หน่วยที่ 8 การใช้คอมพิวเตอร์ในงานด้านทรัพยากรบุคคล

การนําคอมพิวเตอร์ช่วยงานด้านทรัพยากรบุคคล

การนําระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานบุคลากรเริ่มประมาณปี 1960 และได้พัฒนาให้เจริญ ก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลําดับ ส่วนใหญ่นํามาใช้งานบริษัทที่เกี่ยวกับระบบเงินเดือน (Payrol System) จึงนับได้ว่าระบบเงินเดือนเป็นระบบแรกที่ใช้เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ (Ceriello, 1991) ซึ่ง ถือว่าเป็นการทํางานระบบอัตโนมัติที่มีแฟ้มการบรรจุข้อมูลจํานวนมาก เหมาะสมสําหรับงานทางด้าน ทรัพยากรมนุษย์ในการเก็บข้อมูลเบื้องต้น

ด้านระบบเงินเดือน เช่น ค่าจ้าง และรหัสหน่วยงานโดยมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ เรียกว่า COBOL (Common Business-Oriented Language) ต่อมาก็มีการสร้างโปรแกรมใหม่ๆ ทางด้านการเงินและบัญชีขึ้นมาใช้ นอกจากนี้ในระยะแรกมีการนําระบบสารสนเทศมาใช้ในการบริหาร บุคลากรเกี่ยวกับการบันทึกทะเบียนประวัติพนักงาน เนื่องจากเป็นงานประจําและต้องทําอย่าง ต่อเนื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการจ้าง เลิกจ้าง และการติดตาม ผลงานของพนักงานแต่ละคน จึงมีการนําระบบสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้งานดังกล่าวเพิ่มขึ้น

การใช้คอมพิวเตอร์ในระยะเริ่มแรก ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องอยู่ใน ห้องที่เย็นมาก เช่น เครื่อง Mainframes อุปสรรคที่สําคัญในการทํางานมากที่สุดคือ ขาดบุคลากร ทางด้านโปรแกรม ดังนั้น ในระยะแรกจะมีเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้นที่มีความสามารถใน

การใช้เครื่องได้อย่างดี และสามารถซ่อมและบํารุงรักษาได้ แต่ความมั่นใจในระบบเทคโนโลยีของ คอมพิวเตอร์ยังไม่มีมากมีหลายบริษัทที่ยังคงใช้ควบคู่กันไปทั้ง 2 ระบบ คือ ระบบอัตโนมัติจาก คอมพิวเตอร์และการใช้เครื่องมือเช่นเดิม (Automated and Manual)

ในช่วงปี 1960 องค์กรขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะใช้ระบบสารสนเทศ เป็นทรัพยากรในการบริหาร จัดการคน เช่น บริษัท IBM บริษัท AT&T บริษัท GE บริษัท FORD ต่อมาได้มีการขยายการนํา ระบบสารสนเทศไปใช้ในธุรกิจอื่นๆ เช่น Manufacturers Handover Trust, Chemical Bank, Bank of America, Sears and Robuck, Montgomery Ward โดยองค์กรเหล่านี้ได้มีการว่าจ้าง ผู้ขายระบบ (Vondor) มาช่วยในการพัฒนาซอร์ฟแวร์เกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทน การจัดฝึกอบรม และการสรรหา เพื่อลดขั้นตอนในการทํางาน ทําให้การทํางานรวดเร็ว และลดค่าใช้จ่าย

ในปี 1970 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยนํามาใช้ในด้านแรงงานสัมพันธ์ ด้านสุขภาพและความปลอดภัยในโรงงาน โดยในช่วงนี้จะมี การใช้สื่อสารโทรคมนาคม และการจัดการฐานข้อมูล และเริ่มให้บริการจากผู้ขาย (Vondor) เพิ่มขึ้น ประมาณ 30-50 แห่งด้วยกัน (กรรชัย มาลัยวงศ์, 2537)

ในปี 1980 จนถึงปัจจุบัน ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร มีบทบาท มากขึ้นในทุกธุรกิจ ตั้งแต่ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ และนํามาใช้ในการบริหารการจัดการที่ซับซ้อนมาก ยิ่งขึ้น ระบบสามารถทํางานได้ตามต้องการ ลดขั้นตอนบางอย่างที่มีมากเกินไปให้เป็นงานเดียว ซึ่งผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์ในระดับสูงของระบบ โดยสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อ การวางแผนนโยบายและการตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ต่างๆ ทําให้เกิดความจําเป็นต้องนําเอาระบบ สารสนเทศเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ และปัจจุบันได้นําแนวคิดการให้พนักงานสามารถทํารายการที่ เกี่ยวข้องกับข้อมูลของตนเอง (Employee self Service) รวมถึงแนวความคิดให้ผู้บริหารสามารถ ทํารายการต่างๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ (Manager self Service)