พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
“...การพัฒนาชนบทเป็นงานที่สำคัญ เป็นงานที่ยาก เป็นงานที่จะต้องทำให้ได้ด้วยความสามารถ ด้วยความเฉลียวฉลาด คือ ทั้งเฉลียวและฉลาด ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิใช่มุ่งที่จะหากินด้วยวิธีการใดๆ ใครอยากหากินขอให้ลาออกจากตำแหน่งไปทำการค้าดีกว่า เพราะผิดพลาดไปแล้วบ้านเมืองเราจะล่มจม และเมื่อบ้านเมืองของเราล่มจมแล้ว เราอยู่ไม่ได้ก็เท่ากับเสียหมดทุกอย่าง...”
พระราชทานแก่คณะผู้บริหารเร่งรัดพัฒนาชนบทระดับผู้ว่าการจังหวัด
19 มิถุนายน 2512
“...ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี
11 ธันวาคม 2512
“...การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอจะต้องอาศัยความรู้รอบตัว และหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด
นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมมนุษย์...”
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
18 กันยายน 2504
“...เด็กเป็นผู้ที่จะรับช่วงทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้ใหญ่ รวมทั้งภาระรับผิดชอบ ในการธำรงรักษาความผาสุกสงบของประชากรโลก ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสมควรและสมควรที่จะต้องได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเหมาะสม ให้มีความสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ต่างๆ พร้อมทั้งการฝึกหัดขัดเกลาความคิดจิตใจให้ประณีต ให้มีศรัทธามั่นคงในคุณธรรมความดี มีความประพฤติเรียบร้อยสุจริต และมีปัญญาฉลาดแจ่มใสในเหตุในผล
พระราชทานในโอกาสปีเด็กสากล
1 มกราคม 2522
“...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานมั่นคง พร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจขึ้นสูงโดยลำดับไป...”
พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลับเกษตรศาสตร์
18 กรกฎาคม 2517
“...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาจะให้เมืองไทย พออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐานตั้งปณิธานในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้...”
พระราชทานเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย
4 ธันวาคม 2517
“...การที่จะทำงานให้สัมฤทธิ์ผลที่พึงปรารถนา คือที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมด้วยนั้น จะอาศัยความรู้แต่เพียงอย่างเดียวมิได้ จำเป็นต้องอาศัยความสุจริต ความบริสุทธิ์ใจ และความถูกต้องเป็นธรรมประกอบด้วย เพราะเหตุว่า ความรู้นั้นเป็นเหมือนเครื่องยนต์ที่ทำให้ยวดยานเคลื่อนที่ไปได้ประการเดียว
ส่วนคุณธรรมดังกล่าวเป็นเหมือนหนึ่งพวงมาลัยหรือหางเสือ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะนำพาให้ยวดยานดำเนินไปถูกทางด้วยความสามัคคี คือปลอดภัย จนบรรลุถึงจุดหมายที่พึงประสงค์...”
พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยรามคำแหง
9 กรกฎาคม 2520
“...การทำงานใดๆ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ ง่าย ยาก ถ้าย่อหย่อนจากความเพียรแล้ว ยากที่จะให้สำเร็จเรียบร้อยทันเวลาได้ การฝึกฝนความเพียร ถึงหากแรกๆจะรู้สึกเหนื่อยลำบาก แต่พอได้เพียรจนเป็นนิสัยแล้วก็จะกลับเป็นพลังสำคัญ ที่คอยกระตุ้นเตือนให้ทำงานอย่างจริงจัง ด้วยใจร่าเริง และเมื่อใดพลังของความเพียรนั้นเกิดขึ้น เมื่อนั้นการงานทั้งหลายก็สำเร็จได้โดยง่ายและรวดเร็ว...”
พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ
21 มิถุนายน 2522
“...คนที่ไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ...”
พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
12 กรกฎาคม 2522
“...ผู้ที่จะสามารถทำงานให้ชาตินั้น จำเป็นจะต้องมีใจตั้งมั่นในงานมีความอดทนเสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต และสำคัญกว่าอย่างอื่นจะต้องมีความคิดความเข้าใจที่กระจ่าง แน่นอน และเที่ยงตรง ตามเหตุผลความเป็นจริง...”
พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
24 มกราคม 2522
“...ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่า ผู้มีความรู้มากแต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ...”
พระราชทานพระราชทานแก่คณาจารย์โรงเรียนต่างๆ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
18 มีนาคม 2523
“...ถ้าเราทำกรรมดี เราก็เจริญได้ เราก็มีทางที่จะมีอนาคตแจ่มใส ความจริงอนาคตขอเรา ก็อยู่ที่ปัจจุบันที่เราทำอยู่นี้ ถ้าเราทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็คงดี ถ้าเราละเลยไม่ทำอะไรเลยข้างหน้าก็คงไม่มีอะไรเลย...”
พระราชทานแก่คณะกรรมการการจัดงานมหกรรมกีฬามหากุศล ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
25 มิถุนายน 2524
“...เด็กๆจะต้องรู้ว่าความสุขสบายมิชะได้มาง่ายๆ เปล่าๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการประกอบการงาน และความดีต่างๆ ซึ่งต้องพากเพียรกระทำอยู่ตลอดเวลา
คนที่ทำตัวไม่ดีไม่หมั่นทำการงาน จะหาความสุขสบายไม่ได้ เพราะฉะนั้น เด็กทุกคนจะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนความรู้ความดีไว้ให้เต็มที่ สำหรับช่วยตัวเองให้ได้ดี มีความสุขความเจริญต่อไป...”
พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี 2525
“...การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดี...”
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและกระบี่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
14 สิงหาคม 2525
“...การบำเพ็ญประโยชน์จะต้องทำที่ตัวเองก่อน ด้วยการประพฤติดี เป็นต้นว่า รักษาระเบียบวินัย รักษาความสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียรปฏิบัติกิจการงานด้วยความเข้มแข็งหนักแน่นให้จนติดเป็นนิสัย ผลของการทำดีที่เป็นประโยชน์ ก็จะงอกงามขึ้นในตัวผู้ปฏิบัติอย่างเต็มเปี่ยมแล้วจะสะท้อนออกถึงผู้อื่น พลอยให้ผู้อื่นและส่วนรวมได้รับผลดีด้วย...”
พระราชทานในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนามเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
1 กรกฎาคม 2527
“...ความเจริญนั้นจะเกิดขึ้นได้ ย่อมต้องอาศัยเหตุปัจจัยประกอบกันหลายอย่าง นอกจากวิทยาการที่ดีแล้ว จะต้องอาศัยความยุติธรรมเที่ยงตรง และความสะอาดสุจริต ซึ่งต้องเป็นไปพร้อม ทั้งในความคิดและการกระทำ...”
พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น
19 ธันวาคม 2528
“...เมื่อทำงานต้องมุ่งถึงจุดหมายที่แท้ของงาน งานจึงจะสำเร็จได้รับประโยชน์ครบถ้วน ทั้งประโยชน์ของงาน ทั้งประโยชน์ของผู้ทำ
ถ้าทำงานเพื่อจุดมุ่งหมายอื่นๆ เช่น เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แม้จะได้ผลมากมายเพียงใด แต่ทำให้เสียทั้งงาน เสียทั้งคน...”
พระราชทานเนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน ปีพุทธศักราช 2532 พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
9 มีนาคม 2532
“...ในการปฏิบัติราชการนั้น ขอให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อย่านึกถึงบำเหน็จรางวัลหรือผลประโยชน์ให้มาก ขอให้ถือว่าการทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ เป็นทั้งรางวัลและผลประโยชน์อย่างประเสริฐ จะทำให้บ้านเมืองไทยของเราอยู่เย็นเป็นสุขและมั่นคง...”
พระราชทานเนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน ปีพุทธศักราช 2533 พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
19 มีนาคม 2533
“...คนเราถ้าพอในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียนคนอื่นน้อย ถ้ามีความคิดอันนี้ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข...”
พระราชทานเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย
4 ธันวาคม 2542
สื่อวีดิทัศน์การถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ระดับมหาวิทยาลัย ประจำปี 2559