อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์

แม้ตัวตายแต่เรื่องราวความหาญกล้าและยึดถือความถูกต้องของพันท้ายนรสิงห์ยังคงเป็นที่เล่าขานและจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วยวีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นพันท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชยของสมัยพระเจ้าเสือได้นำทางเสด็จประพาสปากน้ำสาคร เมื่อไปถึงอำเภอโคกขามซึ่งเป็นคลองที่มีความคดเคี้ยวมากเรือพระที่นั่งได้เกิดประสบอุบัติเหตุหัวเรือกระแทกกิ่งไม้หักพันท้ายนรสิงห์จึงขอสมเด็จพระเจ้าเสือรับโทษประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาลเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป พฤติกรรมของพันท้ายนรสิงห์ได้รับการสรรเสริญ ในประวัติศาสตร์ตราบจนทุกวันนี้ จนมีการสร้างอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ขึ้นเพื่อเป็นรำลึกถึงคุณงามความดีและความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และกฎหมายบ้านเมืองโดยมีพิธีเปิดอนุสาวรีย์ในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ซึ่งเป็นวันที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิตและได้จัดพิธีบวงสรวงเป็นประจำทุกปี

อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ อยู่ที่วัดนรสิงห์ หมู่ที่ 2 บ้านตะพุ่น ตำบลนรสิงห์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ซึ่งเป็นชาวบ้านนรสิงห์และเป็นพันท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชยสมัยพระเจ้าเสือ ซึ่งยืนยันขอรับโทษประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาลที่ไม่สามารถบังคับเรือพระที่นั่งได้จนหัวเรือกระแทกกิ่งไม้หักลงเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไปวีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์ได้รับการสรรเสริญในประวัติศาสตร์ตราบจนทุกวันนี้ การเดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข 3501 สายอ่างทอง-ป่าโมก-อยุธยา กิโลเมตรที่ 9-10