รายงานการใช้สื่อ นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 2/2567
รายงานการใช้สื่อ นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 2/2567
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการ PBL 5STEPs
แสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของครูวิทยฐานะชำนาญการ คือ การแก้ปัญหา
ปัญหา / ที่มา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาการออกแบบเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีหน่วยการเรียนรู้โครงงานกับการแก้ปัญหา โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาโครงงานโดยผ่านกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเพื่อให้สามารถนำไปแก้ปัญหาที่ตนเองสนใจ ใช้ความรู้และทักษะ รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งในปีการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ผู้เรียนยังขาดทักษะและกระบวนการในเรื่องการออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากแนวทางวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบปกติยังไม่กระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน มีเนื้อหาทางวิชาการเน้นบรรยาย แล้วลงมือปฏิบัติทีหลัง ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
จากความเป็นมา สภาพปัญหาและความสำคัญดังกล่าวข้างต้น จึงได้ปรับวิธีการสอนเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการ PBL 5STEPs มาช่วยในการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาความรู้ การใช้กระบวนการคิดและทักษะในการแก้ปัญหา เกิดความเข้าใจในเนื้อหาซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น เป็นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ Active Learning ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80
วิธีดำเนินการ
กำหนดจุดประสงค์ และเป้าหมายการเรียนรู้
ศึกษาเอกสาร ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
วิเคราะห์ปัจจัยในการจัดการเรียนรู้
ออกแบบแบบสื่อ นวัตกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้
จัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
ประเมินผลการใช้มาวิเคราะห์ สรุปผลการใช้สื่อ นวัตกรรมการเรียนการสอน
สื่อ / นวัตกรรม
สื่อการสอน บทเรียนออนไลน์ เรื่อง การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา Google Sites ห้องเรียนออนไลน์ครูฝ้าย นักเรียนสามารถเข้าชั้นเรียนเพื่อทำกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น ศึกษาเนื้อหา ใบกิจกรรม ใบงาน รวมไปถึงการวัดผลและประเมินผล
ผลการใช้นวัตกรรม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนนาน้อย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 32 คน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
จากตาราง 1 การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนผ่านเกณฑ์เมื่อเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 85.47
สรุปและอภิปรายผล
จากผลการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการ PBL 5STEPs พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าก่อนเรียน นักเรียนมีความตั้งใจและกระตือรือร้นในการทำงาน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการจัดการเรียนการสอนได้นำสื่อการเรียนที่มีลำดับขั้นตอนในการออกแบบและพัฒนาการปฏิบัติจริงนอกเหนือจากการฝึกปฏิบัติในห้องเรียน นักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างเพื่อนในห้องเรียนรู้จักเรียนรู้และรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นและได้ทำกิจกรรมอย่างมีความสุข
ภาพการใช้สื่อ/นวัตกรรม และผลงานนักเรียน
รายงานการใช้สื่อ นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 1/2568
การพัฒนาการจัดการเรียนการสอน รายวิชา วิทยาการคํานวณ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เรื่อง วิทยาการข้อมูล โดยใช้การสอนแบบ Active Learning
แสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของครูวิทยฐานะชำนาญการ คือ การแก้ปัญหา
ปัญหา / ที่มา
จากการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาการคำนวณสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่านักเรียนจำนวนมากยังขาดความเข้าใจในเรื่องวิทยาการข้อมูล มีพฤติกรรมการเรียนรู้แบบพึ่งพาผู้สอน และไม่กล้าลงมือปฏิบัติ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ สาเหตุหลักมาจากรูปแบบการสอนที่เน้นการบรรยาย ขาดกิจกรรมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการลงมือปฏิบัติจริง
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลขึ้น เพื่อเปลี่ยนบทบาทผู้เรียนให้เป็นผู้ลงมือปฏิบัติผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การใช้สื่อดิจิทัล และการสร้างผลงานด้วยตนเอง ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง วิทยาการข้อมูล รายวิชาวิทยาการคำนวณ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80
วิธีดำเนินการ
กำหนดจุดประสงค์ และเป้าหมายการเรียนรู้
ศึกษาเอกสาร ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
วิเคราะห์ปัจจัยในการจัดการเรียนรู้
ออกแบบแบบสื่ออินเตอร์แอคทีฟ นวัตกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้
จัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
ประเมินผลการใช้มาวิเคราะห์ สรุปผลการใช้สื่อ นวัตกรรมการเรียนการสอน
สื่อ / นวัตกรรม
สื่อการสอน บทเรียนออนไลน์ เรื่อง วิทยาการข้อมูล Google Sites ห้องเรียนออนไลน์ครูฝ้าย นักเรียนสามารถเข้าชั้นเรียนเพื่อทำกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น ศึกษาเนื้อหา ใบกิจกรรม ใบงาน รวมไปถึงการวัดผลและประเมินผล
สื่ออินเตอร์แอคทีฟ เรื่อง การผจญภัยแห่งวิทยาการข้อมูล
นักเรียนสามารถทำกิจกรรมในรูปแบบเกมออนไลน์
ผลการใช้นวัตกรรม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนนาน้อย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 34 คน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
จากตาราง 1 การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนผ่านเกณฑ์เมื่อเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 85.29
สรุปและอภิปรายผล
จากผลการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนอินเตอร์แอคทีฟ แบบ Active Learning ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์เชิงปริมาณแสดงให้เห็นว่าหลังการเรียนการสอน มีนักเรียนจำนวน 29 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 85.29 ที่มีผลสัมฤทธิ์ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนจาก 14.50 คะแนนก่อนเรียน เป็น 17.29 คะแนนหลังเรียน ไม่เพียงแต่คะแนนที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนยังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวก โดยพบว่านักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และกล้าซักถามข้อสงสัยมากกว่าเดิม
ความสำเร็จดังกล่าวสามารถอภิปรายได้ว่าเกิดจากการที่รูปแบบการสอนนี้ได้เปลี่ยนบทบาทของผู้เรียนจาก "ผู้รับฟัง" มาเป็น "ผู้ลงมือปฏิบัติ" อย่างแท้จริง การที่นักเรียนได้สร้างสรรค์ผลงานด้านการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ (Data Visualization) ด้วยตนเอง ทำให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาอย่างลึกซึ้งและจดจำได้นานกว่าการฟังบรรยาย กระบวนการนี้ยังกระตุ้นให้นักเรียนต้องเผชิญกับปัญหาจริงในการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูล ซึ่งส่งเสริมให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาโดยตรง ดังนั้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงยืนยันได้ว่า การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำนั้นช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างยั่งยืน และสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพการใช้สื่อ/นวัตกรรม และผลงานนักเรียน