การทอเสื่อกกและการแปรรูปเสื่อกก
นางนิรันดร์ เริงกสิวิทย์
เสื่อกกเป็นผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย ซึ่งแรกเริ่มสมัยบรรพบุรุษ จะเป็นการทอเสื่อกกไว้ใช้เองในครัวเรือน โดยใช้กกเหลี่ยมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในท้องทุ่ง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ นำกกมาตัด ตากให้แห้ง แล้วทอเป็นผืนเสื่อแบบหยาบๆ ไว้ใช้กันเอง ในครัวเรือนหรือแจกจ่ายในหมู่ญาติ ต่อมามีการพัฒนาใช้พันธุ์กกกลมเป็นวัสดุในการทอ ที่ปลูกใน ท้องนาหรือพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น บริเวณริมแหล่งน้ำธรรมชาติ เพราะกกกลมจะมีคุณสมบัติที่ดีกว่า คือมีความเหนียวและผิวละเอียดมากกว่ากกสามเหลี่ยม กกกลมเกิดและเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีน้ำท่วมถึงหลังน้ำลด พอกกเจริญเติบโตได้เต็มที่ก็ทำการตัด นำมาตัดแล้วตากให้แห้ง เก็บไว้ทอเสื่อต่อไปกกกลมพันธุ์ที่ปลูกโดยไม่ต้องอาศัยความชื้นมากนัก บางคนเรียกกกชนิดนี้ว่ากกราชินีปลูกได้โดยทั่วไป เช่น บริเวณสวนภายในหมู่บ้าน ปลูกรอบๆบริเวณบ้าน ร่องน้ำ
การทอเสื่อเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในชนบทที่ใช้เวลาว่างจากการทำไร่ทำนามาถักทอ บางส่วนทอเก็บไว้เพื่อทำบุญช่วงเทศกาลตามประเพณี โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น คือใช้ต้นกก คิดค้นลวดลายให้แปลกใหม่ เช่น ลายดอกลายน้อย ลายสมอคู่ และลายแพรวา ถักทอจนเป็นผืนสวยงาม พัฒนาต่อยอดโดยการแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย และสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
นางนิรันดร์ เริงกสิวิทย์
กลุ่มทอเสื่อกกบ้านเพชรกาฬสินธุ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2556 โดยมี นางนิรันดร์ เริงกสิวิทย์ เป็นประธานกลุ่มและมีการรวมตัวของกลุ่มสตรีที่ว่างเว้นจากการประกอบอาชีพหลัก มีกศน.อำเภอทัพทัน สนับสนุนในเรื่องของงบประมาณ และวิทยากร โดยมี กศน.ตำบลตลุกดู่ ประสานงานในพื้นที่ ในการรวมกลุ่มครั้งแรกเป็นการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของการทอแบบเส้นแห้งธรรมชาติและสลับสีรวมถึงมีการแปรรูปเป็นเสื่อพับ เมื่อโครงการสิ้นสุดลงกลุ่มก็ยังดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี พ.ศ.2558 ได้รับงบประมาณสนับสนุนของโครงการศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ฯ โดยได้มีการไปศึกษาดูงานที่จังหวัดจันทบุรี ในเรื่องการทอเสื่อแบบยกดอกหรือมีลวดลาย
รวมถึงกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย นางนิรันดร์ เริงกสิวิทย์ ได้นำเอาความรู้ที่ได้จากการไปศึกษาดูงานมาต่อยอดองค์ความรู้ในการออกแบบลวดลายเสื่อกกซึ่งเป็นลวดลายเฉพาะของกลุ่ม เช่น ลายขอ ลายเขาวงกต เป็นต้น นอกจากนี้ ได้นำเสื่อไปพัฒนาบุฟองน้ำ เพิ่มความหนานุ่ม แต่จะไม่ทำให้หนามาก เพราะนอนเสื่อแล้วจะได้ไม่ปวดหลัง โดยได้รับคำแนะนำมาจากลูกค้า ตลอดจนเพิ่มขนาดการผลิตให้มีหลายขนาด หลายรูปแบบ เช่น ทำเป็นที่รองนั่ง และเบาะนั่งสมาธิ ซึ่งลูกค้านิยมซื้อไปถวายพระ ชุดรองจาน รองแก้ว เป็นต้น รวมทั้งยังมีการพัฒนาออกแบบถุงใส่สินค้า เป็นถุงผ้าสีน้ำตาล ให้เข้ากับสีเสื่อ จากเดิมที่ใส่ถุงพลาสติกธรรมดาขาย ทำให้สินค้าดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น
นางนิรันดร์ เริงกสิวิทย์ เป็นบุคคล ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านศิลปะการออกแบบซึ่งได้ความรู้เหล่านี้มาจากพ่อซึ่งก็คือ นายตัน นาสินพูล ซึ่งเป็นปราชญ์ด้านศิลปวัฒนธรรมอีสาน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและเอกลักษณ์เป็นของตน ศิลปวัฒนธรรมสืบต่อจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน หลายทศวรรษ ประจักษ์แก่สายตามาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ให้ได้สัมผัสกันอย่างเป็นรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า บรรพบุรุษเราในรุ่นก่อน ๆ มีความรู้ความสามารถในการออกแบบงานศิลปะจนกลายเป็นวัฒนธรรม เป็นองค์ความรู้สืบทอดรุ่นต่อรุ่นไม่ให้สูญหายไป และก็ยังคงสืบทอดต่อไปอีกยาวนาน ด้วยการอนุรักษ์ความเป็นไทยไว้สืบไป จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทอเสื่อกก เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น ประณีต สวยงาม มีหลากหลายชนิด ผลิตจากเส้นใยที่มีคุณภาพเหนียวแน่นทนนาน ผิวมันละเอียด ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และสามารถปลูกเองในพื้นที่
ปราชญ์ชาวบ้าน / การทอเสื่อกกและการแปรรูปเสื่อกก
นางนิรันดร์ เริงกสิวิทย์ บ้านเลขที่ 181/3 หมู่ที่ 14 ตำบลตลุกดู่
อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นายมนตรี บุญไชโย
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นายมนตรี บุญไชโย