13 ตุลาคม 2562

คอลัมน์รายสะดวก: ชุด "ควันหลงทัวร์แบงก์ชาติ" ตอนพิเศษ
น้อมรำลึก "ในหลวงรัชกาลที่ ๙"
"เศรษฐกิจพอเพียง" ปรัชญาทรงคุณค่า พาไทย "ฝ่าวิกฤต" เศรษฐกิจโลก

ก่อนอื่นผมต้องขอโทษทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ เพราะคอลัมน์รายสะดวก ชุด "ควันหลงทัวร์แบงก์ชาติ" ตอนนี้ ทิ้งช่วงจากตอนที่แล้วมาถึง 2 เดือนเศษ บทความเลยขาดความต่อเนื่องในการนำเสนอ

ในตอนนี้ เป็น "ตอนพิเศษ" ที่ผมขอนำเสนอด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยเป็นล้นพ้น

จึงเลือกที่จะนำเสนอในวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ ก็คือวันนี้นี่แหละครับ 13 ตุลาคม

ผมยังจำได้ว่า ในวันที่ผมกับเพื่อนไปที่ "ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย" (2 สิงหาคม) ผมกับเพื่อนก็ได้ไปดูโซนที่จัดแสดงธนบัตรแบบต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

รวมถึง "ธนบัตรที่ระลึก"

แน่นอนว่าผมสนใจโซนนี้ครับ เพราะมีธนบัตรที่ระลึกในโอกาสต่าง ๆ ที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย

เช่น บัตรธนาคารชนิดราคา 60 บาท ที่จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ หรือ 60 พรรษา เมื่อปี 2530, ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท และ 5 แสนบาท เนื่องในอภิลักขิตสมัยมหามงคลวันราชาภิเษกสมรส และวันบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครบ 50 ปี เมื่อปี 2543 เป็นต้น

ที่ผมสนใจที่สุด เห็นจะเป็นธนบัตรที่ระลึกชนิดราคา 70 บาท เนื่องในโอกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี เมื่อปี 2559

เป็นธนบัตรที่ระลึกแบบสุดท้ายในรัชกาลของพระองค์ ก่อนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559

และเป็นแบบที่ผมนำมาโพสต์ให้ดูกันวันนี้

ผมมองไปที่ธนบัตรที่ระลึกชุดนั้น แล้วย้อนนึกไปถึงสิ่งที่ผมได้เคยอ่าน เคยศึกษาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และยิ่งเมื่อนึกถึงวันที่พระองค์สวรรคตแล้ว...

ได้แต่แอบน้ำตาคลอ

ก่อนจะออกไปดูโซนอื่นพร้อมกับเพื่อน ผมก็ไม่ลืมที่จะแสดงความเคารพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์บนธนบัตรที่ระลึกนั้น

เป็นการแสดงความเคารพต่อล้นเกล้าล้นกระหม่อม "ภูมิพลมหาราชา" ของเหล่าพสกนิกรคนไทยทุกคน

เมื่อกี้พูดถึง "พระมหากรุณาธิคุณ" ของพระองค์ สิ่งที่แว้บขึ้นมาในหัวผมก็คือ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"

อย่างที่ผมเคยเล่าในคอลัมน์รายสะดวกตอนที่แล้ว ในช่วงปี 2540 ประเทศไทยประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งใคร ๆ ก็เรียกมันว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง"

โดยสรุป วิกฤตในครั้งนั้นเกิดจาก เกิดจาก "ความสุดโต่ง" เกินพอดีในการลงทุนต่าง ๆ จนเกิดภาวะ Over Supply โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ก่อนหน้าวิกฤต 2 - 3 ปี

อย่างที่สอง "ความประมาท" ของภาคเอกชน ที่คิดว่าค่าเงินบาทจะถูก fix ไว้ตลอดที่ 25 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แล้วไปกู้เงินเหรียญสหรัฐมาทำธุรกิจ

วันดีคืนดี รัฐบาล "ลอยค่าเงินบาท" เพราะรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนต่อไปไม่ได้แล้ว ธุรกิจที่ว่าก็ "เจ๊ง" หนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว

รวมถึงความประมาทเลินเล่อของผู้บริหารแบงก์ชาติในเวลานั้นด้วย ที่คิดว่าจะปกป้องค่าเงินบาทได้ จนตัวผู้ว่าแบงก์ชาติถูกฟ้องดำเนินคดีในเรื่องนี้

ธุรกิจเจ๊ง ชำระหนี้คืนไม่ได้ ปัญหาจึงลามไปถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้วก็เกิดปัญหาการว่างงานตามมานั่นเอง

แต่ในคราวที่คนไทยเดือดร้อนกันถ้วนหน้าจากวิกฤตนี้ ก็มี "แสงเทียน" ส่องสว่างให้คนไทยได้เห็นแนวทางการใช้ชีวิตให้อยู่รอดในวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เมื่อ "ยามเย็น" ของวันที่ 4 ธันวาคม 2540

เวลานั้น เชื่อว่าแทบทุกบ้านจะเปิดโทรทัศน์ เพื่อรอชมการถ่ายทอดพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งสมัยนั้น โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยจะถ่ายทอดพระราชดำรัสของพระองค์ในช่วงเย็นวันที่ 4 ธันวาคม ก่อนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม เป็นแบบนี้เรื่อยมาหลายปี

พระราชดำรัสของพระองค์ในวันที่ 4 ธันวาคมปีนั้น มีความหมาย และทรงคุณค่าอย่างยิ่งยวดต่อคนไทยทุกคน