เนื้อหา

เนื้อหาการจัดการเรียนการสอน

บอกลักษณะความแตกต่างระหว่างเพศชาย และเพศหญิง

แม้ว่าธรรมชาติจะสร้างให้มนุษย์มี 2 เพศ และมีจำนวนใกล้เคียงกันแล้ว ยังสร้างให้มีโครงสร้างของร่างกายที่เหมือน คล้ายคลึงกันและแตกต่างกันด้วย เช่น มีกระดูก 206 ชิ้นเท่ากัน มีกล้ามเนื้อ 639 มัดเท่ากัน มีอวัยวะต่างๆ เหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง มีสภาวะจิตใจ อารมณ์และลักษณะต่างๆ เหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงข้อสังเกตซึ่งผู้ชายและผู้หญิงจะมีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เข้าใจลักษณะที่แตกต่างกันบางประการของเพศชายและเพศหญิง

1. ขนาดและความแข็งแรงของร่างกาย โดยทั่วไปผู้ชายจะมีขนาดร่างกายโตกว่าส่วนสูงและนํ้าหนักมากกว่า มีความแข็งแรงกว่าและทำงานหนักได้มากกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงมักมีร่างกายบอบบางมองดูนุ่มนิ่มกว่าผู้ชาย

2. รูปร่างหน้าตา โดยทั่วไปผู้ชายมักมีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงามเหมือนผู้หญิง มักมีรูปร่าง หน้าตามองดูแข็งแรง คมสัน บึกบึน หล่อมากกว่าความสวยงาม ส่วนผู้หญิงจะมีหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณผุดผ่องเพราะมีไขมันอยู่ใต้ผิวหนังมากกว่าผู้ชายจึงมองดูว่าเกลี้ยงเกลา เนียนและสวย

3. กิริยาท่าทาง โดยทั่วไปผู้ชายจะดูองอาจ ห้าวหาญ มักทำอะไรคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง และชอบเสี่ยงภัย ส่วนผู้หญิงจะมีกิริยาเรียบร้อย น่ารัก นุ่มนวล อ่อนช้อย โดยเฉพาะลักษณะการเดิน จะมีท่วงท่าและลีลาแตกต่างจากผู้ชาย

4. การพูดจา โดยทั่วไปผู้ชายจะมีนํ้าเสียงห้าวและดังกว่าผู้หญิง มองเห็นลูกกระเดือกที่ลำคอได้ชัด ส่วนผู้หญิงจะเสียงเบา เล็กแหลม เสียงหวาน ฟังแล้วไพเราะกว่าผู้ชาย

5. การแต่งกาย โดยทั่วไปผู้ชายจะรักสวยรักงามน้อยกว่าผู้หญิง ชอบแต่งกายตามสบายส่วนผู้หญิงจะรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวและใช้เครื่องสำอาง ตลอดจนใช้เครื่องประดับมากกว่าผู้ชายและเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีลักษณะเฉพาะของตนเองด้วย แต่ปัจจุบันก็ไม่เสมอไป ทั้งหญิงและชายสามารถใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน รวมทั้งผู้ชายอาจใส่ใจดูแลความงามไม่น้อยไปกว่าผู้หญิง

คุณลักษณะของชายและหญิง

ด้านกระบวนการคิด

1. เป็นผู้ที่เข้าใจความต้องการของตนเอง และรู้จักตัวตนของตนเองเป็นอย่างดี ถ้าคนเราไม่รู้จักตนเองจะไม่เข้าใจตนเอง แล้วจะก่อปัญหาให้แก่ตนเองและผู้อื่น ในทางตรงกันข้าม ถ้าคนเรารู้จักตนเอง เข้าใจความต้องการของตนเอง ก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองลงได้อย่างมาก

2. เป็นผู้เข้าใจพัฒนาการทางเพศของมนุษย์ ซึ่งก็ย่อมเข้าใจพัฒนาการทางเพศของตนเองด้วยจะทำให้เขาสามารถปรับตัวต่อพัฒนาการทางเพศได้ดีอีกด้วย

3. เป็นผู้ที่สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงกับความเชื่อได้ เพราะบางครั้งความเชื่อที่ผิดๆ ก็ส่งผลกระทบต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคมได้เหมือนกัน

4. เป็นผู้ที่เข้าใจบริบททางสังคมในเรื่องเพศ และรู้ว่าจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตทางเพศอย่างไร

5. เป็นผู้ที่เข้าใจสิทธิของตนเอง เพื่อจะไม่ถูกละเมิดหรือถูกใช้ความรุนแรง และก็ต้องไม่ใช้ความรุนแรงกับบุคคลอื่นด้วย

6. ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องสัมพันธภาพ และการพัฒนาสัมพันธภาพ ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อน กับญาติพี่น้องกับพ่อแม่กับครูอาจารย์ กับนายจ้าง และกับบุคคลทั่วไป

ด้านอารมณ์

1. เป็นผู้ที่มีความสุข สุขภาพจิตดี ไม่มีความผิดปกติทางจิต บุคคลเหล่านี้จะทำให้สังคมเป็นสุข เพราะเขาจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นกับสังคม แต่เขาจะสร้างสรรค์สังคมเป็นสังคมแห่งความสุข น่าอยู่

2. ต้องเป็นผู้ที่รู้จักพอใจในสภาพของตนเอง กล่าวคือ มีความพอใจและยอมรับในความเป็นตัวของตัวเอง

3. ต้องเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ เพราะในชีวิตคนเรานั้นจะต้องอยู่กับสังคม ซึ่งมีหลายสถานการณ์ที่หมุนเวียนผ่านเข้ามาในชีวิตของคนเรา การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เลวร้ายหรือไม่ค่อยดี

4. ต้องเป็นผู้ที่รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง อาจต้องมีการฝึกสมาธิและตรวจสอบอารมณ์บ้าง แต่ถ้าไม่ฝึกสมาธิอาจใช้การพัฒนาอารมณ์ของตนเองด้วยปัญญา ก็จะทำให้รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองได้

5. ต้องเป็นผู้ที่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มีสติ เพราะถ้าขาดสติจะควบคุมตนเองไม่ได้ การควบคุมตนเองได้ดีจะมีคุณค่ามหาศาลสำหรับตนเองและผู้อื่นอีกด้วย

6. ต้องเป็นผู้ที่อดทนต่อการไม่ได้ดั่งใจ อุปสรรค และความสูญเสีย ดังนั้นจึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เอาแต่ใจตนเอง ต้องเป็นนักสู้ปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรค และมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับความสูญเสียที่จะต้องเกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา

7. ต้องเป็นผู้ที่แสดงออกด้านอารมณ์เพศ และความรู้สึกทางเพศอย่างเหมาะสม ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ทางเพศของตนเอง มีความละอายต่อการกระทำทางเพศทั้งต่อหน้าสาธารณชน

ด้านทัศนคติ

1. เป็นผู้ที่ยอมรับและเคารพความแตกต่างของบุคคล เข้าใจผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ลดปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก

2. เป็นผู้ที่ไม่ตัดสินคนอื่นว่าดี เลว ถูก หรือผิด โดยใช้ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ต้องไม่ยกตนเองว่าดีกว่าคนอื่น หรือดูถูกคนอื่นๆ ว่าไม่ดีหรือด้อยกว่าตนเอง

3. เป็นผู้ที่เคารพการตัดสินใจของตนเอง เมื่อตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่มีอยู่และใช้ความคิดที่รอบคอบแล้ว ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องยอมรับโดยดุษณี ถ้าไม่ถูกต้องก็หาทางแก้ไขต่อไป

4. เป็นผู้ที่เห็นเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าคิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องสกปรก ไม่ควรนำมาพูดคุยกัน ต้องปกปิดกันดังเช่นสมัยก่อน อันจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี สังคม ยุคใหม่ต้องกล้าเผชิญกับความจริงที่เปลี่ยนแปลงไปและชี้แนะในสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ที่สุด แล้วจะเกิดปัญหาน้อยที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องเพศของสังคมในยุคปัจจุบัน

5. เป็นผู้ที่มีทัศนคติต่อความสุขทางเพศว่าเป็นสิทธิของบุคคลทั้งชายและหญิง คือ เปิดใจกว้างมากขึ้นเกี่ยวกับสิทธิทางเพศ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบของสังคม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

6. เป็นผู้ที่เคารพความต้องการของคู่ และสิทธิของผู้อื่นต้องมีความเป็นนักประชาธิปไตยในเรื่องความต้องการของคู่และสิทธิของผู้อื่น

ด้านทักษะ

1. เป็นผู้ที่สามารถเอาตัวรอด และจัดการกับสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ ได้ ตลอดจนหาทางออกที่เหมาะสมจนบังเกิดผลดีกับตนเอง

2. เป็นผู้ที่ควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ และไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น

3. เป็นผู้ที่มีทักษะในการสื่อสาร บอกความต้องการของตนเองได้ สามารถสื่อสารได้ อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ โอกาส และเวลา

4. เป็นผู้ที่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่แตกต่างจากความคิดเห็นของตนเองได้

5. เป็นผู้ที่สามารถประเมินสถานการณ์และผลที่จะตามมาตลอดจนวางแผนรองรับได้

6. เป็นผู้ที่รู้จักแสวงหาข้อมูลข่าวสารต่างๆเพื่อให้เกิดความรู้และนำความรู้นั้นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

วัฒนธรรมทางเพศ

วัฒนธรรมทางเพศ หมายถึง วัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศ ได้แก่ ระเบียบจารีตประเพณี ศีลธรรม และจริยธรรมอันดีงามของคนไทยในด้านความประพฤติเกี่ยวกับเพศซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือและสืบทอดปฏิบัติต่อเนื่องกันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันซึ่งได้ส่งผลให้ครอบครัวและสังคมไทยมีความสงบสุขร่มเย็น

วัฒนธรรมทางเพศของคนไทยถือว่าเป็นมรดกอันมีค่าของสังคมไทยที่ทุกคนควรอนุรักษ์และประพฤติปฏิบัติตามซึ่งมีดังนี้วัฒนธรรมทางเพศของคนไทยถือว่าเป็นมรดกอันมีค่าของสังคมไทยที่ทุกคนควรอนุรักษ์และประพฤติปฏิบัติตามซึ่งมีดังนี้

1. ชายหญิงควรมีสิทธิและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันตามหลักสิทธิมนุษยชน

ในสมัยก่อนผู้ชายจะมีสิทธิและศักดิ์ศรีเหนือกว่าผู้หญิงมาก เมื่อเป็นสามีภรรยากัน ภรรยาต้องคอยปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี ถ้าสามีเป็นเจ้านายที่สูงศักดิ์แล้วก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ การแสดงความคิดเห็น การตัดสินใจทำได้น้อยเพราะสามีจะมีอำนาจสิทธิ์ขาด ภรรยามักจะต้องเชื่อฟังสามี ซึ่งถือว่าขาดความเสมอภาคทางเพศ ต่อมาสถานภาพสตรีเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ยุคประชาธิปไตย ผู้หญิงมีการศึกษามากขึ้น สังคมเปิดโอกาสให้ผู้หญิงทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัวมากขึ้น มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น จนเป็นที่ยอมรับกันว่าผู้ชายและผู้หญิงควรมีสิทธิและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

2. ผู้ชายควรให้เกียรติและช่วยปกป้องอันตรายให้แก่ผู้หญิง

ผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแรงและรูปร่างใหญ่โตกว่าผู้หญิง สามารถทำงานหนักได้จึงควรดูแลช่วยเหลืออย่าให้ผู้หญิงต้องทำงานหนักเกินไปโดยเฉพาะทางด้านร่างกาย เมื่อมีภัยอันตรายผู้ชายจะต้องทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันหรือแม้จะยังไม่เกิดภัยอันตรายก็ควรจะช่วยดูแลคุ้มครองมิให้ภัยอันตรายเกิดขึ้นกับผู้หญิง ถ้ามีที่นั่งจำนวนจำกัดไม่เพียงพอต้องให้ผู้หญิงนั่งก่อน ถ้าจะตักอาหารหรือทำสิ่งใดที่ต้องทำทีละคน หรือครั้งละน้อยคน ควรให้ผู้หญิงได้ทำก่อน ยกเว้นบางเรื่องที่เป็นอันตราย ผู้ชายก็ควรทำก่อนแล้วแต่สถานการณ์

3. การแสดงความชอบหรือความสนใจเพศตรงข้ามควรปฏิบัติตามจารีตประเพณีของสังคมไทยอย่างเคร่งครัด

ความสนใจเพศตรงข้ามเป็นเรื่องปกติของคนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว แต่ในสังคมแต่ละสังคมมักมีจารีตประเพณีอันดีงาม ดังนั้นการชอบหรือสนใจเพศตรงข้ามควรปฏิบัติตามจารีตประเพณีของสังคมนั้นๆ ในวัยเรียนควรคบเพื่อนต่างเพศแบบเพื่อนจะดีกว่า แต่ถ้าจะคบกันแบบคู่รักก็ต้องอยู่ในกรอบประเพณีอันดีงามและให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองรับรู้และต้องเชื่อฟังปรึกษาพ่อแม่ ผู้ปกครองด้วย เพราะวัยรุ่นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังผ่านโลกมาน้อยอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือทำผิดพลาดขึ้นได้

4. ทั้งผู้หญิงและผู้ชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันจนเกินความจำเป็นดูแล้วไม่เหมาะสม

การถูกเนื้อต้องตัวเพศตรงข้ามจนเกินความจำเป็นคือ การโอบกอด นอนหนุนตัก ลูบไล้เนื้อตัวจับของสงวน กอดคอ ซึ่งผู้ที่เป็นคู่รักกันและเป็นนักเรียนไม่ควรทำอย่างยิ่ง ไม่ควรเลียนแบบละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีให้เห็นกันอยู่เสมอ เพราะยังอยู่ในวัยที่ไม่สมควร สังคมไทยยังรับไม่ได้ ถ้าวัยรุ่นทำเช่นนี้บางครั้งผู้หญิงก็อาจถูกเนื้อต้องตัวผู้ชายได้ซึ่งไม่ควรทำคนจะมองว่าเป็นผู้หญิงที่ชอบสัมผัสผู้ชายไม่รักนวลสงวนตัวส่วนผู้ชายที่ล่วงเกินผู้หญิงทั้งที่ผู้หญิงไม่สมัครใจหรือไม่ชอบให้ล่วงเกินเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อผู้หญิง

5. ผู้หญิงไม่ควรแต่งตัวแบบเปิดเผยสัดส่วน

ในสังคมปัจจุบันนี้การแต่งตัวของผู้หญิง บางคนไม่รัดกุม เป็นการยั่วกิเลสผู้ชายอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองได้โดยการถูกกระทำอนาจารหรือข่มขืน การแต่งกายที่ยั่วกิเลสที่พบเห็นมีหลายอย่าง เช่น ใส่เสื้อสายเดี่ยว เสื้อรัดรูป เสื้อกล้าม เสื้อเอวลอย กางเกงเอวตํ่า ใส่เสื้อเกาะอก หรือเสื้อที่ใส่แล้วโชว์แผ่นหลังหรือเนินอก นับว่าเป็นการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทยจึงเป็นสิ่งไม่สมควร

6. ไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและเมื่อยังไม่ได้แต่งงานกัน.ในสังคมปัจจุบันมีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่มีเพศสัมพันธ์แล้วซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการขัดต่อวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของคนไทย ซึ่งบางรายพ่อแม่หรือผู้ปกครองก็ไม่รู้ แต่บางรายพ่อแม่หรือผู้ปกครองรู้แล้วก็ต้องช่วยแก้ปัญหากันต่อไป เป็นการสร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลอีกด้วย ถ้าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาตนเองก็ต้องเสียอนาคตและเกิดปัญหาสังคมระยะยาว ซึ่งมีให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก สำหรับผู้ใหญ่ที่มีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานก็มีมากขึ้น อาจเลียนแบบสังคมตะวันตกที่อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานเพื่อศึกษาปรับตัวเข้าหากันก่อน ถ้าดีจึงแต่งงานกันนั้นเป็น เรื่องของสังคมตะวันตก แต่สังคมไทยไม่ควรทำเช่นนั้น

7. การเลือกคู่ครองต้องเป็นไปโดยสมัครใจ

ในสมัยก่อนอาจมีการแต่งงานกันโดยไม่ได้สมัครใจ อาจเป็นฝ่ายชายไม่สมัครใจแต่เพราะพ่อแม่เห็นชอบ หรือฝ่ายหญิงไม่สมัครใจแต่เพราะพ่อแม่เห็นชอบ ฝ่ายชายใช้อิทธิพล หรือเพราะพ่อแม่ต้องการปลดหนี้ แต่ในสมัยปัจจุบันการมีคู่ครองในลักษณะดังกล่าวไม่มีอีกแล้ว นับว่าเป็นการสร้างความเสมอภาคทางเพศอย่างหนึ่งด้วย

8. ชายหญิงที่จะอยู่กันแบบสามีภรรยาต้องมีพิธีแต่งงานที่ถูกต้องตามจารีตประเพณีของไทย

เป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทยที่สร้างระเบียบประเพณีก่อนที่จะอยู่กินกันแบบสามีภรรยาที่ฝ่ายชายต้องส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอหญิงสาวเมื่อผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงยินยอมแล้วจึงกำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานต่อไป การแต่งงานก็มักเป็นพิธีการมีการเลี้ยงพระรดนํ้าสังข์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตครอบครัวใหม่และเป็นการประกาศให้สังคมรับรู้ถึงการที่จะอยู่กินกันแบบสามีภรรยานอกจากจะมีพิธีแต่งงานแล้วทั้งคู่จะต้องไปจดทะเบียนสมรสกัน ณ ที่ว่าการอำเภอ สำหรับต่างจังหวัด และ ณ สำนักงานเขต สำหรับกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย

9. สามีภรรยาควรยึดค่านิยมในการครองคู่แบบครอบครัวผัวเดียวเมียเดียว

ครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียวเป็นวัฒนธรรมทางเพศที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นรากฐานและหลักประกันอันมั่นคงของชีวิตครอบครัวอย่างแท้จริง รวมทั้งมีความปลอดภัยจากการมีเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ อีกทั้งยังส่งผลต่อการเลี้ยงดูบุตรให้สมบูรณ์และได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ตามศักยภาพและความสนใจของบุตร

10. สามีและภรรยาต้องไม่กระทำรุนแรงต่อกัน

สามีบางคนเมื่อไม่พอใจหรือทะเลาะกัน ก็จะทำร้ายภรรยา ในทางตรงกันข้ามภรรยาอาจกระทำรุนแรงต่อสามีได้ แต่ก็จะมีน้อยกว่านอกจากนี้ การกระทำรุนแรงด้วยวาจาและการทอดทิ้งกันก็ไม่ควรอย่างยิ่งถ้ามีปัญหาควรแก้ปัญหากันด้วยสันติวิธีดีกว่า ข่าวคราวที่ออกมาทางสื่อมวลชนและสภาพสังคมครอบครัวปัจจุบันมักเกิดปัญหาความรุนแรงของสามีภรรยาที่มีต่อกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะในปัจจุบันสภาพสังคมที่ต้องแข่งขันทำให้เกิดความเครียด อาจแสดงออกทางการกระทำที่รุนแรง หลายรายที่ถึงขั้นฆ่ากันตาย หรือฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งตายแล้วฆ่าตัวเองตายตาม นับว่าเป็นความล้มเหลวของชีวิตครอบครัวที่น่าหดหู่อย่างยิ่งในเรื่องนี้คู่สามีภรรยาต้องใช้สติปัญญาเพื่อแก้ปัญหา พยายามให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

การวางตัวต่อเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม

การวางตัวต่อเพศเดียวกัน

การวางตัวต่อเพศเดียวกัน พอจะแบ่งได้ดังนี้

- การวางตัวแบบเพื่อน จะต้องวางตัวเป็นเพื่อนที่ดี กล่าวคือ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ขัดคอกันพูดจาดีต่อกัน มีสิ่งใดพอจะช่วยเหลือได้ก็ควรช่วยเหลือกัน มีสิ่งใดที่เพื่อนทำให้ไม่ถูกใจก็ควรให้อภัยกัน แนะนำเพื่อนไปในทางที่ดี ชวนกันเรียนอย่าชวนกันหนีเรียน ถ้าจะไปเที่ยวด้วยกันก็ไปในสถานที่ที่เหมาะสม อย่าชวนกันไปในแหล่งอบายมุข ไม่ว่าร้ายเพื่อนให้คนอื่นฟัง กล้าที่จะเตือนถ้าเพื่อนทำผิด ควรทำตัวเป็นผู้ให้มากกว่าการทำตัวเป็นผู้รับ

- การวางตัวแบบพี่น้อง พี่จะต้องวางตัวเป็นพี่ที่ดีของน้อง ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้น้องปฏิบัติตาม เป็นผู้นำที่ดีของน้อง แนะนำสั่งสอนในฐานะที่มีประสบการณ์มากกว่า วางตัวให้น้องเคารพนับถือ ไม่เอาเปรียบน้อง ในทางตรงข้าม ต้องเสียสละและช่วยเหลือน้อง สำหรับน้องก็จะต้องวางตัวเป็นน้องที่ดีของพี่ เชื่อฟังพี่ สิ่งใดที่พอจะช่วยเหลือได้ให้ช่วยพี่ เคารพในความเป็นพี่ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสกว่า

การวางตัวต่อเพศตรงข้าม

- การวางตัวแบบเพื่อน ลักษณะการวางตัวโดยภาพรวมเหมือนกับการวางตัวต่อเพศ เดียวกันแบบเพื่อนแต่การวางตัวแบบเพื่อนกับเพศตรงข้ามจะมีความละเอียดอ่อนกว่า ผู้ชายควรจะปกป้องดูแลช่วยเหลือผู้หญิง ข้อสำคัญอย่าคิดไม่ดีกับเพื่อนในทางเพศ และไม่ควรล่วงเกินโดยการถูกเนื้อต้องตัว ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม การพูดจาก็ต้องระมัดระวังคำพูดที่หยาบคาย ทะลึ่ง หรือพูดสองแง่สองง่าม ส่วนผู้หญิงก็ต้องระวังเพื่อนชายบางคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ ชอบล่วงเกินผู้หญิง แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ไม่สมควร ในสมัยก่อนจะมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่เป็นโรงเรียนชายล้วน หรือหญิงล้วนกันมาก อาจมีปัญหาการวางตัวต่อเพศตรงข้ามอยู่บ้าง สมัยต่อมาจนถึงปัจจุบันโรงเรียนชายล้วนก็เปิดรับผู้หญิงเข้าไปเรียน โรงเรียนหญิงล้วนก็เปิดรับผู้ชายเข้าไปเรียน จึงทำให้มีโรงเรียนประเภทสหศึกษามากขึ้น นักเรียนในโรงเรียนประเภทสหศึกษาจะมีการวางตัวต่อเพศตรงข้ามได้ดี เนื่องจากมีความคุ้นเคยต่อการเข้าสังคมระหว่างเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม

- การวางตัวแบบพี่น้อง ลักษณะการวางตัวโดยภาพรวมเหมือนกับการวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบพี่น้อง แต่การวางตัวแบบพี่น้องกับเพศตรงข้ามจะมีความละเอียดอ่อนกว่า โดยเฉพาะผู้ชายต้องสุภาพ มีความเป็นสุภาพบุรุษ วางตัวเป็นพี่ที่ดี ไม่ควรล่วงเกินทางเพศกับน้อง ผู้หญิงก็ต้องสังเกตท่าทีของผู้ชายเหมือนกันว่าจะคบกันแบบพี่น้องจริงหรือไม่ สำหรับผู้หญิงที่เป็นพี่ควรช่วยเหลือดูแลน้องชายได้ น้องก็ควรดูแลพี่ด้วยเพราะเป็นผู้หญิง

การวางตัวแบบคู่รัก ก่อนจะมาเป็นคู่รักกันก็อาจจะเริ่มจากการวางตัวแบบเพื่อน หรือแบบพี่น้องกันมาก่อน แล้วต่อๆ มาก็เปลี่ยนเป็นแบบคู่รักหรือแฟน ซึ่งการคบกันแบบนี้จะต้องวางตัวต่อกันอย่างเหมาะสม อย่าคำนึงถึงเรื่องเพศมากนัก ไม่ควรล่วงเกินกันจนเกินเลย และไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กันในขณะที่ตนเองยังเรียนอยู่ การคบกันควรให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองรับรู้ เพราะเด็กวัยนี้ยังต้องมีผู้ปกครองอยู่ การเป็นคู่รักกันของวัยรุ่นเป็นความต้องการทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การมีความรู้สึกนึกคิดที่ดี การได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี การอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้การคบกันเป็นไปอย่างเหมาะสม อยู่ในขอบเขต ไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าเกินเลยกว่านั้น ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรืออาจติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเองและครอบครัว

- การวางตัวในสถานะเป็นคู่ครองกัน การที่ชายและหญิงแต่งงานกันอยู่ด้วยกันเป็นการเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่จะต้องปรับตัวเข้าหากันและวางตัวอย่างเหมาะสม ต้องใช้ศิลปะการครองรักครองเรือน รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ช่วยเหลือเอื้ออาทรกันให้มาก ถนอมนํ้าใจซึ่งกันและกันต้องซื่อสัตย์ต่อกันในทุกเรื่องไม่ปิดบังกัน ช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ช่วยกันวางแผนครอบครัว วางแผนอนาคตของตนเองและครอบครัวของตนเองมีปัญหาหนักนิดเบาหน่อยต้องให้อภัยกัน แล้วจะทำให้ชีวิตคู่สมบูรณ์แบบอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข


หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต โปรแกรมวิชาการประถมศึกษา

คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร

69 หมู่ 1 ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000 โทร.0-5570-6555 ต่อ 2010