ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มเครือข่ายพันาคุณภาพการศึกษาบางกระทุ่ม 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มเครือข่ายพันาคุณภาพการศึกษาบางกระทุ่ม 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE
1. สภาพปัญหาของการจัดการเรียนรู้และการจัดการศึกษา
สำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติได้กำหนดการพัฒนาการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้และมีใจใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่ การเปลี่ยนบทบาทครู การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษา และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต การวางพื้นฐานระบบรองรับการเรียนรู้โดยใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการสร้างระบบการศึกษาเพื่อเป็นเลิศทางวิชาการระดับนานาชาติ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพัฒนาคนไทยตามพหุปัญญาให้เต็มตามศักยภาพการพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น ต้องได้รับการพัฒนาทักษะความสามารถที่สอดรับกับทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 27 จึงระบุให้สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อพัฒนานักเรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ มีความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ มีทักษะการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคมภูมิปัญญาท้องถิ่น มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ รวมทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ได้กำหนดจุดเน้นนโยบายปี 2567 ในการขับเคลื่อน 3 นโยบาย ได้แก่ การจัดการศึกษาเพื่อประชาธิปไตย การจัดการศึกษาเชิงรุก (Active Learning) หลักสูตรที่เน้นสมรรถนะ (ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง) ซึ่งผู้จัดทำประเด็นท้าทายได้นำนโยบายด้านการจัดการศึกษาเชิงรุก (Active Learning) มาวางแผนดำเนินการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้มาอย่างต่อเนื่อง พบว่า จากการนิเทศ สังเกตการสอนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ห้องเรียนเป็นฐานของครู ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 นั้น ครูยังขาด การเชื่อมโยงการนำความรู้ในการจัดการเรียนรู้ไปใช้ในห้องเรียน ยังยึดติดการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากเนื้อหาในหนังสือเรียน เน้นการสอนโดยการบรรยายความรู้ ครูไม่รอคอยให้นักเรียนได้คิดหาคำตอบจากการเชื่อมโยงความรู้ของผู้เรียนก่อน ส่งผลให้การจัดการเรียนรู้ของครูไม่สอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในการพัฒนาผู้เรียนตามที่หลักสูตรสถานศึกษากำหนดและแนวการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่และสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยการใช้กระบวนการทางปัญญา (กระบวนการคิด) กระบวนการทางสังคม (กระบวนการกลุ่ม ) และให้ผู้เรียน มีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในการเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ โดยครูผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และจัดให้สอดคล้องกับความสนใจความสามารถและความถนัด เน้นการบูรณาการความรู้ในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ใช้หลากหลายวิธีการสอน และหลากหลายแหล่งความรู้
จากเหตุผลดังกล่าวจึงมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษา และหลักสูตรระดับชั้นเรียน รวมทั้งสอดคล้องกับแนวการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ซึ่งการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียนรู้ในระดับทักษะการคิดสูงสุด อันประกอบด้วย การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า ลักษณะสำคัญของการจัดการเรียนการสอนรูปแบบนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับครูในการจัดกิจกรรมด้วกยระบวน
การกลุ่ม สามารถสร้างองค์ความรู้และจัดระเบียบการเรียนรู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรับผิดชอบ การมีวินัย ในการทำงานแก่ผู้เรียน ซึ่งสอดคล้องกับการฝึกให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะและทักษะของศตวรรษที่ 21 ดังนั้น ข้าพเจ้าในฐานะศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกลุ่มงานส่งเสริม พัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา จึงสนใจการพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 โดยการริเริ่ม พัฒนา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ครูสามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนหรือวิธีการสอนที่หลากหลาย และจัดทำแผนนิเทศ ติดตาม และสะท้อนผลสู่การปฏิบัติในชั้นเรียน โดยเน้นการนิเทศเพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และขับเคลื่อนกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมให้ครูพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และทักษะในศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียน ตลอดจนพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ทั้งด้านความรู้ ทักษะ สมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 สำรวจข้อมูลพื้นฐาน วิเคราะห์สภาพปัญหา และความต้องการจำเป็นในการสร้างนวัตกรรมการจัดประสบการณ์และการทำวิจัยในชั้นเรียน และสังเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้วางแผนและจัดทำแผนการนิเทศ
2.2 ศึกษา แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ เพื่อพัฒนารูปแบบ นวัตกรรมการนิเทศ และเพื่อจัดทำแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE
2.3 ศึกษา แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เทคนิควิธีการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และเพื่อจัดทำแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE
2.4 จัดทำแผนนิเทศ ติดตาม โดยนำหลักสูตรสถานศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2561) สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน ซึ่งเน้นการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และเทคนิควิธีการสอนที่หลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมให้ครูพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และทักษะในศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียนและสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาและผู้เรียน
2.5 จัดทำแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE ที่สอดคล้องกับแผนการนิเทศ เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน รวมถึงหาค่าความดัชนีความสอดคล้อง (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน โดยเนื้อหาของคู่มือประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 บทนำ
ส่วนที่ 2 แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 3 แนวทางการจัดการเรียนเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และเทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 2๑
ส่วนที่ 4 ปฏิทินการดำเนินงานและปฏิทินการนิเทศ
ส่วนที่ 5 การนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
2.6 กิจกรรมนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย
2.6.1 นิเทศ ให้คำปรึกษา แนะนำ ชี้แนะ ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE เพื่อให้ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับการพัฒนางานวิชาการ และสามารถการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และเป็นแบบอย่างในการพัฒนาการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา และผู้เรียน โดยดำเนินการดังนี้
1. P-PLANNING - ขั้นวิเคราะห์สร้างสารสนเทศวางแผน เก็บข้อมูล สภาพปัญหา ศึกษาเนื้อหาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา
2. A-ANALYZE INFORMATION – ขั้นวิเคราะห์สร้างสารสนเทศ วิเคราะห์เนื้อหา ประเด็นที่จะดำเนินการนิเทศ สร้างชุดกระบวนการนิเทศ PADRAE เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลาย
3. D-DOING - ขั้นการให้ความรู้ และปฏิบัติการนิเทศ ติดตาม ดังนี้
3.1 อบรมให้องค์ความรู้
3.2 สร้างครูแกนนำเพื่อขยายผล
3.3 ดำเนินการนิเทศ
4. R-REINFORCING - ขั้นการสร้างขวัญ และกำลังใจ ได้แก่ สร้างเวทีการนำเสนอผลงาน มอบรางวัลให้กำลังใจครูผู้สอนที่เป็นต้นแบบ
5. A-AFTER ACTION REVIEW: AAR - ขั้นการทบทวนหลังปฏิบัติการนิเทศ
แลกเปลี่ยนกระบวนการคิดในการแก้ไขปัญหาหลังจากการดำเนินการนิเทศ และสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน
6. E-EVALUATION - ขั้นประเมินผล สรุป วิจัยและพัฒนา โดยประเมิน วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุปผลการนิเทศ รวมถึงวิจัยเพื่อพัฒนาต่อยอด
2.6.2 ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครูให้สามารถจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายสอดคล้องกับบริบทชั้นเรียน ได้บรรลุตามเป้าหมาย
2.6.3 ติดตามและประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายสอดคล้องกับบริบทชั้นเรียน เพื่อวิเคราะห์สรุปผลการพัฒนาที่บรรลุตามเป้าหมาย และที่จะต้องพัฒนาต่อไป
2.6.4 จัดเวทีวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เผยแพร่ผลงานเชิงประจักษ์จัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายสอดคล้องกับบริบทชั้นเรียน
2.6.5 สรุปและรายงานผลการนิเทศการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PADRAE ส่งเสริมและสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครูผู้สอนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา อันจะเป็นรากฐานที่ทำให้เกิดระบบนิเวศด้านการศึกษาที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของสังคม