อำเภอปะคำมีสถานที่สำคัญ ๆ ดังนี้
1. ปราสาทตาดำ
หมู่ที่ 4 บ้านโคกสมบูรณ์ ตำบลไทยเจริญ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ประเภทโบราณสถาน เป็นศาสนสถานร้าง ก่อสร้างด้วยศิลาแลง มีซากปราสาทร้างปรางค์โบราณ กำแพงหินศิลาแลงล้อมรอบ มีสระน้ำขนาดใหญ่ด้านทิศตะวันออกของปราสาท ขึ้นทะเบียนโบราณสถานพร้อมทั้งกำหนดเขตที่ดิน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 99 ตอนที่ 172 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2528 กรมศิลปากรได้กำหนดเขตที่ดินจำนวน 2 ไร่ 3 งาน 25 ตรารางวา
2. ปราสาทบ้านโคกงิ้ว
ตำบลปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม 2478 องค์ปรางค์สร้างด้วยศิลาแลง มีประตูทางทิศตะวันออก ส่วนด้านอื่นๆ เป็นประตูหลอก ประตูทางเข้าปราสาทอยู่ตรงกำแพงด้านตะวันออกทำด้วยหินทราย กำแพงก่อด้วยศิลาแลงเหลือเป็นแนวทั้ง 4 ด้าน กว้าง 24 เมตร ยาว 25 เมตร ด้านทิศตะวันออก มีสระน้ำขนาดใหญ่ ปราสาทโคกงิ้ว ได้พบจารึกเป็นภาษาเขมรบนแผ่นสำริดลักษณะเป็นวงโค้ง ขนาดกว้าง 8 เซนติเมตร ยาว 21 เซนติเมตร แปลความได้ว่า “มหาศักราช 1115 ไทยธรรมของพระบาทกมรเตงอญ ศรีชยวรมเทวะ ถวายแด่พระองค์พระอโรคยาศาล ณ วีเรรทรปุระ” นอกจากนี้ยังพบรูปปติมาศิลา 2 กร กุมของบางอย่าง ยกแนบกับพระอุทร นั่งขัดสมาธิบนฐานที่มีลายเป็นลูกแก้ว และรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรศิลา มี 4 กร พระหัตถ์ขวาบนถือลูกประคำพระหัตถ์ขวาล่างทำปางประทานพร พระหัตถ์ซ้ายบนถือสังข์ พระหัตถ์ซ้ายล่างถือของบางอย่างวางอยู่บนพระเพลาประทับนั่งขัดสมาธิบนฐานยอดพระเกศชำรุดปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราสาทนี้มีอายุระหว่างพ.ศ.1700 – 1750
3. ปราสาทโพธิ์ย้อย (วัดบ้านปะคำ)
ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณที่เป็นปราสาท คือ บริเวณโรง-อุโบสถหลังเดิม ตั้งแต่เดิมเป็นเพียงฐานหินประดิษฐาน พระพุทธรูป 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนาคปรกเป็นพระพุทธรูปสลักลงเป็นแท่งหิน อีกองค์เป็นพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งเล่ากันว่าได้นำทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนครสวรรค์ นอกจากนี้ยังปรากฏทับหลัง และหลักเสมาเป็นศิลปะสมัยลพบุรี
4. ปราสาทบ้านใหม่ไทยเจริญ
หมู่ที่ 5 บ้านโคกปราสาท ตำบลไทยเจริญ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ภายในโรงเรียนมารดาวนารักษ์ มีลักษณะเป็นเนินดินขนาดกว้าง 8 เมตร เสาประตูตั้งอยู่เข้าใจว่าเป็นปราสาทที่ก่อด้วยอิฐเป็นศิลปะลพบุรี มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-16
5. ปราสาทหินทุ่งศรีสุข
ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านโคกงิ้ว ตำบลปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ มีลักษณะเป็นเนินดิน ปรากฏมีกองหินทับถมกันและมีร่องรอยของสระน้ำ
6. ปราสาทป่าอีหอ
ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านโคกปราสาท ตำบลไทยเจริญ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์
7. ปราสาทสระตะคร้อ
ตั้งอยู่บ้านโคกปราสาท หมู่ที่ 5 ตำบลไทยเจริญ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์
8. ปราสาทหนองน้ำขุ่น
ตั้งอยู่บ้านหนองน้ำขุ่น หมู่ที่ 1 ตำบลหนองบัว อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ตะวันออกเฉียงใต้ของสระน้ำบ้านหนองน้ำขุ่น มีสระน้ำล้อมรอบ 4 ด้าน ปรากฏบริเวณเนินดินกว้างประมาณ 20 เ มตร ยาว 20 เมตร
9. ถ้ำเป็ดทอง
ถ้ำเป็ดทองอยู่ห่างจากหมู่บ้านโคกเขาหญ้าคาหมู่ที่ 6 ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร มีเนื้อที่กินบริเวณประมาณ 3 ไร่ เป็นถ้ำที่มีลักษณะพิเศษคือ ไม่เหมือนถ้ำโดยทั่วไปมักอยู่ในภูเขา แต่ถ้ำเป็ดทองมีลักษณะเป็นเหมือนเพิงหินที่ยื่นออกไปในพื้นดินด้านที่ต่ำกว่าสภาพโดยทั่วไปด้านบนเป็นหินคล้ายลักษณะหินปูน หรือหินทราย มีปากปล่องจากด้านบนที่สามารถเดินลงไปจนถึงปากถ้ำความยาวประมาณ 80 เมตรซึ่งปัจจุบันปากปล่องแห่งนี้ก็ยังมีปรากฏให้เห็นอยู่แต่ไม่สามารถลงไปในถ้ำได้แล้วเนื่องจากมีดินอุดบริเวณปากปล่องไว้ ภายในถ้ำมีวัตถุโบราณอันเป็นที่มาของตำนานถ้ำเป็ดทอง คือ เรือหิน ลักษณะคล้ายเรือสำเภามีความกว้างที่คนสามารถเข้าไปนั่งได้ มีความยาวประมาณ 10 เมตร ตัวเรือตั้งเป็นแนวขวางอยู่บริเวณปากถ้ำมีหินซึ่งลักษณะคล้ายเป็ดอันเป็นที่มาของชื่อถ้ำเป็ดทองด้านปากถ้ำของถ้ำเป็ดทองมีจารึกอักษรซึ่งเข้าใจว่าเป็นภาษาสันสกฤต 3 แห่ง อยู่ข้างหน้า ริมน้ำด้านตะวันออก 2 แห่ง และอยู่ข้างหลังด้านตะวันตกเฉียงใต้ 1 แห่ง อักษรทั้ง 3 แห่ง ลบเลือนไปมาก คำจารึกที่เป็นภาษาสันสกฤตอ่านแปลได้ความปะติดปะต่อว่า “จิตรเสนได้สถาปนาลึงค์ขึ้นด้วยความภักดีต่อพระคัมภุ และได้รับอนุญาตจากบิดามารดา” จิตรเสนเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรเจนมีพระนามว่า พระเจ้ามเหทรวรมัน สิ้นพระชนม์ราว พ.ศ.1153 จิตรเสนเป็นโอรสองค์เล็กของวีรวรมัน และเป็นพระอนุชาของพระเจ้าภววรมันที่ 1 ได้ร่วมกันแยกการปกครองจากฟูนันออกมาได้และสถาปนาอาณาจักรเจนละขึ้นในปี พ.ศ. 1093
ดังนั้น จารึกนี้คงอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 11 พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เจนละองค์ที่ 2 พระนามว่า มเหทวรมัน อยู่ในระหว่าง พ.ศ.1143-1154 (เอกสารแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ หน้าที่ 14) ถ้ำเป็ดทองยังมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้เข้ามามีบทบาทในเขตอีสานใต้ โดยเฉพาะในเขตอำเภอปะคำบริเวณถ้ำเป็ดทอง จึงเป็นสถานที่พักหลบซ่อนตัวของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จากเจ้าหน้าที่ บ้านเมือง ควบคู่กับถ้ำ “ฝ่าละมี” ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกันที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปะทะกันระหว่างกองกำลังของสมาชิกคอมมิวนิสต์กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ถ้ำเป็ดทองเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้ในอดีตครั้งนั้นด้วย เรื่องเล่าหรือตำนานเกี่ยวกับถ้ำเป็ดทองได้มีมานานแล้ว แต่ในปัจจุบันมีเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ในท้องถิ่นเท่านั้นที่พอจะจำเรื่องเล่านั้นได้ แต่มีบางส่วนที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกับคณะผู้ศึกษา จึงอาศัยศึกษาจากบุคคลหลาย ๆ คนเพื่อนำมาเปรียบเทียบและหาข้อสรุป