เทคนิคการใช้ FTR และ FTB เทรดกับ Demand / Supply Zone
นอกจากนั้นจะมีเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ Demand / Supply อีกแบบ เรียกว่าการหา FTR และ FTB
FTR = ย่อมากจากคำว่า Fail to return
FTB = ย่อมาจากคำว่า First time back
FTR แบบที่ 1 Bullish FTR เป็นของฝั่ง BUY หรือฝั่ง Demand
FTR แบบที่ 2 Bearish FTR เป็นของฝั่ง SELL หรือฝั่ง Supply
วิธีการสังเกต กราฟราคาที่เป็นแบบ Bullish FTR
ราคาเค้าจะมีการดีดตัวทะลุแนวต้าน ขึ้นไปสร้าง New High ที่สูงกว่า High เดิม
เป็นการ Break out structure ( BOS ) ขึ้นมา
ตัวอย่าง เมื่อเราไปเทียบกับกราฟจริง
สิ่งที่นักเทรดส่วนใหญ่จะรอให้เกิดขึ้นก็คือ การวนกลับมาที่เดิมของราคา ที่มีการเบรกแนวต้านขึ้นไปก่อนหน้า
หรือจุดที่เป็น BOS ก่อนหน้า ซึ่งในทีนี้จะเรียกว่า First Time Back ( FTB )
ซึ่งจะเป็นจังหวะที่สร้างความได้เปรียบให้กับผู้ที่เล่นฝั่ง BUY ในการรอเข้าเทรด
สำหรับการเข้าเทรดในฝั่ง BUY ผู้เล่นส่วนใหญ่เค้าจะรอให้ราคาลงมาโซนที่เป็น Demand Zone ก่อน
จากนั้นให้เราเช็คที่ RSI หากราคาอยู่โซนที่เป็น Over Sold ของ RSI ที่เส้น 30 ยิ่งดี เนื่องจากราคามีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปสูงมาก
รวมตัวอย่างกราฟที่เกิดรูปแบบของ Bullish FTR และ FTB
เมื่อใดก็ตามที่เราหาเจอ BOS = การเบรกโครงสร้างของราคาเจอ
เราจะรอให้ราคาวิ่งย้อนกลับลงมาก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้า BUY จะเป็นการเพิ่มความได้เปรียบมากยิ่งขึ้น
หัวใจหลักของเทคนิคนี้ อยู่ที่การหา BOS หรือ Break Of Structure ให้เจอนั่นเอง
วิธีการสังเกต กราฟราคาที่เป็นแบบ Bearish FTR
ราคาเค้าจะมีการเทขายทะลุแนวรับลงไปสร้าง New Low ที่ต่ำกว่า Low เดิม
เป็นการ Break out structure ( BOS )
จุดที่ SELL ที่ได้เปรียบจะอยู่ตรงบริเวณที่เป็น Supply Zone
เมื่อราคาวิ่งกลับขึ้นมาครั้งแรก หรือเกิด FTB
เพื่อนๆ สามารถนำคำศัพท์ในห้องนี้ ไปต่อยอดฝึกฝนด้วยตัวเองอีกทีได้เลยครับ
😀 บทความ และเทคนิคในห้องนี้ อาจใช้งานได้ไม่ 100 % ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาด Forex และทองคำในช่วงนั้นๆ
เพื่อนๆ อาจนำไปประยุกต์ใช้งาน ให้เหมาะกับความถนัดของแต่ละคนอีกทีได้เลยครับ