การประเมินดำรงวิทยฐานะ
ข้อมูลผู้ประเมิน
ชื่อ นายชญานันท์ นามสกุล สุวรรณพรหม
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
รับเงินเดือนในอันดับ คศ 2
ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน
ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแห่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
📁 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 19.14 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน จำนวน 5.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา คณิตศาสตร์เพิ่มเติม จำนวน 7.50 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา หน้าที่พลเมือง จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
ห้องเรียนคุณธรรม จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมแนะแนว จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
ลูกเสือ-เนตรนารี จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมซ่อมเสริม จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมโฮมรูม จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6.20 ชั่วโมง/สัปดาห์
การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การมีส่วนร่วมในชุมนุมการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จำนวน 1.40 ชั่วโมง/สัปดาห์
การดูแลช่วยเหลือและพัฒนานักเรียน จำนวน 1.40 ชั่วโมง/สัปดาห์
เช่น ครูที่ปรึกษา งานโฮมรูม งานส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 12 ชั่วโมง/สัปดาห์
ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างาน ตามโครงสร้าง จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
ในกลุ่มบริหารวิชาการ
ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
คณิตศาสตร์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
ปฏิบัติหน้าที่ดำเนินงานโครงการ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
ศิลปหัตถกรรมนักเรียน
📁 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 15 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน จำนวน 5.84 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา คณิตศาสตร์เพิ่มเติม จำนวน 5.84 ชั่วโมง/สัปดาห์
ห้องเรียนคุณธรรม จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมแนะแนว จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
ลูกเสือ-เนตรนารี จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5.50 ชั่วโมง/สัปดาห์
การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การมีส่วนร่วมในชุมนุมการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จำนวน 1.67 ชั่วโมง/สัปดาห์
การดูแลช่วยเหลือและพัฒนานักเรียน จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
เช่น ครูที่ปรึกษา งานโฮมรูม งานส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 12 ชั่วโมง/สัปดาห์
ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างาน ตามโครงสร้าง จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
ในกลุ่มบริหารวิชาการ
ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
คณิตศาสตร์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
ปฏิบัติหน้าที่ดำเนินงานโครงการ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
ศิลปหัตถกรรมนักเรียน
🧾 คำสั่งปฏิบัติงาน
คำสั่ง แต่งตั้งข้าราชการครูปฏิบัติหน้าที่สอน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
คำสั่ง แต่งตั้งข้าราชการครูปฏิบัติหน้าที่สอน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567
คำสั่งคณะกรรมการบริหารวิชาการ ปีการศึกษา 2567
คำสั่งคณะกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC
คำสั่งครูที่ปรึกษา ปีการศึกษา 2566
คำสั่งครูที่ปรึกษา ปีการศึกษา 2567
๒. การปฏิบัติงานและผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่งครู
ส่วนที่ ๒ ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะ ครูชำนาญการ คือ การแก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การแก้ไขปัญหาการเรียนการสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ด้วยการใช้แบบฝึกทักษะ
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็วหลากหลายและซับซ้อน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี ข่าวสาร รวมทั้งการเมืองการปกครอง ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยนั้น การที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพในทุกด้านและส่วนหนึ่งมาจากการได้รับการศึกษาอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน เพราะการศึกษาเป็นกระบวนการที่ช่วยให้คนได้พัฒนาตนเองด้านต่างๆ ตลอดชีวิต
คณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาเป็นรากฐานของการศึกษาวิชาอื่นๆในระดับสูงขึ้น การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมศึกษา ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร (ศิริ แคนสา.2548) เนื่องจากคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ค่อนข้างเป็นนามธรรมด้วยสัญลักษณ์ กฎ ทฤษฎีต่างๆ ซึ่งยากต่อการ ทำความเข้าใจ ทำให้นักเรียนส่วนมากไม่ประสบผลสำเร็จในการเรียนและเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่ชอบ และไม่อยากเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ดังนั้นการเรียนรู้ต้องอาศัยความรู้พื้นฐาน การฝึกทักษะ การชี้แนะและให้กำลังใจจากอาจารย์ผู้สอน (วัฒนา ก้อนเชื้อรัตน์.2542) การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาต้องมีวิธีการที่สามารถทำให้การเรียนมีความหมายสำหรับผู้เรียนยิ่งวิชาที่เป็นนามธรรมอย่างคณิตศาสตร์ยิ่งต้องหาวิธีสอนให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ เกิดทักษะและความชำนาญ คิดเป็น แก้ปัญหาเป็นและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ผลการวิจัยของอรพิน วงษ์เสน (2542) พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการเรียนทั้งในและนอกห้องเรียนและไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาทั้งหมด นักเรียนที่มีพฤติกรรมทางการเรียนที่ดีจะประสบความสำเร็จในการเรียน ซึ่งทั้งครูและผู้ปกครองมีหน้าที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาในการเรียนอย่างเหมาะสมและควรปลูกฝังให้นักเรียนมีความรับผิดชอบและวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง
จากการติดตามผลการใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้นของกรมวิชาการ ปีการศึกษา 2551 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์อยู่ในเกณฑ์ต่ำ และในส่วนที่เกี่ยวกับวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู พบว่ายังคงยึดครูเป็นศูนย์กลางโดยใช้การบรรยายเป็นส่วนใหญ่ การแก้โจทย์ปัญหาในแบบฝึกหัดยังเป็นการฝึกคิดเป็นรายบุคคล นักเรียนมีโอกาสปฏิบัติกิจกรรมและฝึกการแก้ปัญหาร่วมกันน้อยมาก แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันในขณะที่การเรียนการสอนดำเนินอยู่ ส่งผลให้นักเรียนขาดการช่วยเหลือกันในการเรียนรู้เนื้อหาวิชาและขาดทักษะทางสังคม ทำให้นักเรียนไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าถามเมื่อไม่เข้าใจ โดยเฉพาะนักเรียนที่เรียนช้าจะขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และคิดว่าตนเอง ไม่มีความสามารถที่จะเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ ทำให้ขาดความพยายาม แรงจูงใจในการเรียนลดน้อยลง และนักเรียนจะมีปัญหามากขึ้นตามลำดับเมื่อเรียนบทเรียนที่ซับซ้อนขึ้น จนในที่สุดนักเรียนเหล่านี้จะเบื่อและไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์
จากสภาพปัญหาคุณภาพการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ที่นำเสนอมาทั้งหมด ทำให้ผู้สอนได้ข้อสรุปว่าการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ยังคงเป็นปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น จึงสนใจที่จะแสวงหานวัตกรรมหรือวิธีการที่เหมาะสมมาใช้ในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ จากการศึกษาเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่ากิจกรรมการเรียนการสอนที่ดีควรเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังที่ ยัง(Young , 1972 : 603) กล่าวว่าการเรียนรู้จากกันและกันของนักเรียนจะทำให้เกิดความเข้าใจได้ดีกว่าการเรียนจากครู เพราะภาษาที่นักเรียนใช้พูดจาสื่อสารกันนั้นสื่อความเข้าใจได้ดีและเหมาะสม เนื่องจากวัยของนักเรียนใกล้เคียงกันมากกว่าวัยของนักเรียนกับครู
จากการทดสอบความรู้พื้นฐานโดยใช้ข้อสอบที่ผู้สอนจัดทำขึ้น ได้ค้นพบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ยังมีนักเรียนที่ได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้คิดเป็น 70%
ด้วยเหตุนี้ผู้สอนจึงมีความพยายามมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง ความน่าจะเป็น เพื่อปูพื้นฐานให้กับผู้เรียนเพื่อพัฒนาทักษะการคำนวณของนักเรียนให้เหมาะสมกับระดับชั้น และเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้เรียนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เน้นให้ความสำคัญของวิชานี้ และเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ให้กับผู้เรียนเพื่อใช้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุ
2.1 ผู้สอนวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ตามหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560 เกี่ยวกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดที่จะนำมาแก้ปัญหาเป็นฐาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2.2 ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.3 วิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลเพื่อจัดการเรียนรู้ตามความแตกต่างของผู้เรียน
2.4 ผู้สอนจัดทำกิจกรรมการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ความน่าจะเป็น ลักษณะสำคัญของบทเรียนสำเร็จรูป คือ การออกแบบการบรรจุเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ออกเป็น กรอบ (Frame) ซึ่งเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ดังกล่าวนั้นจะนำมาจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ย่อย ๆ แล้วบรรจุเนื้อหาสาระการเรียนรู้หน่วยย่อย ๆ ดังกล่าวลงไปในกรอบแต่ละกรอบให้มีความสัมพันธ์และเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยาก กรอบสาระการเรียนรู้ (Frame) ในแต่ละกรอบของบทเรียนสำเร็จรูปประกอบด้วย
1. การอธิบายเนื้อหา 2. แบบประเมินผลก่อนเรียน
3. เนื้อหาสาระและกิจกรรมการเรียนรู้ 4. คำถาม
5. เฉลยคำตอบ 6. แบบประเมินผลหลังเรียน
2.5 จัดให้มีการตอบคำถามเรื่อง ความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในห้องเรียนที่ได้รับผิดชอบสอน เพื่อเป็นการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคการสอนดังกล่าว
2.6 ผู้สอนนำปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดการเรียนและการสอนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้บริหาร ครูผู้สอนทั้งในกลุ่มสาระฯ เดียวกันและต่างกลุ่มสาระ ฯ เพื่อร่วมกันออกแบบ/หาแนวทางในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามที่หลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางได้กำหนดไว้
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม ร้อยละ 75 ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้แบบฝึกทักษะ
3.2 เชิงคุณภาพ
1) ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม ที่ได้รับการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ความน่าจะเป็น มีทักษะพื้นฐานการคำนวณได้ดีขึ้น
2) ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองยางชุมพิทยาคม ได้รับการพัฒนาทักษะการให้เหตุผลและแก้ปัญหา ตรงตามสมรรณนะของผู้เรียนในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
3) ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ในรายวิชาคณิตศาสตร์สูงขึ้น
4) ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
5) ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
ลงชื่อ........................................................................
(นายชญานันท์ สุวรรณพรหม)
ตำแหน่ง ครู
ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน
1 ตุลาคม 2566