วัดหลวงพิสัยเจติยาราม
บ้านวัดหลวง หมู่ 2 ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
วัดหลวงพิสัยเจติยาราม
บ้านวัดหลวง หมู่ 2 ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
วัดหลวงพิสัยเจติยาราม ตั้งอยู่ หมู่ที่ 2 ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย วัดหลวงพิสัยเจติยารามมีหลวงพ่อพระสุกองค์จำลอง และหลวงพ่อศรีบุญเรืองประดิษฐ์สถานอยู่
หลวงพ่อพระสุก เป็นหนึ่งในพระพุทธรูป 3 องค์ ที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ อันประกอบด้วย พระสุก พระเสริม และพระใส ซึ่งสองพระองค์หลังสามารถข้ามแม่น้ำโขงมายังฝั่งไทยได้อย่างปลอดภัย ยกเว้นพระสุกเพียงพระองค์เดียวที่เกิดเหตุอัสจรรย์ถึงสองครั้งก่อนจมลงใต้ลำน้ำโขง จนปัจจุบันก็ยังไม่สามารถอัญเชิญขึ้นมาได้ แม้ว่าจะพยายามอยู่หลายครั้งก็ตาม (เชื่อว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของพญานาค) ทำให้ต้องสร้างองค์จำลองขึ้นมาทดแทน เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา
ในปี พ.ศ. 2535 พระครูพิสัยกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดหลวง และเจ้าคณะอำเภอโพนพิสัย พร้อมด้วยญาติโยม ได้ร่วมกันก่อสร้างเจดีย์ขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระสุก ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2536 จากนั้นจึงได้ประกอบพิธีหล่อพระพุทธรูปองค์หลวงพ่อพระสุกขึ้นและอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนเจดีย์
แต่หลังจากที่ประดิษฐานหลวงพ่อได้ไม่นาน อยู่ๆ ก็มีน้ำหยดลงมาจากฝ้าเพดานทุกวัน เจ้าอาวาสวัดจึงได้ให้ช่างขึ้นไปสำรวจดูยอดเจดีย์ว่ามีรอยรั่วหรือมีน้ำขังอยู่หรือไม่ เพราะเกรงว่าจะทำให้ยอดเจดีย์ทรุดและทำให้พื้นเจดีย์เสียหาย แต่ก็ไม่พบว่ามีน้ำขังและไม่มีรอยรั่วใดๆ สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ช่างหลายคนพยายามช่วยกันแก้ไข แต่ทำอย่างไรก็ไม่หาย ไม่มีใครทราบว่าน้ำมาจากไหน ทางวัดจึงแก้ปัญหาโดยนำถังและภาชนะมารองน้ำไว้ทุกวัน
จนกระทั่งได้มีการพาร่างทรงมาประทับทรง โดยร่างทรงกล่าวว่า “เหตุที่มีน้ำเนื่องจากมีพญานาคตนหนึ่งนำน้ำมาหล่อเลี้ยง และปกปักษ์รักษาองค์พระพุทธรูปอยู่ ไม่ให้เกิดเหตุเภทภัยขึ้น” เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ทั้งชาวไทยและชาวลาวต่างเดินทางมาชมและตักน้ำที่หยดกลับไปบ้านเพื่อไปบูชา โดยมีชาวบ้านหลายคนเล่าหลังจากนำน้ำกลับไปว่า ได้เอาไปผสมน้ำอาบหรือไปลูบไล้ตามเนื้อตัว สามารถทำให้หายปวดเหมื่อยได้ หรือหากปวดหัว ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อ ก็ให้นำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาหยดตรงนั้นก็จะหายเช่นกัน จึงทำให้เชื่อกันว่าน้ำสามารถรักาโรคได้ บางคนก็มาบนบานขอพร ส่วนใหญ่จะขอให้หายเจ็บป่วย ทุกวันนี้มีชาวบ้านจากที่ต่างๆ พากันหลั่งไหลมากราบไหว้หลวงพ่อพระสุกและชมปรากฏการณ์น้ำหยดจากยอดเจดีย์มากขึ้น พร้อมทั้งไม่ลืมที่จะตักน้ำกลับไปบ้านด้วย
เหตุที่พระสุกจมน้ำ
ย้อนไปในรัชสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ช่วงปี พ.ศ. 2093 – 2115 แห่งอาณาจักรล้านช้างศรีสัตนาคนหุต ทรงมีพระราชธิดา 3 พระองค์ พระนามว่า เสริม สุก และใส ในปี พ.ศ. 2019 (อ้างจากการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว) พระธิดาทั้ง 3 พระองค์ได้ทรงร่วมกันสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้น 3 องค์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและเพื่อความเป้นสิริมงคล พระเสริม เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์พี่ พระสุก เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์กลาง และ พระใส เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์สุดท้อง ซึ่งทั้ง 3 องค์ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทร์
ในรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์เป็นกบฏ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ เมื่อเมืองเวียงจันทร์สงบดีแล้วจึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น (ในขณะนั้น) ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ พายุพัดแรงจัด ทำให้แพเอนเอียงจนไม่สามารถรับน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ แท่นของพระสุกจึงได้แหกแพจมลงในน้ำ ที่ตรงนั้นจึงได้เรียกว่า “เวินแท่น” มาจนปัจจุบัน
การล่องแพก็ยังสามารถล่องมาได้ตามลำดับ จนถึง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ก็ได้เกิดพายุใหญ่ขึ้นอีก เสียงฟ้าคะนองร้องลั่นไปทั่ว ในที่สุดพระสุกก็แหกแพจมลงใต้ลำโขง จากนั้นเหตุการณ์วิปริตต่าง ๆ ก็ได้หายไปในทันที บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” (จนบัดนี้พระสุกก็ยังคงจมอยู่ตรงนั้น) คงเหลือแต่พระเสริมกับพระใสเท่านั้นที่ขึ้นฝั่งมาถึงเมืองหนองคายได้อย่างปลอดภัย
บ้านต้นจาน Cafe & Farmstay - โพนพิสัย หนองคาย
บ้านปากสวย หมู่ 4 ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
ที่ตั้ง บ้านต้นจาน Farmstay ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 400 หมู่ 4 ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
บ้านต้นจาน Farmstay ออกแบบมาในธีม ฟาร์มเกษตร สวนผสม และที่พักที่ผสมผสานกับธรรมชาติทั้งพืชผักสวนครัว เลี้ยงวัวริมทุ่ง พายเรือเล่นในบึง เป็นทั้งที่พักที่ให้บริการห้องพักสไตล์ชาวบ้านมีวิวทุ่งนาให้ได้ชมจากบนเตียงเลยก็ว่าได้ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในห้องพักอย่างครบครัน ในแบบที่สามารถนอนหลับได้เต็มตื่น พร้อมตื่นมาสดชื่นกับธรรมชาติได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการร้านกาแฟ วิวทุ่งนา ที่เราสามารถสั่งเครื่องดื่มแล้วไปหามุมสวยๆ นั่งทอดอารมณ์ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวธรรมชาติได้อีกหลายมุมด้วย
หากต้องการถ่ายภาพในมุมสวยๆ ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สะพานไม้กลางทุ่งนา ที่ช่วงนี้ทุ่งนากำลังเขียวขจีสวยงามเลย หรือจะเป็นชิงช้ารังนกสไตล์บาหลีที่กำลังฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว หรือจะรอช่วงเย็นๆ แสงแดดอ่อนๆ พระอาทิตย์ตกเหนือหนองน้ำของที่พัก ก็เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศสุดฟินที่ต้องห้ามพลาด
โดยรวมแล้วที่นี่ถือได้ว่าเป็นทั้งที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของหนองคายในตอนนี้เลย หากมีโอกาสลองไปเยี่ยมชมกันดูครับไม่ผิดหวังแน่นอน