1. การระบุปัญหาและการกำหนดขอบเขตของปัญหา

การจัดการเรียนการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเบื้องต้น 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/4 พบว่ามีนักเรียนบางคนมีปัญหาการใช้แป้นพิมพ์ไม่ค่อยคล่อง เช่น การใช้ปุ่มควบคุมต่างๆ ความเร็วในการพิมพ์ และพิมพ์คำผิดจำนวนมาก ซึ่งผลจากการสำรวจของครูพบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 15 คน ที่ยังมีปัญหาการใช้แป้นพิมพ์ ทั้งนี้เนื่องจากมีการฝึกฝนน้อย และขาดความมั่นใจในการใช้แป้นพิมพ์ ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยการใช้เกมคอมพิวเตอร์ช่วยฝึก เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติบ่อย ๆ ฝึกทักษะการพิมพ์และเป็นการดึงดูดความสนใจของนักเรียน

2. รูปแบบ เทคนิค วิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนา

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยกิจกรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และใช้เกมคอมพิวเตอร์ช่วยฝึก ผู้เรียนสนุกกับการฝึกด้วยเกมคอมพิวเตอร์ รู้สึกตื่นเต้นกับเกมและพยายามที่จะเอาชนะทำให้มีความพยายามในการฝึกพิมพ์เพิ่มมากขึ้น

3. การนำรูปแบบ เทคนิค วิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนานำไปใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาและผลที่เกิดขึ้น

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง จากการใช้เกมคอมพิวเตอร์ช่วยฝึก

จากการเปรียบเทียบผลการบันทึกคะแนนจากเกณฑ์ที่วัดและหาค่าเฉลี่ยของความก้าวหน้าในการพัฒนาการใช้แป้นพิมพ์ของนักเรียนแต่ละครั้ง จะเห็นว่ามีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จึงเห็นได้ว่าทักษะการใช้งานแป้นพิมพ์ของนักเรียนทั้ง 15 คน มีผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้น มีการพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น และนักเรียนจะรู้สึกสนุกกับการฝึกในแต่ละครั้ง เป็นการส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือให้ผู้เรียนมีการพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ

4. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาและพัฒนาในอนาคต

ควรฝึกเพิ่มเติมให้กับนักเรียนที่ยังมีข้อบกพร่องในด้านทักษะการปฏิบัติ การใช้แป้นพิมพ์ การใช้ปุ่มควบคุม การพิมพ์ช้า และการพิมพ์คำผิดจำนวนมาก ควรใช้กับนักเรียนทุกระดับชั้นที่มีการเรียนคอมพิวเตอร์

1. การระบุปัญหาและการกำหนดขอบเขตของปัญหา

การจัดการเรียนการสอนในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเบื้องต้น 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/4 ผู้วิจัยได้พบปัญหาและอุปสรรคจากการเรียนของนักเรียนแต่ละคนอย่างหลากหลายทั้งในรูปแบบการเรียนปกติ และการเรียนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 เช่น ผู้เรียนไม่เข้าใจในบทเรียน เรียนไม่ทันเพื่อน ส่งงานล่าช้า หรือบางคนไม่ส่งงานเลย ซึ่งทำให้ครูไม่สามารถวัดทักษะและความก้าวหน้าของนักเรียนได้ ดังนั้นครูผู้สอนจึงมีความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำวิจัยแก้ปัญหาการเรียนรู้จากแบบปกติให้เรียนรู้ผ่านระบบห้องเรียนออนไลน์ Google Site และส่งงานผ่านระบบออนไลน์ Google Classroom ซึ่งผู้เรียนสามารถเข้าไปเรียนรู้ ทบทวนบทเรียน และส่งงานได้ทุกที่ทุกเวลาที่นักเรียนมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แท็บเลต หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เพื่อให้การเรียนการสอนมีผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

2. รูปแบบ เทคนิค วิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนา

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยกิจกรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้เรียนรู้ผ่านระบบห้องเรียนออนไลน์ Google Site และส่งงานผ่านระบบออนไลน์ Google Classroom ซึ่งผู้เรียนสามารถเข้าไปเรียนรู้ ทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนที่ครูมีให้ พร้อมทั้งสามารถทำแบบทดสอบออนไลน์ หรือแบบฝึกหัดออนไลน์ เพื่อเป็นการวัดระดับความรู้ของตนเองหลังเรียนได้

3. การนำรูปแบบ เทคนิค วิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนานำไปใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาและผลที่เกิดขึ้น

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยเรียนรู้ผ่านระบบห้องเรียนออนไลน์ Google Site และส่งงานผ่านระบบออนไลน์ Google Classroom ระบบสามารถตรวจสอบการส่งงานของนักเรียนและตรวจสอบผลงานที่นักเรียนส่งได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีนักเรียนที่ยังส่งงานช้ากว่ากำหนดส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการทำใบงานหรือชิ้นงานนั้น ๆ ของนักเรียนบางคนช้ากว่าเพื่อน หรือเกิดจากการขัดข้องของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทำให้นักเรียนบางคนส่งงานล่าช้าและไม่ได้ส่งเลย

ผลที่ได้คือ จำนวนนักเรียนที่ส่งงานตามกำหนด คิดเป็นร้อยละ 75.80 จำนวนนักเรียนที่ส่งงานเลยกำหนด คิดเป็นร้อยละ 19.47 และจำนวนนักเรียนไม่ส่งงานเลย คิดเป็นร้อยละ 11.84

4. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาและพัฒนาในอนาคต

ครูผู้สอนควรเตรียมระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้มีความเสถียรและพร้อมใช้งานในชั่วโมงการเรียน และควรส่งเสริมให้นักเรียนมีการใช้งาน google site และ google classroom ผ่าน Smart Phone เพื่อการเรียนรู้ที่สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน