Embedded Files
เกษตรกรรมแบบผสมผสาน
เกษตรกรรมแบบผสมผสาน
ในปัจจุบันนี้ การทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืนมีหลายรูปแบบ แตกต่างไปตามพื้นฐานความเหมาะสมกับแต่ละภูมินิเวศ และวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ตัวอย่างรูปแบบเกษตรกรรมแบบยั่งยืนที่สำคัญของตำบลแม่คง เช่น เกษตรผสมผสาน คือ ระบบการเกษตรที่มีการปลูกพืชและหรือมีการเลี้ยงสัตว์หลายชนิด อยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยกิจกรรมการผลิตแต่ละชนิดสามารถเกื้อกูลประโยชน์ต่อกันได้โดยอาจจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในไร่นา เช่น ดิน น้ำ แสงแดด อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด มีการหมุนเวียนแร่ธาตุในไร่นา นั่นคือเป็นการใช้สภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและเกิดผลในการเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติ
นางสาวนฤภัทร ธิวงษ์ หรือ “ตุ้ยนุ้ย” เกษตรกรรุ่นใหม่ เจ้าของฟาร์มเกษตรที่มีชื่อว่า “ตุ้ยนุ้ยฟาร์ม” ที่เปลี่ยนพื้นที่ทำกินสู่พื้นที่เกษตรกรรม ที่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 10 บ้านหนองป่าแขม ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่จำนวน 6 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทฤษฎีใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10
นางสาวนฤภัทร ธิวงษ์ หรือ “ตุ้ยนุ้ย” เกษตรกรรุ่นใหม่ เจ้าของฟาร์มเกษตรที่มีชื่อว่า “ตุ้ยนุ้ยฟาร์ม” ที่เปลี่ยนพื้นที่ทำกินสู่พื้นที่เกษตรกรรม ที่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 10 บ้านหนองป่าแขม ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่จำนวน 6 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทฤษฎีใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10
30% ส่วนแรกสำหรับแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร โดยขุดสระเก็บกักน้ำเพื่อใช้เก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มพูนรายได้ ส่วนที่ 2 แบ่ง 30% สำหรับเพาะปลูกพืชไร่ ไม่ว่าจะเป็นนาข้าว การปลูกไร่อ้อย ข้าวโพด มันเทศ หญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชสมุนไพร เช่น มะพร้าว ฝรั่ง มะเดื่อ มะม่วง กล้วย ฟักทอง กระเจี๊ยบ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันใช้บริโภคและนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ ส่วนที่ 3 แบ่งเป็น 30% โดยจะใช้ทำเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจต่างๆ อีกทั้งยังเลี้ยงสัตว์น้ำที่เลี้ยงในบ่อ ได้แก่ ปลาทับทิมและปลาตะเพียน ซึ่งล้วนเป็นสัตว์กินพืช สามารถสร้างรายได้ได้เช่นกัน ในส่วนสุดท้าย จะมีประมาณ 10% จะถูกแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยให้กับครอบครัว ทำสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้สีสันสวยงาม และยังใช้ทำเป็นถนนหนทางต่างๆ รวมถึงโรงเรือนอื่นๆ
30% ส่วนแรกสำหรับแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร โดยขุดสระเก็บกักน้ำเพื่อใช้เก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มพูนรายได้ ส่วนที่ 2 แบ่ง 30% สำหรับเพาะปลูกพืชไร่ ไม่ว่าจะเป็นนาข้าว การปลูกไร่อ้อย ข้าวโพด มันเทศ หญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชสมุนไพร เช่น มะพร้าว ฝรั่ง มะเดื่อ มะม่วง กล้วย ฟักทอง กระเจี๊ยบ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันใช้บริโภคและนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ ส่วนที่ 3 แบ่งเป็น 30% โดยจะใช้ทำเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจต่างๆ อีกทั้งยังเลี้ยงสัตว์น้ำที่เลี้ยงในบ่อ ได้แก่ ปลาทับทิมและปลาตะเพียน ซึ่งล้วนเป็นสัตว์กินพืช สามารถสร้างรายได้ได้เช่นกัน ในส่วนสุดท้าย จะมีประมาณ 10% จะถูกแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยให้กับครอบครัว ทำสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้สีสันสวยงาม และยังใช้ทำเป็นถนนหนทางต่างๆ รวมถึงโรงเรือนอื่นๆ
ผู้ให้ข้อมูล: นฤภัทร ธิวงษ์
ผู้เขียน: จันทร์จิรา ประเสริฐสังข์
Page updated
Google Sites
Report abuse