ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป (กระทรวงศึกษาธิการ.  2551 : 1)  

         การอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเสาะแสวงหาความรู้ การรู้และการใช้วิธีอ่านที่ถูกต้อง

จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้อ่านทุกคน การรู้จักฝึกฝนอ่านอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้อ่านมีพื้นฐานในการอ่านที่ดี ทั้งจะช่วยให้เกิดความชำนาญและมีความรู้กว้างขวางขึ้นด้วย ดังนั้น  การที่นักเรียนจะเป็นผู้อ่านที่ดีขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ครูเป็นผู้จัดเตรียมให้ อีกทั้งยังต้องผสมผสานกับความสนใจของผู้อ่านเพื่อเป็นแรงจูงใจที่ช่วยให้นักเรียนได้อ่านอย่างสม่ำเสมอ  (วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์.  2547 : 88)  การอ่านเป็นกระบวนการซึ่งผู้อ่านสร้างความหมายหรือพัฒนา การตีความระหว่างการอ่านผู้อ่านจะต้องรู้หัวข้อเรื่อง รู้จุดประสงค์ของการอ่าน มีความรู้ทางภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาที่ใช้ในหนังสือที่อ่านโดยใช้ประสบการณ์เดิมเป็นประสบการณ์ทำความเข้าใจกับเรื่องที่อ่าน 

ผู้ศึกษาค้นคว้าได้ศึกษาความสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ความสำคัญของการอ่านคิดวิเคราะห์ ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง (PISA)  สภาพปัญหาของการจัดการเรียนรู้ และรูปแบบวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบใช้แบบฝึกทักษะและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงได้ดำเนินการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง (PISA)  กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

                 ผู้ศึกษาค้นคว้าดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์  ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง (PISA) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  ภาคเรียนที่  2  ปีการศึกษา  2567  โดยการจัดการเรียนรู้  16  ชั่วโมง  รวมการทดสอบก่อนเรียนและการทดสอบ หลังเรียน ตามขั้นตอนดังนี้

1.   รูปแบบการศึกษาค้นคว้า

     การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ผู้ศึกษาค้นคว้าใช้กระบวนการวิจัยแบบ Pre-test Post-test Design   

2. ระยะเวลาในการทดลอง

     การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ผู้ศึกษาค้นคว้าได้ดำเนินการทดลองในภาคเรียนที่  2  ปีการศึกษา  2567

3. วิธีดำเนินการทดลอง

ผู้ศึกษาค้นคว้านำแผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์           

ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง  (PISA)  กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบวัดความพึงพอใจที่ผู้ศึกษาค้นคว้าได้สร้างขึ้น ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเขวาไร่ศึกษา  ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568  จำนวน 35 คน โดยมีขั้นตอนต่อไปนี้

                   3.1  ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยก่อนเรียน (Pre–test)

ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  เรื่อง  การอ่านคิดวิเคราะห์  ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง  (PISA)  กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าขึ้น จำนวน  24  ข้อ

                   3.2  ดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ  การอ่านคิดวิเคราะห์ ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง  (PISA)  กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  จำนวน   7  เล่ม  ใช้เวลาในสอนเล่มละ  2  ชั่วโมง  เมื่อดำเนินการสอนจะทำการเก็บคะแนนจากแบบทดสอบย่อยในแต่ละเล่ม  และบันทึกคะแนนจนครบทุกเล่ม

                   3.3  เมื่อดำเนินการสอนครบทั้ง  7  เล่ม  แล้ว จะทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post–test)  โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชุดเดียวกับที่ใช้ทดสอบก่อนเรียน ตรวจให้คะแนนและเก็บบันทึกไว้

   3.4  วัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิด

วิเคราะห์ ตามแนวทางการอ่านรู้เรื่อง (PISA)  กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  จำนวน  15  ข้อ  ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้น และเก็บคะแนนผลการวัดไว้

       3.5  นำข้อมูลที่ได้จากการทดลองกับนักเรียน ไปวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อสรุปผล

การทดลองตามความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าต่อไป

แผนภูมิแสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ท23102

ภาคเรียนที่ 2/2567

รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ท23102 ภาคเรียนที่ 2/2567 มีจำนวนผู้เรียน 169 คน มีค่าเฉลี่ยผลการเรียนตั้งแต่ 3.0 ขึ้นไป 

ร้อยละ 75.15