บทสรุปการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

บทสรุปการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2022 ก็ต้องบอกว่าไม่ค่อยมีเซอร์ไพรส์เท่าไหร่สำหรับเกมการแข่งขันในรอบนี้ นอกจากคู่ของสเปนกับโมร็อกโก ที่เกิดการพลิกล็อคขึ้น ส่วนที่เหลือก็ต้องว่าเป็นไปตามความคาดหมาย จะเป็นยังไงกันบ้างไปติดตามกันได้เลย

คู่แรก เนเธอร์แลนด์ ชนะ สหรัฐอเมริกา 3-1

ประเดิมเกมแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นการพบกันระหว่าง เนเธอร์แลนด์ แชมป์กลุ่มเอ เจอกับ สหรัฐอเมริกา รองแชมป์กลุ่มบี แน่นอนว่าชื่อชั้นของ “อัศวินสีส้ม” เป็นต่อเหนือ “พญาอินทรี” อยู่หลายขุมด้วยกัน รวมถึงในแง่ของนักเตะ เนเธอร์แลนด์ นั้นอุดมไปด้วยนักเตะระดับคุณภาพมากมายหลายคน แต่อย่างไรก็ตามบรรดาเซียนก็มองว่าโอกาสที่ เนเธอร์แลนด์ จะชนะขายลอยนั้นมีโอกาสน้อยมาก เพราะอเมริกา ในรอบแบ่งกลุ่มก็ยันเสมอมาได้ทั้งอังกฤษ รวมถึงเอาชนะเวลส์มาแล้ว เริ่มเกมนี้มาเพียงแค่ 45 นาที “อัศวินสีส้ม” ก็เป็นฝ่ายหนีนำห่าง 2-0 เรียกได้ว่าแทบจะปิดเกมลงในทันที แม้ครึ่งหลังอเมริกาจะไล่มาเป็น 2-1 แต่สุดท้ายพวกเขาก็โดนยิงประตูที่ 3 ทำให้จบเกม เนเธอร์แลนด์ เอาชนะ อเมริกาไป 3-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นทีมแรก

คู่สอง อาร์เจนตินา ชนะ ออสเตรเลีย 2-1

มาต่อกันที่คู่สอง อาร์เจนตินา ในฐานะแชมป์กลุ่มซี พบกับ ออสเตรเลีย รองแชมป์กลุ่มดี ออสเตรเลีย ผ่านเข้ารอบมาได้อย่างพลิกความคาดหมาย และในรอบนี้ต้องมาเจอกับอาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลก 2 สมัย ที่ฟอร์มการเล่นกำลังกลับมาเข้าฝักอีกครั้ง แน่นอนว่าบรรดากูรูต่างมองว่า “ฟ้าขาว” คงจะเปิดใส่ออสเตรเลียอย่างไม่ยั้งและคงมีสกอร์ที่นำห่างเป็นอย่างมาก แต่แล้วในความเป็นจริงออสเตรเลียไม่ได้เป็นสมันน้อยให้อาร์เจนตินา เชือดง่ายๆ แม้จะโดนนำไปก่อน 2-0 แต่พวกเขาก็ฮึดสู้จนได้ประตูคืนมา 1 ลูกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ เอ็นโซ่ แฟร์นานเดส แต่สุดท้ายก็ไปได้แค่นั้น อาร์เจนตินา เอาชนะออสเตรเลียไปแบบหวุดหวิด 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับเนเธอร์แลนด์

คู่สาม ฝรั่งเศส ชนะ โปแลนด์ 3-1

ต่อกันที่คู่สาม “แชมป์เก่า” ฝรั่งเศส แชมป์กลุ่มดี โคจรมาเจอกับเพื่อนร่วมทวีปอย่าง โปแลนด์ รองแชมป์กลุ่มซีโดย โปแลนด์ ภายใต้การนำของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หวังสร้างเซอร์ไพรส์จะเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ในการแข่งขันครั้งนี้ แต่สุดท้ายความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ฝรั่งเศส ที่โดดเด่นมาตั้งแต่รอบแรกในเรื่องของเกมรุกและเกมรับ บวกด้วยศักดิ์ศรีการเป็นแชมป์เก่า เดินหน้าเปิดเกมบุกใส่โปแลนด์แบบไม่ยั้งและนำห่างไปถึง 3-0 จากผลงานของ “เสือเฒ่า” อย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ส่วนอีก 2 ประตูได้มาจาก คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายก็ยังมีประตูปลอบใจให้กับโปแลนด์ จากการยิงจุดโทษของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โดยฝรั่งเศสจะเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปรอบเจอผู้ชนะระหว่างอังกฤษกับเซเนกัล ต่อไป


คู่สี่ อังกฤษ ชนะ เซเนกัล 3-0

มากันที่เกมของทีมขวัญใจแฟนบอลชาวไทยอย่างทีมชาติอังกฤษ แชมป์กลุ่มบีที่ต้องโคจรมาเจอกับงานหนักอย่างทีมชาติเซเนกัล รองแชมป์กลุ่มเอ หากมองเอาแค่ชื่อชั้นอังกฤษนั้นเป็นต่ออยู่หลายขุม แต่หากมองในแง่ของศักยภาพนักเตะ เซเนกัลไม่ได้เป็นรอง “สิงโตคำราม” เลย และในบางตำแหน่งอาจจะดูดีกว่าด้วยซ้ำ เริ่มเกมมาเป็นอังกฤษที่เปิดเกมบุกได้สมน้ำสมเนื้อกว่า แต่กว่าจะมาได้ประตูขึ้นก็ต้องรอจนถึงนาที 38 จากผลงานของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จากนั้นประตูก็ไหลทันที พวกเขาหนีห่างเป็น 2-0 จาก แฮร์รี่ เคน ในช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนที่จะมาได้ประตูปิดท้ายจาก บูกาโย่ ซาก้า ในนาที 57 จบเกมอังกฤษ เอาชนะ เซเนกัล ไป 3-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับฝรั่งเศส ต่อไป

คู่ห้า ญี่ปุ่น เสมอ โครเอเชีย 1-1 ยิงจุดโทษตัดสิน โครเอเชีย ชนะ 3-1

ถือว่าเป็นคู่แรกของรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ต้องตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษ เป็นเกมระหว่าง ญี่ปุ่น ในฐานะแชมป์กลุ่มอี พบกับ โครเอเชีย ในฐานะรองแชมป์กลุ่มเอฟ หากมองในเรื่องชื่อชั้นแน่นอนว่า โครเอเชีย เหนือกว่าอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่หากมองในเรื่องฟอร์มการเล่นต้องบอกว่า นักเตะจากแดนซามูไร กำลังมีฟอร์มการเล่นที่ดีเป็นอย่างมาก และในเกมนี้พวกเขาก็ขึ้นนำทีม “ตราหมากรุก” ไปก่อน 1-0 จากผลงานของ ไดเซน มาเอดะ แต่สุดท้าย โครเอเชีย ก็ได้ อิวาน เปริซิซ โหม่งตีเสมอในรช่วงครึ่งหลังจากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้จนหมดช่วงต่อเวลาพิเศษ ต้องตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษ กลายเป็นโครเอเชียที่ยิงเข้าเป้าได้มากกว่าเอาชนะไป 3-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จโดยพวกเขาจะไปรอเจอผู้ชนะระหว่าง บราซิล กับเกาหลีใต้

คู่หก บราซิล ชนะ เกาหลีใต้ 4-1

คู่ที่หกเป็นการเจอกันระหว่าง บราซิล ในฐานะแชมป์กลุ่มจี เจอกับ เกาหลีใต้ รองแชมป์กลุ่มเอช เป็นรองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นชื่อชั้นของนักเตะ, ชื่อชั้นของประเทศ รวมถึงแท็คติกต่างๆ ทำให้แฟนบอลเดาได้ไม่ยากเย็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเกมนี้ และก็เป็นอย่างดั่งที่คาดไว้ บราซิล เดินหน้าถล่มเกาหลีใต้ยับเยิน 4-1 บราซิลผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับโครเอเชีย ส่วนเกาหลีใต้เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปอีกทีม

คู่เจ็ด โมร็อกโก เสมอ สเปน 0-0 ยิงจุดโทษตัดสิน โมร็อกโก ชนะ 3-0

คู่ที่เจ็ด โมร็อกโก ในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ เจอกับ สเปน รองแชมป์กลุ่มอี โมร็อกโก ผ่านเข้ารอบมาแบบพลิกความคาดหมายของใครหลายคน และต้องโครจรมาเจอกับสเปน ที่รอบแบ่งกลุ่มนั้นฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมเหลือเกิน แต่ไม่ใช่งานสำหรับ “กระทิงดุ” พวกเขาทำเกมที่ต้องการไม่ได้และเสมอกับโมร็อกโกไป 0-0 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปแต่ก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น สุดท้ายต้องตัดสินที่การยิงจุดโทษและเป็นโมร็อกโก ยิงแม่นกว่าเอาชนะไป 3-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปรอเจอผู้ชนะระหว่าง โปรตุเกส กับ สวิสเซอร์แลนด์



คู่แปด โปรตุเกส ชนะ สวิสเซอร์แลนด์ 6-1

ปิดท้ายกันที่คู่ที่แปด โปรตุเกส แชมป์กลุ่มเอช เจอกับ สวิสเซอร์แลนด์ รองแชมป์กลุ่มจี มองในด้านชื่อชั้นทั้งสองทีมไม่ได้มีชี่อชั้นที่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก แต่หากมองฟอร์มการเล่นหรือคุณภาพนักเตะ สวิสฯ อาจจะดูด้อยกว่าโปรตุเกสอยู่ แต่ก็คงไม่ใช่ทีมกระดูกอ่อนที่จะให้ทัพ “ฝอยทอง” ยิงได้ง่ายๆ แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น โปรตุเกส เดินหน้าถล่มสวิสเซอร์แลนด์ ไปแบบเละเทะ 6-1 โดยที่ กอนซาโล รามอส ดาวยิงโปรตุเกส สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะรายแรกที่ทำแฮททริคได้ในการแข่งขันครั้งนี้ พร้อมพาชาติบ้านเกิดเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับ โมร็อกโก ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :: ข่าวรถแข่ง

ข่าวที่น่าติดตาม :: เว็บข่าวรถแข่ง