การจัดการข้อความ
คำสั่งที่ใช้ในส่วนของ body section ทั้งหมดโดยจะเป็นคำสั่งในส่วนของการจัดหน้า
1. คำสั่งที่ใช้ในการจัดย่อหน้า
คำสั่ง P นี้จะเพิ่มบรรทัดว่างก่อนและหลังตัวอักษรที่เราพิมพ์ไปโดยอัตโนมัติ ตามที่แสดงในตัวอย่าง
รูปแบบ p tag
Source Code
<p> ย่อหน้าที่ 1 </p> <p> ย่อหน้าที่ 2 </p> <p> ย่อหน้าที่ 3 </p>
2. คำสั่งที่ใช้ในการขึ้นบรรทัดใหม่
การตัดบรรทัดใหม่นั้นปรกติ web browser จะทำการตัดให้อยู่แล้ว แต่การตัดคำของ web browser จะตัดเมื่อแสดงผลไม่ได้ แต่ถ้าเราใส่คำสั้ง <br> เข้าไป web browser จะตัดให้ทันที ซึ่งคุณอาจจำเป็นที่จะต้องตัดคำเป็นบรรทัดสั้นๆเช่น การเขียนกลอนดังตัวอย่าง
รูปแบบ br tag
Source Code
บรรทัดที่ 1 <br> บรรทัดที่ 2 <br> บรรทัดที่ 3 <br>
3. คำสั่งที่ใช้กับข้อความที่เป็นหัวเรื่อง
คำสั่ง h จะมีทั้งหมด 6 ลำดับด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ h1, h2, h3 ,h4, h5, h6 ซึ่งขนาดของ h1 จะใหญ่ที่สุดดังตัวอย่างที่แสดง โดยเราจะใช้กับตัวอักษรที่ต้องการให้เป็นหัวเรื่องเพื่อให้อักษรนั้นโดดเด่นขึ้นมา จะสังเกตุได้ว่าเมื่อใช้ h tag จะตัดตัวอักษรที่ต่อจาก h tag เป็นบรรทัดใหม่อัตโนมัติ
รูปแบบ h tag
Source Code
<h1>head 1</h1> <h2>head 2</h2> <h3>head 3</h3> <h4>head 4</h4> <h5>head 5</h5> <h6>head 6</h6>
4. คำสั่งที่ใช้ในการขึดเส้นคั่น
คำสั่งที่ใช้ในการขีดเส้นคั่น
รูปแบบ hr
Source Code
<p>เนื้อหาบทที่ 1</p> <hr> <p>เนื้อหาบทที่ 2</p> <hr>
5. คำสั่งที่ใช้ในการจัดตัวอักษรชิดซ้าย ชิดขวา หรือกึ่งกลาง
การจัดให้ตัวอักษรให้ชิดซ้าย ขวา หรือกึ่งกลาง เราจะใช้ Attributes ให้รายละเอียดของ tag โดยเราจะใช้ aling เพื่อบอกว่าให้ชิดซ้าย (align = 'left') ชิดขวา (align = 'right') และ จัดกึ่งกลาง (align = 'center')
รูปแบบ align
Source Code
<h3 align = 'left'>ชิดซ้าย</h3> <h3 align = 'right'>ชิดขวา</h3> <h3 align = 'center'>จัดเข้ากลาง</h3>
6. คำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนสีพื้นหลัง
bgcolor เป็น Attributes อย่างหนึงเหมือนกันที่ใช้กำหนดสี คุณอาจเปลี่ยนจาก สีเขียว(green) เป็น เหลือง(yellow) หรือสีอื่นๆก็ได้
รูปแบบ bgcolor
Source Code
<body bgcolor ='green'> <h1> ดูสีพื้นหลัง </h1> </body>
7. การเขียนคำบรรยาย soure code
ในส่วนของคำบรรยาย soure code นั้นจะไม่แสดงที่ web browser เราเขียนเพื่อบรรยายว่า sorce code ส่วนนี้ใช้ทำอะไร เพื่อความสะดวกเมื่อกลับมาแก้ไข sorce code ในภายหลังเพราะเราอาจจำไม่ได้ว่าเราเขียนส่วนนี้ไว้เพื่ออะไร เพราะว่าจริงๆแล้ว soure code ที่เราใช้งานจริงนั้นจะมีมากมายหลายร้อยบรรทัด ถ้าเราไม่เขียนบรรยายไว้ก็ทำให้เสียเวลาในการหาส่วนที่เราต้องการจะแก้ไข
รูปแบบการเขียนคำบรรยาย source code
Source Code
<!-- คำบรรยาย source code --!>
ตัวเอียง ตัวหนา หรือแบบอักษรแบบต่างนั้นมีเพื่อให้เราอ่านบทความได้ง่ายขึ้น หรือเป็นการเน้นคำ ซึ่งในบทนี้เราจะมาดูกันว่ามีคำสั่งอะไรบ้าง
1. คำสั่งที่ใช้ในการจัดลักษณะตัวอักษร
ในหัวข้อนี้จะเป็นคำสั่งที่ใช้ในการจัดรูปแบบทั่วไปเช่นตัวเอียง ตัวหนา คำสั่งเราจะแบ่งได้เป็น 2 พวกดังนี้
1.1. แบ่งตามลักษณะที่ปรากฏ เช่นตัวเอียง ตัวหนา
HTML
<B>
<I>
<S>
<Sub>
<Sup>
<U>
รูปแบบที่แสดง
ตัวอักษรแบบตัวหนา (bold)
ตัวอักษรแบบตัวเอน (italic)
ตัวอักษรแบบตัวขีดฆ่า (strike)
ตัวอักษรแบบตัวห้อย (subscripted)
ตัวอักษรแบบตัวยก (superscripted)
ตัวอักษรแบบขีดเส้นใต้ (underline)
1.2. แบ่งตามการใช้งาน เช่น ใช้กับคำพูดหรือวลี ใช้กับข้อความที่สำคัญมาก
HTML
<Em>
<Stong>
<Ins>
<Del>
<Code>
<Address>
รูปแบบที่แสดง
ใช้เน้นข้อความ คำพูดหรือวลี (emphasized)
ใช้เน้นข้อความที่สำคัญมากๆ (strong)
ใช้เน้นข้อความที่แก้ไขเพิ่มเติม (inserted)
ใช้บอกว่าข้อความนี้ถูกลบไปแล้ว (deleted)
ใช้บอกว่าข้อความที่เป็นโปรแกรม (computer code)
ใช้บอกว่าข้อความที่เป็นที่อยู่ (computer code)
B ให้ผลลัพธ์เหมือนกับ Strong เราจะเลือกใช้แบบใดก็ได้ ให้ผลลัพท์เหมือนกันแต่อาจจะมีความหมายในการใช้งานที่ต่างกัน
2. คำสั่งที่ทำให้รูปแบบตัวอักษรใน soure code เหมือนกับที่แสดงผล
Pre tag จะมีประโยชน์มากในการที่เราจะแสดงบทความที่มีเนื้อหามาก หรือ คัดลอกเนื้อหาจากที่อื่นมาทำให้เราไม่ต้องขึ้นบรรทัดใหม่ด้วยคำสั่ง br และใช้ในการแสดง source code ได้ดีอีกด้วย
รูปแบบของ Pre tag
Source Code
<pre> ..... </pre>
3. คำสั่งแสดงสัญลักษณ์พิเศษต่างๆ
สัญลักษณ์พิเศษบางตัวเช่น เครื่องหมายมากว่า (>) หรือ เครื่องหมายน้อยกว่า (<) ซึ่งเครื่องหมายเหล่านี้ใช้ในภาษา HTML ด้วยทำให้ตัวอักษรที่อยู่ในเครื่องหมายเหล่านี้กลายเป็น Tag หมด หรือเครื่องหมายที่ไม่มีบนคีบอร์ด แต่ถ้าเราต้องการแสดงเครื่องหมายเหล่านี้เราต้องใช้ Entity Name แทน ตามแบบด้านล่าง
list tag ใช้ในการจัดข้อมูลเป็นชุดๆ หรือเป็นหัวข้อ
ซึ่งจะทำให้ข้อมูลอ่านได้ง่ายขึ้น ซึ่ง list แบ่งได้เป็น 2 แบบด้วยกัน
1. list แบบไม่มีลำดับ
เป็น list แบบง่ายดีสุดเหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่ไม่มีลำดับเกี่ยวข้อง โดยมีรูปแบบดังนี้
รูปแบบ list แบบไม่มีลำดับ
Source Code
<ul> <lh> หัวข้อ</lh> <li> ข้อมูล 1</li> <li> ข้อมูล 2</li> </ul>
2. list แบบมีลำดับ
เป็น list แบบง่ายดีสุดเหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่ไม่มีลำดับเกี่ยวข้อง โดยมีรูปแบบดังนี้
รูปแบบ list แบบมีลำดับ
Source Code
<ol> <lh> หัวข้อ</lh> <li> ข้อมูล 1</li> <li> ข้อมูล 2</li> </ol>
3. การใส่สัญลักษณ์ให้กับ list
การใส่สัญลักษณ์ให้กับ list เราจะเห็นสัญลักษณ์หน้า list อยู่แล้วซึ่งสัญลักษณ์ตัวนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้ Attibuet คำสั่ง type มีรายละเอียดดังนี้
สัญลักษณ์ที่ใช้กับแบบไม่มีลำดับ
สัญลักษณ์ที่ใช้กับแบบมีลำดับ
4. การใช้ list ซ้อน list
ในตัวอย่างจะเป็นการทำ list ซ้อน list ซึ่ง html จะเปลี่ยนสัญลักษณ์ให้อัตโนมัติ
5. list แบบให้คำจำกัดความ
Definition list เป็น list ที่ใช้กับการให้คำจำกัดความ ดังตัวอย่าง
list เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับการแสดงข้อมูลเป็นชุดๆ ซึ่งจะสะดวกและ อ่านข้อมูลได้ง่าย เป็นทางเลือกทางหนึ่งที่ดีในการใช้แสดงบทความ
ที่มา http://www.hellomyweb.com/course/html/