1.แหล่งเรียนรู้เรื่องวัดหายโศก


"วัดหายโศก”บ้านสังคม หมู่ที่ 1 ตำบลสังคม อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ติดแม่น้ำโขงดูเข้มขลัง

ราวใครที่มามีเรื่องทุกข์ร้อนใจ เมื่อได้มาเยือนแล้วสักการะบูชากราบไหว้ขอพร ก็จักหายโศก เรื่องร้ายๆผ่านพ้น ให้คลาดแคล้ว...ไหลไปตามแรงกระแสของแม่น้ำโขง


วัดหายโศก ชื่อนี้ ชาวบ้านเรียกขานกันมาเป็นเวลาเนิ่นนานนับร้อยปีแล้ว ตามประวัติเล่าสืบต่อๆกันมานั้น วัดนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามประเทศลาวจึงมีชาวไทยและชาวลาวเดินทางไปมาหาสู่กันอยู่เสมอมา ความสัมพันธ์สนิทใกล้ชิดเสมอเหมือนเป็นทองแผ่นเดียวกัน

เมื่อครั้งสงครามคอมมิวนิสต์ จีนแดงรบกับฝ่ายพันธมิตร ไทยเราเป็นกลาง ผลแห่งสงครามทำให้เกิดการอพยพหลบข้ามมาฝั่งไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ผู้ชายต้องเป็นทหารยามศึกสงคราม น้อยคนนักที่จะมีโอกาสกลับมาหาลูกเมีย ไม่น้อยก็ตายในสนามรบ ลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทยก็มีแต่ความเศร้าโศกพอได้มาพบกันก็ร้องไห้ สุดอาลัยยากที่จะพรรณนาในเรื่องราวที่ผ่านมา จนกระทั่งเป็นความทุกข์ กัดกินอยู่ในหัวใจชาวลาวที่อพยพข้ามฝากมาจึงร่วมกับพระภิกษุที่อยู่ในพื้นที่หาทางคลายทุกข์สาหัสในหัวใจ ดับทุกข์ให้ผู้คนที่สูญเสียทั้งจากภัยสงคราม ภัยจากโรคเจ็บไข้ได้ป่วย จากภัยธรรมชาติ จากภัยการปกครองต่างๆนาๆ

พระท่านเทศน์โปรดด้วยหลักโลกธรรม ได้กล่าวไว้ว่า “ความตาย” เป็นสิ่งธรรมดา ทุกชีวิตในโลกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหนีความตายได้พ้นเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ความตายเป็นเรื่องธรรมดา...เกิดแก่เจ็บตายไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น ฟังทุกวัน...รับรู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ทำให้ความทุกข์จางลงๆ...แผลในใจทุเลาเบาบางลงไป เมื่อผู้คนเริ่มเห็นแสงสว่างของชีวิตใหม่อีกครั้ง พระท่านจึงให้ชื่อสำนักสงฆ์แห่งนี้ว่า “วัดหายโศก”

และชื่อนี้ก็เรียกกันมาจนถึงวันนี้ ก็อาจเป็นประเด็นหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องที่เล่าสืบต่อๆ กันมามีว่า เมื่อมีการตายเกิดขึ้นก็มีการทำพิธีเผาศพในเชิงตะกอนกลางแจ้ง ชาวบ้านเรียกว่าป่าช้า ประกอบพิธีเสร็จเรียบร้อยก็เก็บกระดูกไปลอยอังคาร เหลือเก็บไว้บังสุกุลบ้างตาม สมควร เมื่อครบ 1 ปี ก็นิมนต์ พระมาทำบุญบังสุกุล อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ



การลอยอังคาร ก็จะนำกระดูกห่อใส่ผ้าขาว ผูกเชือกด้วยด้ายสายสิญจน์แล้วเอาไปลอยลงแม่น้ำโขง บางห่อก็ลอยออกไปไกลถึงปลายปากแม่น้ำ บางห่อก็อาจจะจมลึกอยู่ใต้น้ำ แน่นอนว่าจะลอยไปใกล้ไกลถึงที่แห่งหนตำบลใดก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้แน่ชัด เป็นสัจธรรมสะท้อนความจริงให้คลายโศก

การตาย การพลัดพรากจากของรักย่อมทำให้เศร้าโศกเป็นเรื่องธรรมดา ความเศร้าโศกเป็นเรื่องอันตรายสำหรับบางคนที่ผูกติดกับความเศร้าความอาลัยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ว่าในอดีต จวบจนปัจจุบันผู้คนบางคนก็มีความเศร้าถึงขั้นอยากจะลาโลกตัดความเศร้าทิ้งไปเสียให้เด็ดขาด

เทศนาคำสอนที่พระสงฆ์เทศนาให้คลายความโศก โปรดญาติโยม “การเกิด...แก่...เจ็บ...ตาย ร่วมทั่งไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น คลายความโศกให้คิดใหม่ ทำให้ตั้งต้นชีวิตใหม่ อย่าไปยึดติดอาลัยกับสิ่งที่ล่วงลับไปแล้ว อย่างไรก็คงไม่กลับคืนมาได้อย่างแน่นอน เมื่อคลายทุกข์ปลดความเศร้าโศกกันได้ จึงกลายเป็นว่าวัดนี้ทำให้ผู้คนหายโศก” “ทุกข์”...ที่ไหม้อยู่ในใจต้องใช้ “ธรรมะ” ดับ...หรือนำธรรมมาชำระจิตใจ ความร้อนในใจหรือทุกข์จะค่อยๆมอดไหม้สลายดับไปเอง


วัดหายโศก...หายโศกด้วยโลกธรรม วัดแห่งนี้ยังมีความน่าสนใจด้วยมีพระอุโบสถอายุน่าจะราวๆ 300 ปีเห็นจะได้ เป็นโบสถ์มหาอุดมีประตูเข้าออกประตูเดียว คนโบราณจะใช้ในพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้กับนักรบก่อนออกศึกสงคราม มีความเชื่อกันว่าสามารถป้องกันภัยอันตรายต่างๆได้

“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไร ทั้งผู้มีทุกข์มาก ทุกข์น้อยหรือไม่มีทุกข์เลย...ถ้ามีโอกาสเชิญแวะไปพิสูจน์ศรัทธากันด้วยตัวเอง วัดหายโศก บ้านสังคม หมู่ที่1 ตำบลสังคม อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย แล้วท่านจะหายทุกข์ หายโศก หายเศร้า ล่องลอยไหลไปกลับแม่น้ำโขง