ทับทิม ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว ออกฤทธิ์เป็นยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง นอกจากนี้ หากดื่มน้ำทับทิมตอนเช้าวันละ 1 แก้วจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ ในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้
ประโยชน์ของทับทิม มีดียังไง
ประโยชน์ของทับทิมเป็นได้ทั้งผลไม้เพื่อสุขภาพ และตำรับยารักษาโรคกันเลยล่ะค่ะ โดยประโยชน์ของทับทิมด้านสุขภาพก็มีดังนี้
1. อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย
เมล็ดทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมจากน้ำตาลธรรมชาติ โดยเมล็ดทับทิมปริมาณ 1 ถ้วยตวง (174 กรัม) จะประกอบไปด้วย...
- ไฟเบอร์ 7 กรัม
- โปรตีน 3 กรัม
- วิตามินซี 30% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินเค 36% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- โฟเลท 16% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- โพแทสเซียม 12% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- น้ำตาลธรรมชาติ ประมาณ 24 กรัม
นอกจากนี้ในเมล็ดทับทิมยังมีกรดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ และในปริมาณ 1 ถ้วยตวง (174 กรัม) ทับทิมให้แคลอรีประมาณ 144 กิโลแคลอรีค่ะ
2. สารต้านอนุมูลอิสระสูง
น้ำที่คั้นได้จากเนื้อทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก โดยสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมจะเป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโธไซยานิน และจากการวิจัยก็ค้นพบว่า น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเป็น 3 เท่าของไวน์แดงและชาเขียว และสูงกว่าน้ำบลูเบอร์รี น้ำแครนเบอร์รี น้ำองุ่นสีม่วง และน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เมื่อเทียบในปริมาณที่เท่ากัน
ที่สำคัญไปกว่านั้น ในเปลือกและน้ำของทับทิมจะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษที่ชื่อว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระได้หลายโรค รวมไปถึงภาวะอักเสบต่าง ๆ ด้วย
3. ช่วยลดการอักเสบ
นอกจากสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) แล้ว ในเปลือกทับทิมยังมีสารช่วยลดการอักเสบที่ชื่อว่า กรดเอลลาจิแทนนิน โดยจากการทดลองพบว่า สารจากเปลือกทับทิมสามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการแข็งตัวของหลอดเลือดต่าง ๆ ในร่างกายเมื่อเกิดการอักเสบขึ้นในจุดนั้น ๆ อีกทั้งการทดลองสารสกัดด้วยเมทานอลผสมน้ำจากผลทับทิม และกรดไขมันจากเมล็ดทับทิมก็พบว่า สารที่สกัดได้จากส่วนของทับทิมดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยพบว่ามีกลไกการออกฤทธิ์หลายแบบ ทั้งช่วยยับยั้งการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ และกดการทำงานของเอนไซม์ที่กระตุ้นการสังเคราะห์สารที่ทำให้เกิดการอักเสบได้
อย่างไรก็ดี มีบันทึกทางการแพทย์ทางเลือกที่สหรัฐอเมริกาา ว่ามีการใช้สารสกัดจากน้ำทับทิมรักษาโรคที่เกิดจากการอักเสบ เช่น โรคข้อรูมาตอยด์แล้วด้วยนะคะ
4. ป้องกันไข้หวัด
ข้อมูลจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) และฟลาโวนอยด์ในผลทับทิมมีฤทธิ์ต้านไวรัสโรคหวัด โดยสามารถยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ฮ่องกง (H3N2) ในคนในหลอดทดลองได้
5. ลดความดันเลือด ป้องกันโรคหัวใจ
สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในทับทิมมีส่วนช่วยป้องกันไขมันชนิดไม่ดีโดยช่วยกำจัดไขมันเลวโดยตรง และยังช่วยยับยั้งการออกซิเดชั่นของไขมันเลว ทำให้ไขมันเลวไม่สามารถเกาะผนังเลือดได้ ทั้งนี้จากการศึกษาทางคลินิกพบว่า สารสกัดจากน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากมีส่วนช่วยลดความข้นของเลือดอันเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า สารสกัดจากน้ำทับทิมมีส่วนช่วยให้เลือดสูบฉีดไปยังหัวใจได้ดีขึ้น โดยสารในน้ำทับทิมมีฤทธิ์ลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติด (Carotid endarterectomy) ช่วยลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากไขมันในเลือดสูง ลดความดันเลือดโดยหยุดการสะสมไขมันและสลายไขมันสะสมที่หลอดเลือด
อีกทั้งสารในน้ำทับทิมยังช่วยลดปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระลงได้ครึ่งหนึ่ง และสามารถลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำทับทิมยังลดปริมาณพลัค (Plaque) ในหลอดเลือดแดงใหญ่ และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลดีในร่างกายได้อีกด้วย
6. ช่วยกระตุ้นความจำ
มีงานวิจัยที่ทดลองให้สารสกัดผลทับทิมแก่ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดในปริมาณ 2 กรัม แล้วพบว่า ผู้ป่วยมีอัตราสูญเสียความทรงจำภายหลังการผ่าตัดลดน้อยลงหรือแทบจะไม่สูญเสียความทรงจำเลย
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยกับอาสาสมัครสูงอายุจำนวน 28 คน โดยให้ทุกคนดื่มน้ำทับทิมปริมาณ 237 มิลลิลิตรทุกวัน ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และผลการทดลองพบว่า อาสาสมัครทุกคนมีความจำในส่วนของการสนทนา และการมองเห็น (Verbal and Visual Memory) เพิ่มขึ้น และเมื่อเทียบจากการทดลองสารสกัดจากผลทับทิมในด้านป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในหนูทดลอง ก็ยิ่งทำให้นักวิจัยเชื่อกันว่า สารสกัดที่ได้จากผลทับทิมมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ในส่วนของความทรงจำได้จริง ๆ
7. ป้องกันอัลไซเมอร์
การทดลองในห้องแล็บของมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์สฟิลด์แสดงให้เห็นว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) ที่มีอยู่ในผลทับทิมสามารถยับยั้งการอักเสบในเซลล์สมองส่วนที่เรียกว่า Micrologia ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
โดยในการวิจัย Dr.Olumayokun Olajide และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์สฟิลด์และนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไฟรบูร์กได้ร่วมกันทำการทดลองโดยใช้เซลล์สมองของหนูทดลองมาใช้เพื่อหาข้อพิสูจน์ ซึ่งผลที่ได้นั้นถูกตีพิมพ์ในวารสาร The Journal Molecular Nutrition and Food Research ว่า จากการทดลองทำให้เรามีความหวังที่จะนำสารสกัดจากผลทับทิมมาสกัดเป็นตัวยา และหากประสบความสำเร็จ ในอนาคตก็จะสามารถนำสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) มาผลิตเป็นตัวยาเพื่อช่วยรักษาอาการเซลล์สมองถูกทำลาย ยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังคงค้นคว้าต่อไปว่าจะต้องนำผลทับทิมปริมาณมากน้อยเพียงใดจึงจะสกัดเป็นตัวยาป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะในน้ำทับทิม 100% จะมีปริมาณของสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) อยู่แค่เพียงร้อยละ 3.4 เท่านั้น ซึ่ง Dr.Olajide แนะนำว่า เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทับทิมอย่างเต็มที่ควรจะบริโภคผลสดจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยยับยั้งโรคอัลไซเมอร์แล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของระบบประสาทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะสมองเสื่อมอีกด้วย
8. ป้องกันการอักเสบในช่องท้อง
การศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) จากผลทับทิมมีส่วนช่วยลดเซลล์อักเสบอันเป็นต้นเหตุของอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ส่วนกระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญ
9. ลดน้ำตาลในเลือด
สารชีวเคมีที่พบในดอกทับทิม เมล็ดทับทิม และเปลือกทับทิมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด โดยสารสำคัญจากผลทับทิมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมน้ำตาลในเลือดและการหลั่งอินซูลินในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อีกทั้งยังมีหน้าที่ยับยั้งการดูดซึมและการสร้างกลูโคส รวมไปถึงช่วยยับยั้งเอนไซม์กลูโคซิเดส และกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนให้ทำงานได้อย่างสมดุลกันอีกด้วย
10. ป้องกันโรคมะเร็ง
กรดเอลลาจิกที่พบในทับทิมมีฤทธิ์ต้านมะเร็งในเนื้อเยื่อหลายชนิด เช่น ลำไส้ ทางเดินอาหาร ตับ ปอด ลิ้น และผิวหนัง โดยมีฤทธิ์กระตุ้นการเกิดกระบวนการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis) บางชนิด รวมทั้งมีฤทธิ์ต้านสารก่อมะเร็ง เนื่องจากในผลทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง และยังเป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด จึงช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อาจจะเกิดเป็นเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การป้องกันและรักษาโรคมะเร็งต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วยถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย ไม่สูบ ไม่ดื่ม และพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นต้น