวิทย์ กันยา (2559 :1) คดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานทางปกครองกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายสรุปคำสั่งศาลปกครองสูงสุด คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอนุมัติบัตรโดยสารฟรีและรากาสำหรับบุคคลภายนอกในการประชุมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ครั้งที่ 43/2544
อธิวัฒน์ ช่อผูก (2566 : 1 ) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง มาตรา 9มาตรา 9 ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้
1.คดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่งหรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน
2.คดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
3. คดีพิพาทที่เกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งปกครองหรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
4. คดีพิพาทที่เกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด
6. คดีพิพาทที่เที่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองกล่าวโดยสรุป เป็นคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฤาคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานทางปกครอง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ราชกิจจานุเบกษา,2542:1) ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่งหรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มี อำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎคำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองคดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด
คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง
กล่าวโดยสรุป คดีที่อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด ตามมาตรา 11 แบ่งได้เป็น คดีพิพาทเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท ตามที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศกำหนดคดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาหรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด คดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
4. คดีประเภทใดที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
อิทธิพร จิระพัฒนากุล (2542:1) ได้กล่าวไว้ว่าเรื่องที่ไม่ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครองอำนาจศาลปกครอง มีดังนี้
1. การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
2. การดาเนินการของคณะกรรมการตุลาการุตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
ข้าราชการฝ่ายตุลาการ
3. คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพย์สนทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศศาลล้มละลาย หรือศาลชำนาญพิเศษอื่น
วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ (2559:3) คดีปกครองที่ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง เนื่องจากกฎหมายห้ามมิให้ ศาลปกครองรับไว้พิจารณาพิพากษาด้วยเหตุผลทางนิตินโยบายบางประการมีตัวอย่างเช่น มาตรา 9 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 บัญญัติว่า “เรื่องดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง"
(1) การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
(2) การดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการตุลาการ
(3) คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาลล้มละลาย หรือศาลชำนาญพิเศษอื่น
สำนักงานศาลปกครอง (2557 : 29) คดีที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองอาจจัดแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือคดีปกครองที่กฎหมายกำหนดไม่ให้อยู่ในอำนาจของศาลปกครองและคดีที่มิใช่คดีปกครอง โดยมีทั้งหมด6 ประเภทดังต่อไปนี้
1. คดีที่มีคู่กรณีเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐซึ่งมีลักษณะเป็นคดีปกครอง แต่มาตรา 9 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 บัญญัติยกเว้นไว้ไม่ให้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
2. คดีที่มีกฎหมายตัดอำนาจศาลปกครองไว้โดยเฉพาะ เช่น พระราชกำหนดบรรษัทบริหาร สินทรัพย์ไทย พ.ศ. 2544 บัญญัติว่า มิให้นำ กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครองมาใช้บังคับแก่การดำเนินคดี
3. คดีที่คู่กรณีมิใช่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
4. คดีที่คู่กรณีเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐ แต่การกระทำ ดังกล่าวมิได้เป็นการกระทำที่ใช้อำนาจ ทางปกครองหรือดำ เนินกิจการปกครอง หรือเป็นการกระทำส่วนตัว
5. คดีแพ่ง หรือคดีอาญา ซึ่งเป็นการดำ เนินงานตาม กระบวนการยุติธรรมทางแพ่งหรือทางอาญาอยู่ในอำนาจของ ศาลยุติธรรม
6. คดีที่ฟ้องขอให้ศาลปกครองลงโทษทางวินัยหรือลงโทษ ทางอาญาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งการลงโทษทางวินัยเป็นเรื่องที่อยู่ ในอำนาจของผู้บังคับบัญชา ส่วนการลงโทษทางอาญาเป็นอำนาจ ของศาลยุติธรรม ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
กล่าวโดยสรุป ฟ้องคดีต่อศาลปกครองต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข คดีที่ศาลปกครองมีอำนาจรับไว้พิจารณาพิพากษาได้นั้นนอกจากจะต้องเป็นคดีปกครองแล้ว ยังจะต้องปรากฏด้วยว่า ผู้ฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการฟ้องคดีครบถ้วน
5.ฟ้องคดีต่อศาลปกครองต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใดบ้าง
ชาญชัย แสวงศักดิ์. (2556)เสนอคำฟ้องการยื่นฟ้องต่อศาล จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
1. เรื่องที่นำมาฟ้องต้องเป็นคดีปกครอง และต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองคือเป็นกรณีตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
2. ต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจอำนาจศาลในที่นี้หมายถึงทั้งอำนาจและเขตอำนาจกล่าวคือ คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองชั้นต้น ก็จะต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นจะฟ้องไปยังศาลปกครอง สูงสุดไม่ได้
3. คำฟ้องต้องทำเป็นหนังสือและมีรายการตามที่กำหนดไว้และยื่นโดยถูกวิธีการฟ้องคดีปกครองไม่มีแบบของคำฟ้องกำหนดไว้เฉพาะ แต่ต้องทำเป็นหนังสือ ฟ้องด้วยวาจาไม่ได้ ใช้ถ้อยคำสุภาพ
4. ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถตามกฎหมายโดยหลักแล้วผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการทำนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ หากผู้ฟ้องคดีมีข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถก็จะต้องดำเนินการแก้ไขตามที่ประมวลกฎหมายแพ่ง
5. ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 276 ของ รัฐธรรมนูญ และมาตรา 42 กล่าวคือจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
6. ต้องยื่นฟ้องภายในระยะเวลาที่กำหนดกรณีที่ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนกฎ
7. ก่อนฟ้องคดีปกครองต้องดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อน หรือเสียหายตามขั้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับการนั้นเสียก่อน
8. การชำระค่าธรรมเนียมศาลโดยทั่วไปการฟ้องคดีปกครองไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล
9. การขอให้ฝ่ายปกครองเยียวยาแก้ไขความเสียหายก่อนฟ้องคดีในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอน
งานนิติการมหาวิทยาลัยราชกัฏวไลยอลงกรณ์(2562:1) ในพระบรมราชูปถัมภ์การเสนอคำฟ้อง การยื่นฟ้องต่อศาล จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
1. เรื่องที่นำมาฟ้องต้องเป็นคดีปกครอง และต้องเป็น กรณีตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ได้แก่
1.1 การกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ออกคำสั่งผิดวิธี ไม่ดำเนินการตามระเบียบ เป็นต้น
1.2 กรณีนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานทางปกครองละเลยต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร
1.3 เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานกระทำละเมิดต่อบุคคลอื่น
1.4 คดีเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง9
1.5 คดีที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ทางปกครอง มาฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
1.6 คดีที่เกี่ยวกับเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
2. ต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจต้องยื่นฟ้องศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นหรือศาลที่ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลำเนาอยู่เขตศาลนั้น
3. คำฟ้องต้องทำเป็นหนังสือและมีรายการตามที่กำหนดไว้และยื่นโดยถูกวิธี
4. ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถตามกฎหมาย
5. ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 276 ของ รัฐธรรมนูญ และมาตรา 42 พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
6. ต้องยื่นฟ้องภายในระยะเวลาที่กำหนดกรณีที่ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนกฎ หรือคำสั่งทางปกครอง
7. ก่อนฟ้องคดีปกครองต้องดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อน หรือความเสียหายตามขั้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับการนั้นเสียก่อน
8. การชำระค่าธรรมเนียมศาลกรณีการฟ้องคดีขอให้ศาลสั่งให้ใช้เงินหรือส่งมอบทรัพย์สินอันสืบเนื่องจากคดีพิพาทเกี่ยวกับการทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักศาลปกครอง(2557:1) คดีที่ศาลปกครองมีอำนาจรับไว้พิจารณาพิพากษาได้นั้นนอกจากจะต้องเป็นคดีปกครองแล้ว ยังจะต้องปรากฏด้วยว่า ผู้ฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการฟ้องคดีครบถ้วนแล้ว ดังนี้
1. เป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองนั้น ผู้มีสิทธิฟ้องคดีจะต้องเป็น ผู้ซึ่งได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
2. ได้ดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายตามข้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดแล้วเรียบร้อย
กล่าวโดยสรุป ฟ้องคดีต่อศาลปกครองต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข คดีที่ศาลปกครองมีอำนาจรับไว้พิจารณาพิพากษาได้นั้นนอกจากจะต้องเป็นคดีปกครองแล้ว ยังจะต้องปรากฏด้วยว่า ผู้ฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการฟ้องคดีครบถ้วน
6.ฟ้องคดีต่อศาลปกครองต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลหรือไม่
ณัฐกฤช มุสิกะโสภณ (2560:3) ค่าธรรมเนียมศาล การฟ้องคดีปกครองนั้น กฎหมายวางหลักไว้ว่า ผู้ฟ้องคดีไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล เช่น ฟ้องคดีขอให้ศาลสั่งเพิกถอนกฎ หรือคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องคดีขอให้สั่งห้ามการกระทำทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องคดีขอให้ศาลสั่งให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
นิธินันท์ สุขวงศ์.(2557:1) โดยปกติการฟ้องคดีปกครองต่อศาลปกครอง ผู้ฟ้องคดีไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ตามหลักในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
สำนักวิจัยและวิชาการสำนักงานศาลปกครอง.(2564 : 3) ธรรมเนียมศาล การฟ้องคดีต่อศาลปกครองโดยทั่วไปแล้วไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล เว้นแต่การฟ้องคดีขอให้ศาลปกครองพิจารณาให้ใช้เงิน คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองการฟ้องคดีต่อศาลปกครองมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1.เตรียมเอกสาร
1. 1รวบรวมข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี
1.2 เขียนคำฟ้องเป็นลายเดียวหรือลายทับ
2.ยื่นคำฟ้อง
2.1 นำเอกสารและคำฟ้องไปยื่นที่ศาลปกครองท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
3.พยาน
3.1 ให้คู่จำหน่ายรับทราบการฟ้องคดี
3.2 ทำการแจ้งคู่จำหน่ายถึงการวาระการพิจารณาคดี
4.นัดพิจารณา
4.1ศาลจะตั้งวาระการนัดพิจารณาคดี
4.2 คู่จำหน่ายต้องเข้าร่วมการนัด
5.ประกาศคำพิพากษาศาลจะประกาศคำพิพากษาหลังจากการพิจารณาโปรดทราบว่าขั้นตอนและรายละเอียดอาจแตกต่าง ไปตามกฎหมาย
กล่าวโดยสรุป การฟ้องคดีปกครองนั้น กฎหมายวางหลักไว้ว่าผู้ฟ้องคดีไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ค่าธรรมเนียมศาลเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการฟ้องคดี
7.ยื่นคำฟ้องคดีปกครองได้ที่ใด
การฟ้องคดีปกครองได้บัญญัติหลักเกณฑ์วิธีการไว้ใน พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์(2564:1)เรียบร้อย
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักศาลปกครอง ศาลปกครองมี 2 ชั้นศาล คือศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด
กล่าวโดยสรุปการฟ้องคดีปกครองนั้นต้องฟ้องที่ศาลไหน จะต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ชั้นต้นที่มีเขตอำนาจ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ยื่นฟ้องต่อศาลที่ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลำเนาหรือที่มูลคดีเกิด
อ้างอิง
ปานสิริ. (2560). ศาลปกครองคืออะไร สืบค้นเมื่อ 8 มกราคม 2567.https://www.winnews.
มัฐกฤษ มุสิกะโสภณ. (2560)การฟ้องคดีต่อสาลปกครอง สืบค้นเมื่อวันที่ มกราคม 2567.https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/elaw_parcy/ewt_dl_link.php?nid=1446
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2564),การฟ้องคดีปกครอง.สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567. http://legal.vru.ac.th/?p=7264
ฤทัย หงส์ศิริ.(2560).กฎหมายปกครองคืออะไร สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567.http://www.stabundamrong.go.th/web/train/train43/270959/train(27)1_1.pdf
สำนักงานศาลปกครอง (2565),การดำเนินคดีปกครองสำหรับประชาชน.สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 https://www.koratdla.go.th/public/list_upload/backend/list_630014234/files_150519_1.pdf
สำนักงานศาลปกครอง.(2557), ข้อควรรู้ก่อนไปศาลปกครอง.สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม2567. https://admincourt.go.th/admincourt/upload/w ebcms/Oldnews/attach/news attach/2015/02/k or- 01-2558-n13 ndf
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง.(2565).คดีปกครองประเภทที่อาจถูกฟ้องกับศาลปกครองได้ สืบค้นเมื่อ 9 มกราคม 2567.https://www.admincourt.go.th.
อริยพร โพธิใส.(2557) ศาลปกครองคืออะไร สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567. https://www.senate.go.th