องุ่น เป็นพืชไม้เลื้อยในตระกูลเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายทั้งวิตามินซีและวิตามินเค ประกอบไปด้วยฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าองุ่นมีคุณสมบัติที่ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และใบขององุ่นอาจมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยสมานเนื้อเยื่อ หยุดเลือด และช่วยลดอาการท้องเสีย แต่ข้อพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ประโยชน์ และความปลอดภัยของการรับประทานองุ่น รวมถึงสารสกัดจากเมล็ดองุ่นที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
การรักษาด้วยองุ่นที่เป็นไปได้ แต่ยังมีหลักฐานสนับสนุนไม่เพียงพอ
สมรรถภาพในนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักจะผลิตสารประกอบที่มีออกซิเจนในโมเลกุลมากเกินไป (Reactive Oxygen Species) ซึ่งอาจทำให้เซลล์ในร่างกายเสียหาย รวมถึงระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอต่อการยับยั้บการสร้างอนุมูลอิสระ จึงทำให้มีการวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดจากองุ่นที่อาจช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระและสมรรถภาพในการออกกำลังกายของนักกีฬาชาย โดยสุ่มให้นักกีฬาแฮนด์บอล บาสเกตบอล นักวิ่ง และวอลเลย์บอลจำนวนทั้งสิ้น 20 คนที่อยู่ในช่วงระหว่างการแข่งขันกีฬา รับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากองุ่นขนาด 400 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 30 วัน และอีกกลุ่มรับประทานยาหลอก โดยตรวจเลือดและปัสสาวะทั้งก่อนและหลังการทดลอง 1 เดือน พบว่าระดับสารต้านอนุมูลอิสระและสมรรถภาพในการออกกำลังกายของนักกีฬาแฮนด์บอลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากคุณสมบัติของสารสกัดจากองุ่น และการวิจัยนี้ยังสนับสนุนให้ทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและกลไกการทำงานของสารสกัดจากองุ่นในนักกีฬา
องุ่นกับประโยชน์ด้านสุขภาพ
การไหลเวียนเลือดไม่ดี ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีอาการขาบวมและเส้นเลือดขอด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหรือเส้นเลือดอาจเป็นผลมาจากอนุมูลอิสระ และองุ่นเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยหรือเป็นประโยชน์ต่ออาการดังกล่าว จึงทำให้มีการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้หญิงที่ทำงานโดยต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นหรือยาหลอกแบบครั้งเดียวและแบบ 14 วัน โดยนั่งนาน 6 ชั่วโมง พบว่าการรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น โดยมีโปรแอนโทไซยานิดิน (Proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการยับยั้งอาการขาบวมในผู้หญิงซึ่งแข็งแรงดีแต่ต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานอย่างมีนัยสำคัญ
บำรุงสายตา องุ่นประกอบไปด้วยสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสายตา ซึ่งมีการทดลองเกี่ยวกับการใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่นเพื่อรักษาเซลล์ปมประสาทของเรตินาหรือจอตา (Retina Ganglion Cell) พบว่าอัตราการตายของเซลล์ประสาทลดลง เป็นผลมาจากสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเข้าไปยับยั้งการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระ แต่เนื่องจากยังเป็นเพียงการทดลองที่อยู่ในห้องทดลอง จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพขององุ่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
องุ่นกับประโยชน์ด้านสุขภาพ
การไหลเวียนเลือดไม่ดี ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีอาการขาบวมและเส้นเลือดขอด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหรือเส้นเลือดอาจเป็นผลมาจากอนุมูลอิสระ และองุ่นเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยหรือเป็นประโยชน์ต่ออาการดังกล่าว จึงทำให้มีการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้หญิงที่ทำงานโดยต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นหรือยาหลอกแบบครั้งเดียวและแบบ 14 วัน โดยนั่งนาน 6 ชั่วโมง พบว่าการรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น โดยมีโปรแอนโทไซยานิดิน (Proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการยับยั้งอาการขาบวมในผู้หญิงซึ่งแข็งแรงดีแต่ต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานอย่างมีนัยสำคัญ
บำรุงสายตา องุ่นประกอบไปด้วยสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสายตา ซึ่งมีการทดลองเกี่ยวกับการใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่นเพื่อรักษาเซลล์ปมประสาทของเรตินาหรือจอตา (Retina Ganglion Cell) พบว่าอัตราการตายของเซลล์ประสาทลดลง เป็นผลมาจากสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเข้าไปยับยั้งการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระ แต่เนื่องจากยังเป็นเพียงการทดลองที่อยู่ในห้องทดลอง จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพขององุ่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
กลุ่มอาการทางเมตาบอลิก เป็นกลุ่มอาการที่ประกอบด้วยหลายโรค เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ จากการศึกษาแสดงให้เห็นถึงหลักฐานเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ พบได้ในองุ่น โดยเฉพาะสารสกัดจากเมล็ดองุ่น รวมถึงผักและผลไม้ชนิดต่าง ๆ โดยมีการรายงานถึงประโยชน์ของสารโพลีฟีนอลว่าอาจช่วยยับยั้งความเสี่ยงของกลุ่มอาการทางเมตาบอลิก จากผลการศึกษาพบว่าสารโพลีฟีนอลในองุ่นส่งผลต่อความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตับและหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ยังจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารพฤษเคมี สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ และอื่น ๆ เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสารโพลีฟีนอลในองุ่นต่อไป
นอกจากนี้ ยังงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งแบ่งอาสาสมัครกลุ่มอาการทางเมตาบอลิกออกเป็น 3 กลุ่ม และสุ่มให้รับประทานยาหลอก หรือสารสกัดจากเมล็ดองุ่นขนาด 150 มิลลิกรัม หรือสารสกัดจากเมล็ดองุ่นขนาด 300 มิลลกรัม เป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยวัดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดทั้งก่อนและหลังการทดลอง พบว่าความดันโลหิตของกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นต่ำกว่ากลุ่มที่รับประทานยาหลอก แต่ระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากวิธีการรักษาโรคไขมันพอกตับยังค่อนข้างจำกัด ในขณะที่คุณสมบัติต้านสารอนุมูลอิสระของผักและผลไม้มีมากขึ้น ทำให้มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่นเพื่อช่วยปรับปรุงระบบการทำงานของตับในผู้ป่วยไขมันพอกตับ โดยสุ่มให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มละ 15 คน รับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นหรือวิตามินซีขนาด 1,000 มิลลิกรัมทุก 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 เดือน โดยตรวจการทำงานของตับในกลุ่มตัวอย่างก่อนการทดลอง และตรวจซ้ำในเดือนที่ 1, 2 และ 3 พบว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นอาจช่วยทำให้ผู้ป่วยไขมันพอกตับมีอาการดีขึ้นหากมีการติดตามผลเป็นระยะเวลานาน
ความปลอดภัยในการรับประทานองุ่น
การรับประทานองุ่นเป็นอาหารในปริมาณที่เหมาะสมค่อนข้างมีความปลอดภัย หรือรับประทานในรูปแบบยารักษาโรคก็อาจจะปลอดภัยเช่นกัน แต่หากรับประทานองุ่นรวมถึงลูกเกดในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย ในบางรายอาจมีอาการแพ้องุ่นหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากองุ่นได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ไอ ปากแห้ง เจ็บคอ ปวดศีรษะ เกิดการติดเชื้อ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ข้อควรระวังในการรับประทานองุ่น โดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มดังต่อไปนี้
การรักษาด้วยองุ่นที่อาจไม่ได้ผล
คลื่นไส้และอาเจียนจากเคมีบำบัด หลายคนเชื่อว่าผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียนจากเคมีบำบัด ซึ่งเป็นการลดต้นทุนและประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ได้มีการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ปานกลางและแบบที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้มากจำนวนทั้งสิ้น 77 คน บริโภคน้ำองุ่นสายพันธุ์คอนคอร์ดในปริมาณ 4 ออนซ์หรือยาหลอก ก่อนมื้ออาหารเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากรักษาด้วยยาเคมีบำบัดในแต่ละรอบ โดยบันทึกความถี่และระยะเวลาที่เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และขย้อนเป็นประจำทุกวัน พบว่าความถี่และระยะเวลาที่เกิดอาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มตัวอย่าง แต่ไม่พบว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นประสิทธิภาพของฟลาโวนอยด์ในน้ำองุ่นคอนคอร์ดยังจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตด้วยกลุ่มตัวอย่างที่มีจำนวนมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการทดลอง