UFABET

น้ำตาลที่กำลังจะเขียนถึงเป็นน้ำตาลที่พวกเรารู้จักกันดีอยู่แล้วและก็น้ำตาลไฮเทคที่เรียกกันว่าไซรัปฟรุคโตส โดยงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยจากมหาวิทยาลัย UCLA นับว่าเป็นงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นแรกที่กล้าพอที่จะให้ผลสรุปว่า “ดื่มน้ำตาลมากมายแล้วทำให้ทึ่ม” คนไหนกันจะไปทราบว่างานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่เกี่ยวพันกับน้ำตาลไฮเทคชิ้นนี้บางทีอาจเปลี่ยนเป็นหมัดเด็ดน็อคบริษัทของกินอเมริกันระหว่างชาติที่มีผลล้นโลกอยู่เดี๋ยวนี้ก็ได้


น้ำตาลไฮเทคหรือไซรัปฟรุคโตสที่กำลังจะเขียนถึงมีชื่อเต็มว่า “ไฮฟรุคโตสคอร์นไซรับ” (High Fructose Corn Syrup) มีชื่อเรียกย่อว่า HFCS เป็นไซรัปหรือน้ำเชื่อมที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดที่แปลงภาวะให้มีน้ำตาลฟรุคโตสในจำนวนสูง ใช้ในอุตสาหกรรมของกินเพื่อตอบแทนน้ำตาลจากอ้อยหรือบีทรูท น้ำตาลฟรุคโตสที่ว่านี้มีความหวานสูงขึ้นมากยิ่งกว่าน้ำตาลหกเท่า ในทางอุตสาหกรรมก็เลยนิยมใช้เพราะว่าใช้ในจำนวนน้อยกว่าน้ำตาล ทั้งเป็นของเหลวมิได้เป็นเกล็ดราวกับน้ำตาล


ใครๆก็รู้ว่าความหวานทำให้ผู้ที่ได้ลองได้สัมผัสรสกำเนิดอาการติด อุตสาหกรรมของกินก็เลยนิยมใช้น้ำตาล แรกเริ่มเคยใช้น้ำตาลที่พวกเรารู้จักกันนั่นแหละ น้ำตาลมีภาวะเป็นเกล็ด ไม่สบายนักสำหรับในการเอามาผสมในกรรมวิธีการผลิตของกินเนื่องมาจากจำต้องใช้ความร้อนสำหรับเพื่อการละลายน้ำตาลทราย หรือไม่ก็จำต้องใช้น้ำนำมาซึ่งความยุ่งยากค่อนข้างจะมากมาย วันหลังก็เลยเปลี่ยนแปลงมาเป็นไซรัปฟรุคโตสที่สบายและก็ราคาน้อยกว่า


ก่อนที่จะรู้จักน้ำตาลไฮเทคควรจะรู้จักน้ำตาลกันซะก่อน น้ำตาลเป็นสารเคมีที่มีชื่อเรียกว่า “ซูโครส” เป็นน้ำตาลผู้เดียวสองโมเลกุลด้ามจับรวมอยู่ร่วมกันเป็นน้ำตาลคู่ โน่นเป็นฟรุคโตสกับเดกซ์โทรส ด้วยเหตุผลดังกล่าวในโมเลกุลของน้ำตาลก็เลยมีฟรุคโตสอยู่ครึ่งหนึ่ง เมื่อไปสู่ร่างกาย ก่อนที่จะถูกซึมซับ ซูโครสจำเป็นต้องถูกย่อยด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีอะไม่เลสเป็นน้ำตาลผู้เดียวแล้วก็เลยถูกซึมซับไปสู่กระแสโลหิต


น้ำตาลจำนวนมากทำมาจากบีทรูทแล้วก็อ้อย บ้างก็ทำมาจากพืชอื่น ส่วนน้ำตาลไฮเทคได้ผลสร้างมาจากสังคมอเมริกันแท้ๆเป็นสร้างขึ้นมาจากข้าวโพดซึ่งปลูกกันมากมายในอเมริกา ที่ว่าไฮเทคก็เพราะเหตุว่ามีการใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนโมเลกุลของแป้งเหตุเพราะแป้งนั้นรู้ๆกันดีอยู่แล้วอยู่แล้วว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีสายโมเลกุลยาว ในโมเลกุลเป็นน้ำตาลเดกซ์โทรสทั้งหมด


ขั้นตอนการทำไซรัปฟรุคโตสสูงจากแป้งข้าวโพด หรือ HFCS เขานำเอาแป้งข้าวโพดมากระทำการย่อยให้เปลี่ยนเป็นน้ำตาลเดกซ์โทรสเชิงโดดเดี่ยวทั้งปวงก่อนต่อจากนั้นก็เลยใช้โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีอินเวอร์เทสแปลงเดกซ์โทรสให้เป็นฟรุคโตสด้วยเคล็ดลับเฉพาะเจาะจงที่ปรับปรุงขึ้น จนถึงเดกซ์โทรสส่วนมากกลายเป็นฟรุคโตสกระทั่งหมด ฟรุคโตสหวานกว่าเดกซ์โทรสเป็นสิบเท่า แม้กระนั้นรสสู้เดกซ์โทรสมิได้ ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยจะต้องผสมเดกซ์โทรสกลับเข้าไปใหม่


กรรมวิธีการขั้นถัดไปเป็นนำฟรุคโตสเชิงโดดเดี่ยวผสมกับเดกซ์โทรสเชิงผู้เดียวที่ได้มาจากการสรุปยแป้งข้าวโพดในระยะแรกนั่นแหละ ให้ได้สัดส่วนฟรุคโตส 55 แล้วก็เดกซ์โทรส 45 ถ้าจะว่าไปก็ไม่มีความแตกต่างจากน้ำตาลที่มีรูปทรงฟรุคโตส 50 รวมทั้งเดกซ์โทรส 50 สักเท่าไหร่ ที่สำคัญเป็น HFCS มีรสหวานกว่าน้ำตาลทรายหกเท่าอย่างที่บอกทำให้ใช้ในอุตสาหกรรมของกินในจำนวนที่น้อยกว่าน้ำตาล


ความเป็นต่อของ HFCS นอกจากหวานกว่าแล้วยังเป็นของเหลวทำให้ใช้สบาย ภายหลังพรีเซนเทชั่นในตลาดไม่นานนัก อุตสาหกรรมก็แห่กันมาใช้ HFCS แทนน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม หรืออาหารกินเล่นกรุบกรอบทั้งหลายแหล่ที่วางขายกันกระจัดกระจายบ้านพวกเราเวลานี้ และก็เอาไปใช้ในอุตสาหกรรมของกินอื่นๆเป็นต้นว่าเครื่องปรุงรส


ความที่เป็นฟรุคโตสซึ่งเป็นน้ำตาลผลไม้ที่คนทั่วๆไปรู้จักกันดีอยู่แล้ว นักวิชาการก็เลยเชื่อใจ ทั้งคนจำนวนมากก็พากันมั่นใจว่ามันไม่ก่อให้เกิดปัญหาโรคเบาหวานเนื่องด้วยฟรุคโตสไม่กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนอินสุลินจากตับอ่อน เอาเข้าจริงมันไม่ใช่แบบนั้น วิชาความรู้ทางด้านวิชาการในวันนี้เปลี่ยนไปเป็นว่าน้ำตาลฟรุคโตสเชิงโดดเดี่ยวที่ล้นไปสู่ร่างกายอย่างเร็ว เมื่อเข้าไปในเลือดแล้วส่งผลรั้งนำให้เกิดภาวะซนต่อฮอร์โมนเล็พตำหนินที่ปฏิบัติหน้าที่สั่งสมองให้หยุดรับประทาน เมื่อไม่หยุดรับประทานสิ่งที่ตามมาเป็นโรคอ้วน


ต้นเหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคอ้วนในหมู่ประชาชนมีอยู่หลายกรณี HFCS เป็นต้นเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง มีการศึกษาและทำการค้นพบกลไกแล้วว่ามันเข้าไปก่อกวนการส่งคำสัญญานในสมองส่วนที่เป็นเปลือกสมอง รั้งนำให้เกิดภาวะดื้อรั้นต่อเล็พติเตียนนเกิดขึ้นในสมองส่วนไฮโปธาลามัส แม้กระนั้นก็แค่ทำให้อ้วนเพียงแค่นั้น ยังไม่มีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นไหนที่ไปใส่ร้ายป้ายสีว่ามันยังเข้าไปก่อกวนวิธีการทำหน้าที่ด้านความจำของสมอง จะมีก็งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยจาก UCLA นี่แหละ


แพทย์เฟอร์นันโด โกเมซ-พินิลลา (Fernando Gomez-Pinilla) เป็นศ.จ.ทางด้านศัลยกรรมประสาท วิทยาลัยหมอเดวิดเกฟเฟน มหาวิทยาลัย UCLA กับแผนกกระทำทดสอบในหนู โดยใช้หนูโดยประมาณ 20 ตัวฝึกฝนให้เดินในเขาวงกตที่ค่อนจะสลับซับซ้อนประเภทเข้าไปแล้วแนวทางเดินภายในวุ่นวายมากมายจนกระทั่งยากที่จะหาทางออก หนูเข้าไปฝึกหัดอยู่วันเว้นวันตรงเวลาห้าวันกระทั่งศึกษาวิถีทางที่จะออกมาจากเขาวงกตทางอีกปลายด้านหนึ่งได้ ไม่หลงทาง


ต่อจากนั้นนักค้นคว้าแยกหนูเป็นสองกรุ๊ป กรุ๊ปแรกให้ดื่มน้ำตาลฟรุคโตสแทนน้ำนานหกอาทิตย์ อีกกรุ๊ปหนึ่งให้ดื่มน้ำตาลฟรุคโตสเช่นกันแต่ว่าเพิ่มเติมแฟล็คสีดแล้วก็กรดไขมันดีเอชเอซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้าสาม รับประทานอยู่นานหกอาทิตย์อย่างเดียวกัน วันหลังนำหนูทั้งคู่กรุ๊ปกลับเข้าไปเดินในเขาวงกตอีกรอบปรากฏว่าหนูกรุ๊ปที่ได้รับ HFCS สิ่งเดียว หลงทางในเขาวงกตอยู่เป็นนาน หนูสูญเสียความสามารถเกี่ยวกับการเขียนจำที่เคยมีอยู่ไปแทบจะหมด ในตอนที่หนูกรุ๊ปที่รับประทาน HFCS แต่ว่าได้รับกรดไขมันโอเมก้าสามพร้อมไปด้วยนั้น ความจำยังคงอยู่ทำให้ไม่หลงทาง


ผลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยในครั้งนี้ค่อนข้างจะน่าตื่นตะลึงงันเนื่องจากว่าสรุปออกมาว่าน้ำตาล HFCS ส่งผลทำให้ความจำเสื่อมซึ่งไม่เคยมีกล่าวในทำนองเดียวกันนี้มาก่อน โดยเหตุนั้น HFCS ไม่ใช่แค่ทำให้อ้วนแต่ว่ายังเป็นเหตุให้ทึ่มได้ด้วย คนไหนกันที่บริโภคของกินขยะมากมายๆหรือกินน้ำอัดลมเป็นประจำอาจต้องระมัดระวัง เนื่องจากส่งผลทำให้เซลล์ประสาทความจำที่อยู่รอบๆสมองข้างหน้าโดยเฉพาะเปลือกสมอง กำเนิดความทรุดโทรมเปลี่ยนเป็นคนขึ้หลงขี้หลงขี้ลืมไปได้มากกว่าเก่า


ต้องการคิดจะปรับแต่ง ufabet การกินปลาสมุทรที่มีกรดไขมันโอเมก้าสามจะช่วยชะลอปัญหาลงไปได้ ในเชิงโภชนาการเห็นจะจะต้องชี้แนะให้ลดการบริโภค HFCS ลงช่วงเวลาเดียวกันก็เสริมกรดไขมันโอเมก้าสามเพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพความจำของสมอง


งานศึกษาเรียนรู้ในรูปแบบนี้สร้างผลพวงค่อนข้างจะสูงต่ออุตสาหกรรมของกินที่นิยมใช้ HFCS ถ้าหันกลับมาใช้น้ำตาล สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือราคาสูงขึ้น ใช้จำนวนมากขึ้น ทั้งก่อปัญหาอ้วนและก็ก่อกวนหลักการทำงานของสมองได้เหมือน HFCS อาจก่อให้ทึ่มได้เสมอกัน แนวทางที่ยอดเยี่ยมที่สุดเป็นลดของหวานลงซึ่งคงจะเกิดผลดีต่อร่างกายสูงที่สุด