13 พฤษภาคม 2566

คอลัมน์รายสะดวก: "14 พฤษภาฯ" ถึงเวลา... ต้อง "ตัดสินใจ" ให้เด็ดขาด!

ผมเริ่มเขียนต้นฉบับ "คอลัมน์รายสะดวก" ของวันนี้ ในช่วง 5 ทุ่มของเมื่อคืน (12 พ.ค.)

ก่อนเริ่มเขียน ผมได้หยิบหนังสือ "สามก๊ก เปาบุ้นจิ้น และเรดการ์ด เรื่องราวจากเสี้ยวประวัติศาสตร์จีน" ของอาจารย์ "วรศักดิ์ มหัทธโนบล" นักวิชาการด้านจีนศึกษา ขึ้นมาอ่าน

ผมเลือกอ่านบทสุดท้ายของหนังสือ ชื่อเรื่องว่า "การเมืองในสุสานหมิง"

ประเด็นสำคัญของบทนี้ อาจารย์วรศักดิ์ได้ชี้ให้เห็นว่า ในยุคสมัยที่ "เหมาเจ๋อตุง" เป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น เหมาได้มีพฤติกรรม "ลุแก่อำนาจ" โดยการก่อเรื่องที่เรียกว่า "การปฏิวัติวัฒนธรรม" โดยมีพวก "เรดการ์ด" ซึ่งก็คือกลุ่มเยาวชน-นักศึกษา เป็นมวลชนสนับสนุน...

...เหตุผลก็คือ เพื่อกำจัดคนที่เหมามองว่าเป็น "เสี้ยนหนาม" ของตน

ข้อหาของการกำจัดคนที่เป็นปฏิปักษ์กับเหมา ก็อย่างเช่น "เป็นผู้เดินหนทางทุนนิยม" หรือ "เป็นซากเดนศักดินา"

ทำให้ในสมัยนั้น ใครก็ตามที่เหมามองว่าไม่เป็น "สังคมนิยม" จะถูกพวก "เรดการ์ด" บีบให้สารภาพว่าเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา และไล่บี้จนหมดอนาคต บางกรณีเล่นกันถึงตาย!

เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) โดยประเดิมเล่นงานบุคคล 2 ท่าน คือ "เผิงเจิน" และ "อู๋หาน"

2 ท่านนี้คือใคร?

"เผิงเจิน" คือเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำปักกิ่งในขณะนั้น ส่วน "อู๋หาน" เป็นนักประวัติศาสตร์จีนที่เชี่ยวชาญเรื่องราชวงศ์หมิง และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการขุดค้นสุสานราชวงศ์หมิง (ชื่อทางการคือ "ติ้งหลิง" ส่วนอาจารย์วรศักดิ์เรียก "สุสานหมิง")

แล้วทำไมเหมาถึงเริ่มเล่นงาน 2 ท่านนี้ก่อน?

เรื่องมันเริ่มจากการเปิดนิทรรศการสุสานหมิง หลังจากที่ขุดค้นเสร็จแล้วเรียบร้อย เมื่อปี ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) ครับ

เมื่อมีนิทรรศการดังกล่าว ก็ย่อมต้องมีการบอกเล่าประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์หมิงให้ผู้เข้าชมได้ทราบ

ทีนี้ในปี ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) เหมาเจ๋อตุง เกิดประทับใจขุนนางท่านหนึ่งในสมัยนั้น คือ "ไห่ญุ่ย" ซึ่งกล้าวิจารณ์จักรพรรดิจนถูกขับออกจากราชสำนัก

เหมาแนะนำว่า ทุกคนควรจะศึกษาเรื่องของไห่ญุ่ยไว้เป็นเยี่ยงอย่าง

ฝ่ายโฆษณาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แนะนำให้อู๋หานเขียนบทความเกี่ยวกับไห่ญุ่ยลงหนังสือพิมพ์ของพรรค รวมถึงเขียนเป็นบทละครด้วย

ด้วยความที่เชี่ยวชาญเรื่องยุคราชวงศ์หมิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อู๋หานก็ "จัดให้" เลยครับ

ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเหมากับอู๋หาน (รวมถึงเผิงเจิน) จะไปได้สวย

แต่ในเวลาต่อมา ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 เมื่อเหมาเจ๋อตุง เกิดมีปัญหากับ "เผิงเต๋อฮว๋าย" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น จนเหมาถึงกับปลดเผิงออกจากตำแหน่ง...

...มี "ใครก็ไม่รู้" ไปปล่อยข่าวกล่าวหาอู๋หาน ว่าตั้งใจเขียนบทละครเรื่องไห่ญุ่ยเพื่อ "แซะ-แขวะ" ประธานเหมา

ตอนแรกเหมาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมีการปั่นเรื่องนี้มาก ๆ เข้า เหมาก็เคลิ้มสิครับ

ปี ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) เหมาถามเผิงเจิน เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่านี้ เผิงรับปากว่าจะติดตามให้

ที่สุดแล้ว เผิงก็พบว่า เรื่องนี้เป็น "ความบังเอิญ" มากกว่า เลยปล่อยให้มันจบ ๆ ไปละกัน...

..."เผิง" หยุดแล้ว แต่ "เหมา" ไม่หยุด!

จึงเป็นที่มาของการหลอกใช้พวก "เรดการ์ด" เพื่อ "เช็คบิล" อู๋หานและเผิงเจิน

ถึงตรงนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์วรศักดิ์ ถึงตั้งชื่อ chapter นี้ว่า "การเมืองในสุสานหมิง"...

...เพราะ "เล่นกันแรง" แบบนี้ไง!

และเข้าใจว่า พวกเรดการ์ดคงจะยัดข้อหา "เป็นซากเดนศักดินา" ให้อู๋หานและเผิงเจิน (เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขุดค้นสุสานหมิง)

แต่... แต่... ยังไม่จบ

จุดสำคัญที่ผมอยากเน้นเป็นพิเศษ คือตรงนี้ครับ

ความ "ทุเรศบัดซบ" ของพวกเรดการ์ด ยัง "ลามปาม" ไปถึงที่สุสานหมิงด้วย

"ไอ้เด็กเวร" พวกนี้ มันเข้าไปคุมตัวเจ้าหน้าที่ของสุสาน ยัดข้อหาว่าเป็นพวกโปรทุนนิยม กัดกร่อนการปฏิวัติ...

...แล้วพวกมันก็เข้าไปทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าในสุสานหมิง!

ทาสีแดงทับคำว่า "ติ้งหลิง" ที่เป็นชื่อของสุสาน

เอาโครงกระดูกของ "จักรพรรดิว่านลี่" และมเหสี รวมถึงภาพเขียน ภาพถ่าย ฯลฯ มากองหน้าสุสาน...

...แล้วรุม "ปาก้อนหิน" ใส่โครงกระดูกของพระองค์จนแหลก...

...สาแก่ใจแล้ว "ไอ้พวกเหี้ยนี่" ก็ "เผา" เศษโครงกระดูกดังกล่าวจนหมด...

...แค่เริ่มต้น "เรดการ์ด" ก็ทำจัญไรแล้ว!

ผมอ่านแล้ว "รับไม่ได้" จริง ๆ