จากกระแสนิยมของเก่าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งกล้องฟิล์ม กล้องดิจิทัลคอมแพค ตู้สติกเกอร์ โทรศัพท์ฝาพับ ไปจนถึงการแต่งกายที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอแต่คนใส่เสื้อครอปตัวจิ๋วและกางเกงเอวต่ำจากแฟชั่น Y2K ที่กลับมาฮิตกันอีกครั้ง POPniverse จึงไปสืบเสาะมาว่าเพราะอะไรกระแสนี้ถึงกลับมา พร้อมตัวอย่างสุดปังจากเหล่าไอดอล K-Pop มาให้ทุกคนได้อ่านกัน
เริ่มกันที่การเดบิวต์ของวง NewJeans หรือที่เรียกกันว่าเป็น “ตัวลูก Y2K” เพราะพวกเธอได้ใช้กระแส Y2K ที่เริ่มกลับมาเป็นที่นิยมตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมาเป็นฐาน พร้อมกับการวางแผนการตลาดอย่างแยบยลของค่าย ADOR ต้นสังกัดที่ใช้กลยุทธ์ Nostalgia Marketing ตอกย้ำให้ผู้คนนึกถึงอดีตพร้อมทั้งให้ความบันเทิงไปในเวลาเดียวกัน สาว ๆ จึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและถูกที่ถูกเวลาด้วยคอนเซ็ปต์ Y2K
แฟชั่นในยุค 90s-2000s ถูกพวกเธอนำมาใช้เป็นทั้งคอนเซ็ปต์อัลบั้มและชุดสำหรับขึ้นเวที หรือแม้กระทั่งพร็อพต่าง ๆ ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่น กล้องถ่ายวิดีโอรุ่นเก่า โทรศัพท์ฝาพับ และสไตล์การแต่งตัว เริ่มต้นจากเพลง Attention ที่แสดงความสดใสและบริสุทธิ์ของเด็กสาวซึ่งมักจะมีให้เห็นในแฟชั่นยุค Y2K ผ่านโทนสีของมิวสิกวิดีโอที่มีความฟุ้ง ๆ เบลอ ๆ และเนื้อเพลงในท่อนฮุคที่ใช้คำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ที่มักจะได้ยินกันในเพลงป๊อปยุคนั้น จึงทำให้ฟังแล้วติดหูได้ง่าย
ต่อด้วยเพลงที่ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามกับ Hype Boy ที่ดำเนินเรื่องผ่านมิวสิกวิดีโอถึง 4 เวอร์ชั่น โดยหยิบยกเรื่องความรักที่มักจะถูกนำมาเริ่มเรื่องของภาพยนตร์หรือซีรีส์สมัยก่อนเพราะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายมาเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างเมมเบอร์แต่ละคนกับผู้ชม
Ditto เพลงต่อมาของ NewJeans ยังคงคอนเซปต์ Y2K และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว มีทำนองฟังง่ายและติดหู อีกทั้งมิวสิกวิดีโอยังใช้วิดีโอที่นักแสดงรับเชิญอย่าง พัค จีฮู ถ่ายเองมานำเสนอ ซึ่งตรงกับกระแสนิยมของวัยรุ่นในปัจจุบันที่เมื่อเข้าแอปพลิเคชัน TikTok ไปก็มักจะเห็นคลิปแนว POV (Point of View) ซึ่งแสดงถึงมุมมองของบุคคลผ่านกล้องถ่ายวิดีโอรุ่นเก่า นอกจากนี้ยังใช้ลูกเล่นจากการผสมผสานขนาดจอภาพ (Aspect Ratio) หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ Widescreen video standard (16:9) ที่มักใช้ในทีวีสมัยใหม่ จอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอโทรศัพท์ในปัจจุบัน แบบ Widescreen (2.39:1) และแบบที่นิยมใช้ในภาพยนตร์สมัยก่อนและทีวีหลังเต่า (4:3) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวผ่านการเปรียบเทียบระหว่างอดีตกับปัจจุบันตัดสลับกันไปมา มิวสิกวิดีโอจึงสามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่อาจเกิดไม่ทันยุคทีวีแบบเก่าและเอาใจคนรุ่นเก่าที่โตมาพร้อมวิดีโอเทปได้อีกด้วย
ต่อเนื่องไปยังเพลงใหม่ล่าสุดของสาว ๆ ในเพลง OMG ที่ไม่ทิ้งสไตล์การแต่งตัวแบบ Y2K ทั้งเสื้อครอปตัวเล็กและกางเกงยีนส์ทรงคาร์โก้เอวต่ำ รวมถึงการใช้พร็อพอย่างกระเป๋าเป้สะพายหลังที่เหล่าไอดอลยุค 90s มักใช้ประกอบในการแสดงสดบนเวทีอยู่บ่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงการคงคอนเซ็ปต์ Y2K แต่พัฒนาเรื่องราวให้ผู้ชมได้ชมภาพลักษณ์ใหม่พร้อมทั้งนำไอเทมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สื่อถึงยุคสมัยนั้น ๆ มาเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้คนที่ได้ฟังเพลงหรือชมมิวสิกวิดีโอสามารถเข้าใจในคอนเซ็ปต์ของวงได้อย่างชัดเจน
บุกตลาดสินค้าและคอนเทนต์แบบ Y2K Y2JAI ตามสไตล์ทีเร้ก
หนุ่ม ๆ รุ่นพี่ TOMORROW X TOGETHER ก็ไม่น้อยหน้า นำเอา Y2K มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของคอนเทนต์ครบรอบเดบิวต์ในปีนี้อย่าง [2023 DREAM WEEK] ‘2022.txt’ ซึ่งเป็นคอนเทนต์พิเศษที่หนุ่ม ๆ จะทำขึ้นเพื่อฉลองการเดบิวต์เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
คอนเทนต์ [2023 DREAM WEEK] TXT (투모로우바이투게더) ‘2022.txt’ ได้นำเสนอความเป็น Y2K จากการใช้พร็อพอย่างผ้าโพกหัว เสื้อคลุมสีเงิน ซึ่งเป็นพร็อพยอดนิยมของวัยรุ่นยุคมิลเลนเนียม รวมถึงการใช้รูปแบบนิตยสารของยุคก่อนมาเป็นโปสเตอร์โปรโมตเพื่อเพิ่มความเป็น Y2K และสร้างความเชื่อมโยงกับคอนเทนต์ประจำปีของพวกเขา ที่มักจะมาพร้อมคอนเทนต์พิเศษที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีคลิปพิเศษของเพลง Happy Fools ที่นำคอนเซ็ปต์ Y2K มาใช้ผ่านการแต่งกายสีสันสดใสอย่างสีเหลือง สีแดง และสีเขียว รวมถึงเสื้อคลุมยีนส์และเสื้อเบสบอลที่เป็นที่นิยมในสมัยก่อน ยิ่งไปกว่านั้น หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าวิดีโอจะมีความฟุ้ง ๆ และมีคลิปจากกล้องแฮนดี้แคมรุ่นเก่าเสริมอยู่เป็นช่วงให้เข้ากับธีมหลักมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากคอนเทนต์พิเศษแล้ว หนุ่ม ๆ ก็ได้ออกสินค้า (merch) ในธีมเดียวกันคือ ‘2023 DREAM WEEK KIT’ ที่มีทั้งพวงกุญแจ ปากกา สมุดโน้ต อะคริลิกโฟโต้ และเฟรมการ์ด เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องอุปกรณ์ที่วัยรุ่นยุค 90s-2000s ต้องใช้ เนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีไอแพดเป็นตัวช่วยในการเรียน
ประกอบสร้างความฝันชวนคิดถึงอดีตไปกับ NCT DREAM
เมื่อพูดถึงการหวนคืนสู่อดีต จะไม่พูดถึงหนุ่ม ๆ NCT DREAM หรือน้องดรีมของเอนซิทีเซนชาวไทยก็คงไม่ได้ เพราะพวกเขาที่ได้หยิบยกการแต่งกายในยุค 90s มานำเสนอในอัลบั้ม Beatbox ที่ใช้แนวเพลงสไตล์ Old School Hip-Hop แถมรูปภาพที่ใช้ในการโปรโมทก็ได้นำกลิ่นอายของยุค 90s โดยใช้ฟิลเตอร์ที่ทำให้รูปออกมาฟุ้ง ๆ เบลอ ๆ รวมถึงการใช้พร็อพเข้ามาเสริม เช่น วิทยุขนาดใหญ่ หูฟังแบบครอบหู และหมวกบักเก็ต ก็ช่วยให้ภาพดูเหมือนหลุดออกมาจากยุค 90s อย่างไรอย่างนั้น นอกจากนั้นในช่วงการโปรโมทเพลงนี้ พวกเขาก็ได้ใช้แอปพลิเคชัน TikTok ทำคอนเทนต์เชิงบอกใบ้หรือสปอยล์เพลงใหม่ที่ยังไม่ได้ปล่อยอย่างเป็นทางการ เป็นการเอาใจเหล่าเจนฯ Z ที่ท่องอยู่ในโลก TikTok สุด ๆ ซึ่งการทำคอนเทนต์ในลักษณะนี้ก็เหมือนเป็นการนำเอาความนิยมของแต่ละยุคมาประยุกต์เข้าด้วยกันให้เหมาะสมกับทั้งตัวกลุ่มเป้าหมายและเทรนด์ที่กำลังมาแรงด้วยเช่นกัน
ไอดอลกับแฟชั่นที่ไม่มีเพศ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดสำหรับตัวพ่อของวงการ K-Pop อย่างหนุ่ม KAI วง EXO ที่มีผลงานโดดเด่นหลากหลายด้านโดยเฉพาะด้านแฟชั่น ก็ได้นำเทรนด์การใส่เสื้อครอปมาสู่เหล่าไอดอลชายอีกหลายวง ทั้งในมิวสิกวิดีโอและสเตจตั้งแต่เพลงของวง EXO อย่าง Tempo และ Obsession ไปจนถึงเพลงเดี่ยวของตัวเองอย่าง Mmmh กระทั่งเพลงล่าสุด Rover ก็ไม่พลาดที่จะนำเอาเสื้อครอปสไตล์ Y2K ตัวจิ๋วมาใส่อีกครั้ง นับว่าเป็นการฉีกกฎของการเลือกเพศให้เสื้อผ้าอย่างแท้จริงและยังได้สร้างพื้นที่ให้ผู้ชายเกาหลีสามารถใส่เสื้อครอปได้อย่างเฉิดฉายไม่แพ้สาว ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะในอดีตผู้ชายก็ใส่เสื้อครอปกันอย่างปกติทั่วไป แต่ต่อมาเมื่อ Prince ศิลปินชื่อดังใส่ครอปท็อปขึ้นแสดง จนกลุ่ม LGBTQ+ ในตะวันตกนิยมใส่ตาม ทำให้ถูกมองว่าใครใส่เสื้อครอปก็จะไม่ใช่ชายแท้ เทรนด์การใส่เสื้อครอปของผู้ชายจึงค่อย ๆ ซาลงและหายไป เพราะเหตุนี้การกลับมาของเสื้อครอปในฝั่งผู้ชายจึงสิ่งที่น่าติดตามของวงการ K-Pop
นอกจากไอเทมที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นแล้ว ในยุค Y2K ยังมีเทรนด์แฟชั่นล้ำยุคเกิดขึ้นอีกมาก สำหรับวงการ K-Pop เองก็ยังคงผลิตผลงานที่มีความ Y2K ออกมาเรื่อย ๆ เช่น การใช้สีเงินมาแมทช์กับเสื้อผ้า การนำแว่นสกีมาเป็นพร็อพเมื่อขึ้นแสดง เครื่องประดับอย่างหมวก Fur hats ในเพลง ‘Antifragile’ ของวง LE SSERAFIM, หรือสไตล์การแต่งตัวของสาว ๆ NMIXX ในเพลง ‘Love Me Like This’ รวมถึงการใช้แนวเพลงแบบ EDM มาผสมผสานกับแนวป๊อปให้เกิดสีสันในเพลงมากขึ้น รวมไปถึงฮุคซองหรือการเน้นให้เนื้อร้องในท่อนฮุคมีความติดหู ฟังง่าย ก็เป็นเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้เมื่อพูดถึงวงการป๊อปเกาหลี
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ‘ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วแค่ไหน แฟชั่นก็มักจะวนกลับมาอยู่ดี’ เช่นเดียวกับกระแส Y2Kที่สะท้อนการหวนคืนสู่อดีตชวนคิดถึง งานวิจัยของอเมริกาเมื่อปี 2013 ที่ศึกษาเรื่องการทำการตลาดแบบ Nostalgia และปี 2020 ที่กล่าวถึงผลกระทบจากโควิด-19 ต่อวงการบันเทิง พบว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนทั้งโลกหยุดชะงักและต้องกลับมาใช้เวลากลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ในตอนนั้นจึงต้องการเข้าถึงคอนเทนต์ที่สร้างความสบายใจและปลอบประโลมตัวเอง เทรนด์ Y2K จึงถูกนำกลับมาใช้เพื่อให้เกิดความรู้สึกโหยหาอดีตที่คิดถึงและช่วยปลอบประโลมผู้คน แฟชั่นในดวงใจของใครหลาย ๆ คนในยุค 90s-2000s อย่างสไตล์ Y2K จึงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
แต่วงการ K-Pop ไม่ใช่แค่ย้อนอดีต แต่พุ่งไปยังอนาคตด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำ ๆ อย่างการใช้ AI เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างไอดอล เช่น วง aespa ที่มีทั้งร่างจริงและร่าง AI ของเมมเบอร์ หรือวง MAVE ที่เป็น AI ทั้งหมด และน้องใหม่มาแรงวง PLAVE ที่ไม่ใช่ AI แต่เป็นไอดอลเสมือนจริง (Virtual idol group) ซึ่งมีต้นแบบมาจาก Vtuber ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าปีนี้คอนเซ็ปต์ Y2K จะยังอยู่ในวงการ K-Pop ต่อไปหรือเริ่มต้นใหม่กับเทคโนโลยีสุดล้ำหน้า