หน่วยที่ 2

สายส่ง (TRANSMISSION LINE)

สาระสำคัญ

  หลักการของสายส่ง ทำหน้าที่นำสัญญาณทางไฟฟ้าไปยังปลายทางเครื่องรับที่ดีต้องเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูลจากต้นทางไปถึงปลายทางในรูปแบบสัญญาณทางไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดการสูญเสีย (Loss) น้อยที่สุด หรือเรียกว่า สายนำสัญญาณ

 การใช้งานสายนำสัญญาณสิ่งที่ควรพิจารณา  เช่น ค่าอิมพีแดนซ์ , ประเภทของสายนำสัญญาณและการสูญเสียภายในสาย เป็นต้น ค่าตัวแปรต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการส่งถ่ายกำลังภายในสายนำสัญญาณทั้งสิ้น โดยสามารถวัดได้จากเครื่องมือวัดที่เกี่ยวข้อง เช่น RF. Power Analyst ซึ่งค่าที่วัดได้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ผลต่อไป

หน่วยที่ 3

สายอากาศ (ANTENNA)

สาระสำคัญ

โครงสร้างของสายอากาศ มีผลต่อลักษณะการกระจายคลื่น ตามรูปแบบของโครงสร้างสายอากาศแบบต่าง ๆ และการจัดระบบสายอากาศที่ดีจึงเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่จะต้องพิจารณาคำนึงถึง

      การทดสอบสายอากาศทำได้หลายวิธี เบื้องต้นเนื้อหาใช้เครื่องวัด VNA (Vector Network Analyzer) ทำการวัดค่าอิมพีแดนซ์ 

หน่วยที่ 4 

การออกแบบและสร้างชุดสายอากาศ

การออกแบบและสร้างชุดสายอากาศ แบ่งออกเป็น 4 ข้อหัว ดังนี้

 4.1 โครงสร้างของสายอากาศฮาฟเวฟไดโพล (Half-wave dipole Antenna)

 4.2 การออกแบบและสร้างชุดสายอากาศแบบฮาฟเวฟไดโพล

 4.3 โครงสร้างของสายอากาศแบบเซอร์คูล่า (Circular Antenna)

 4.4 ขั้นตอนการออกแบบสายอากาศแบบเซอร์คูล่า

หน่วยที่ 5

การวัดและทดสอบกำลังส่งคลื่นวิทยุ

สาระสำคัญ

   การวัดและทดสอบกำลังส่งคลื่นวิทยุ ด้วย RF วัตต์มิเตอร์ทดสอบโมดูล FM Exciter เป็นบอร์ดสำเร็จรูป อาศัยหลักการของการผสมคลื่นแบบ FM โดยมีคุณสมบัติทั่วไป ได้แก่ สามารถเลือกใช้ความถี่ได้ในช่วง 87 - 108 MHz และมีกำลังขยายอยู่ที่ 0 - 5 W เพื่อใช้ในการขับกำลังการขยายของภาคขยายกำลังความถี่สูง

หน่วยที่ 6

การวัดและทดสอบประสิทธิภาพการส่งถ่ายกำลังคลื่นวิทยุ

สาระสำคัญ

กำลังส่งจากวงจรเครื่องส่งวิทยุ ภาคการขยายกำลัง แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 วงจรขยายความถี่สูงหรือภาคขับกำลังของเครื่องส่งวิทยุ และส่วนที่ 2 วงจรขยายกำลังความถี่สูง หรือภาคขยายกำลัง ทั้ง 2 ส่วนจะทำงานร่วมกัน*โดยภาคขับกำลังจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดการโอเวอร์ไดร์ฟ

การทดสอบประสิทธิภาพการส่งถ่ายกำลังคลื่นวิทยุด้วยชุดสายส่งและสายอากาศ สามารถวัดกำลังถี่สูงได้ด้วยการใช้เครื่องมือวัดที่เกี่ยวข้องกับ RF. Power เช่น SWR & Power meter

หน่วยที่ 7

เทคนิคการแมตชิงสายอากาศ

สาระสำคัญ

   หลักการแมตชิงอิมพีแดนซ์ (impedance matching) เป็นการออกแบบจับคู่อิมพีแดนซ์ให้เท่ากันหรือสมดุลกัน เพื่อการส่งถ่ายกำลังที่ดี หรือ ZS=ZL โดยทำให้ค่าอิมพีแดนซ์ของแหล่งจ่ายไฟ (ZS) และอิมพีแดนซ์ของโหลด (ZL) เท่ากัน

   การใช้งาน VNA เพื่อทำการตรวจวัดในการเก็บข้อมูล และวิเคราะห์ผลของระบบสายส่งและสายอากาศได้ดี

หน่วยที่ 8

การติดตั้งและทดสอบชุดรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคม 6 C-band

สาระสำคัญ

หน่วยที่ 9

การติดตั้งและทดสอบชุดรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมย่านความถี่ Ku-Band

การทดลองชุดรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคม 8 ย่านความถี่ Ku-Band 

หน่วยที่ 10

การติดตั้งและทดสอบชุดกระจายสัญญาณ FIBER OPTIC

สาระสำคัญ

การกระจายสัญญาณระบบเคเบิลทีวีภายในอาคารด้วย Fiber optic ซึ่งเป็นโครงข่ายสายสื่อสารใยแก้วนำแสง โดยใช้ Optic Fiber Cable ซึ่งสามารถรับส่งสัญญาณได้ดีเป็นระยะทางไกล

ปัจจุบันระบบเคเบิลใช้เทคโนโลยีโครงข่ายสายสื่อสารใยแก้วนำแสงจำนวนมาก อุปกรณ์ประกอบไปด้วยชุดส่งและชุดรับแสง ดังนั้นความแรงของสัญญาณเอาต์พุตจำเป็นต้องมีอัตราการขยายที่เหมาะสมต่อการกระจายสัญญาณ

แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เรียนต่อรูปแบบการจัดเรียนรู้กลุ่ม วิชาสายส่งและสายอากาศ