ประโยชน์ของแตงโม จัดเต็มเพื่อสุขภาพดี
เติมความสดชื่นให้ร่างกาย
เพราะส่วนประกอบของแตงโมมากกว่า 90% คือ น้ำ เมื่อทานแล้วจึงรู้สึกสดชื่น ดับกระหาย เติมน้ำให้ร่างกาย พร้อมกับช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสไปในตัว
ช่วยในการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย
แตงโมเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ โดยมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ค่อนข้างมาก อีกทั้งแตงโมยังมีกากใยอาหารค่อนข้างสูง ทั้งน้ำและไฟเบอร์จากแตงโมจึงมีส่วนช่วยในระบบย่อยอาหารของร่างกายอย่างเต็มที่ และยังดีต่อเนื่องมาถึงระบบขับถ่ายอีกด้วยล่ะ
ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
มีงานวิจัยเผยถึงประโยชน์ของกรดอะมิโนที่พบในน้ำแตงโมว่า ในน้ำแตงโมมีสารซิทรูลีน (Citrulline) กรดอะมิโนที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับร่างกาย อันเป็นสารที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งโกรทฮอร์โมน ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมระบบการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ
ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
มีการทดลองให้อาสาสมัครรับประทานแตงโมวันละ 1,560 กรัม ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ซึ่งพบว่า ปริมาณอาร์จีนิน (กรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย) ในเลือดของอาสาสมัครเพิ่มขึ้นถึง 22% และเมื่อให้นักกีฬาดื่มน้ำแตงโม 500 มิลลิลิตร หรือดื่มน้ำแตงโมที่เติมสารซิทรูลีนก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง พบว่า น้ำแตงโมทั้งแบบผสมและไม่ผสมจะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจขณะฟื้นตัว และลดอาการปวดกล้ามเนื้อของนักกีฬาภายหลังออกกำลังกายได้ ซึ่งประโยชน์ของแตงโมในด้านนี้ยังถูกนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่มช่วยฟื้นกำลังในนักกีฬาอีกด้วย
กระตุ้นการสร้างโปรตีน
แม้แตงโมจะไม่ใช่ผลไม้ที่มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ ทว่ากรดอะมิโนในน้ำแตงโมสามารถกระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อของอาสาสมัครที่รับประทานอาหารมีโปรตีนต่ำ โดยไม่มีผลกระทบต่อระบบหมุนเวียนโปรตีนในร่างกาย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า กรดอะมิโนในน้ำแตงโมสามารถกระตุ้นการสร้างโปรตีนให้ร่างกายเราได้โดยไม่มีอันตรายใด ๆ ดังนั้นทางการแพทย์จึงนำประโยชน์ด้านนี้ของแตงโมมาผลิตเป็นอาหารเสริมโปรตีนให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหารจำพวกโปรตีน
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่น่าสนใจของแตงโมมีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของหลอดเลือด ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งในแตงโมยังมีวิตามินซีค่อนข้างสูง โดยวิตามินซีก็มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดความเสี่ยงโรคหอบหืดได้อีกทาง
ผลการศึกษาจาก American Journal of Hypertension พบว่า สารสกัดจากแตงโมมีส่วนช่วยลดระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน รวมไปถึงผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะความดันโลหิตสูงในระดับ 1 ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
ไลโคปีนในแตงโมมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและความดันโลหิต อีกทั้งไลโคปีนยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการออกซิเดชั่นของไขมัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อหัวใจได้ นอกจากนี้การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดายังพบว่า ในแตงโมมีกรดอะมิโนซิทรูลีนค่อนข้างสูง และคนที่ได้รับกรดอะมิโนตัวนี้ประมาณ 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยลดความดันโลหิตได้ภายใน 6 สัปดาห์ โดยกรดอะมิโนซิทรูลีนจะช่วยร่างกายผลิตไนตริกออกไซด์ ทำให้หลอดเลือดขยายขึ้น การไหลเวียนของเลือดที่สูบฉีดเข้าหัวใจจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจก่อปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจได้นานัปการ
โคลีนเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างหนึ่งซึ่งพบได้ในแตงโม โดยโคลีนมีส่วนช่วยในกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการจดจำ กระบวนการเคลื่อนไหวของร่างกาย เนื่องจากโคลีนเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง ที่สำคัญโคลีนยังช่วยลดการดูดซึมไขมันในร่างกาย จึงช่วยลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อชนิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากไขมันเลวในเลือดได้
สารต้านอนุมูลอิสระทั้งไลโคปีนและเบต้าแคโรทีน รวมไปถึงวิตามินซีในแตงโมสีแดง ล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งในระบบทางเดินอาหาร รวมไปถึงลดโอกาสเกิดเนื้องอกร้ายในร่างกายสัตว์ทดลอง ทว่าสรรพคุณต้านมะเร็งในมนูษย์ของแตงโมยังจำเป็นต้องทำการศึกษาอย่างละเอียดต่อไปในอนาคตนะคะ
เชื่อว่าหลายคนมีความสงสัยอยู่ในหัวว่าแตงโมกินแล้วช่วยลดน้ำหนักได้หรือเปล่า งั้นเอาเป็นว่าลองมาส่องปริมาณน้ำตาลจากแตงโมกันหน่อยดีกว่า แล้วเราจะรู้เองว่ากินแตงโมแค่ไหนถึงไม่ไม่อ้วน
อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากจะลดน้ำหนักจริง ๆ ควรลดปริมาณอาหารอื่น ๆ มากกว่าการทานผลไม้แต่เพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะทำให้ขาดสารอาหารได้นะคะ
แตงโมเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่หาซื้อได้ง่าย ๆ แถมราคาก็ไม่แพงด้วยนะคะ ใครที่ชอบกินแตงโมอยู่แล้ว คงจะฟินกับการกินแตงโมมากขึ้นไปอีกไม่มากก็น้อยล่ะเนอะ