“สพฐ. มีความห่วงใยเด็กและเยาวชนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างครบถ้วน จึงได้กำชับหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ให้เป็นไปตามระเบียบ/ประกาศ/แนวปฏิบัติของส่วนราชการ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อให้เด็กทุกคนที่อาศัยในผืนแผ่นดินไทยได้มีสิทธิและโอกาสเข้าเรียนอย่างเสมอภาค ทั่วถึงและเท่าเทียม”
🙋ขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
เข้าระบบ G-Code : https://gcode.moe.go.th/genpin/login.htm?mode=index
ลงทะเบียนเข้าใช้งาน (กรณีผู้ใช้งานยังไม่มีรหัสผ่าน)
ตรวจสอบข้อมูลผู้เรียน (กรณีตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลหรือไม่ตรงกับข้อมูลที่มีอยู่)
บันทึกข้อมูลนักเรียนในระบบ G-Code ให้ครบถ้วน พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน ที่ประกอบด้วย
- ข้อมูลตามแบบฟอร์มประวัติบุคคล พร้อมติดภาพถ่ายของนักเรียน ลายมือชื่อ และผู้รับรอง
- ข้อมูลนักเรียนตามแบบฟอร์มการขอเลยรหัส G พร้อมติดภาพถ่ายนักเรียน ปั้มลายนิ้วมือ 10 นิ้ว ครูประจำชั้นรับรอง และผู้อำนวยการโรงเรียนรับรอง
นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองโฆษก สพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกหนังสือเรื่องกำชับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย แจ้งถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตนั้น
เนื่องด้วยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ สพฐ. ต้องการออกหนังสือเพื่อซักซ้อมความเข้าใจและแสวงหาวิธีการในการรับนักเรียนเพื่อให้เด็กทุกคนที่อาศัยในผืนแผ่นดินไทยได้มีสิทธิและโอกาสเข้าเรียนอย่างเสมอภาค และไม่ได้มีเจตนาริดรอนสิทธิหรือปิดกั้นโอกาสนักเรียนในการเข้าถึงการศึกษาแต่อย่างใด
แต่ในทางกลับกันการออกหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นการซักซ้อมความเข้าใจถึงวิธีการที่ถูกต้องในการส่งเสริม สนับสนุน และเปิดโอกาสให้เด็กไทยทุกคนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือมีสัญชาติไทยได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นางภัทริยาวรรณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย หรือเด็กต่างด้าวเข้าเรียน ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เรื่อง ให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย สามารถสรุปได้ว่า
เด็กที่อายุไม่เกิน 18 ปี ที่อยู่ในเขตอำนาจของรัฐไทย ต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน โดยห้ามเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุเชื้อชาติ สีผิว ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางอื่น ต้นกำเนิดทางชาติ ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิดหรือสถานะอื่น ๆ ของเด็ก
เด็กต้องได้รับการรับรองสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
การได้รับสิทธิตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพตามแนวนโยบายของรัฐบาลด้านการศึกษาที่จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
สพฐ. แจงแนวปฎิบัติรับนักเรียน รับเด็กต่างด้าวเข้าเรียน ให้มีการศึกษา ตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ย้ำเด็กทุกคนที่อาศัยในประเทศไทยมีสิทธิ "โอกาสศึกษา" เข้าเรียนอย่างเสมอภาค
นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองโฆษก สพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกหนังสือเรื่องกำชับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย แจ้งถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตนั้น
เนื่องด้วยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ สพฐ. ต้องการออกหนังสือเพื่อซักซ้อมความเข้าใจและแสวงหาวิธีการในการรับนักเรียนเพื่อให้เด็กทุกคนที่อาศัยในผืนแผ่นดินไทยได้มีสิทธิและโอกาสเข้าเรียนอย่างเสมอภาค และไม่ได้มีเจตนาริดรอนสิทธิหรือปิดกั้นโอกาสนักเรียนในการเข้าถึงการศึกษาแต่อย่างใด
แต่ในทางกลับกันการออกหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นการซักซ้อมความเข้าใจถึงวิธีการที่ถูกต้องในการส่งเสริม สนับสนุน และเปิดโอกาสให้เด็กไทยทุกคนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือมีสัญชาติไทยได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม