1.ด้านการจัดการเรียนรู้
1.ด้านการจัดการเรียนรู้
1.1 การสร้างหรือพัฒนาหลักสูตร
ในการสร้าง/พัฒนาหลักสูตร คณะครูทุกท่านได้ร่วมกันประชุมเพื่อวางแผนในการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา รวมทั้งหลักสูตรแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ พุทธศักราช ๒๕๖๔ ให้มีความสอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ตามขั้นตอน ต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในด้านต่างๆ
ข้าพเจ้าได้ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อให้สามารถกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตในการเรียนการสอน รวมทั้งสิ่งที่คาดหวังให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดประสงค์
1.1) ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของชุมชน
1.2) การวิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
1.3) การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง
ขั้นที่ 2 การร่างหลักสูตร
มีการกำหนดแผนการจัดประสบการณ์ หรือการกำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และทัศนคติตามเป้าหมายกำหนดไว้
2.1) การกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
2.2) การกำหนดเนื้อหาสาระ
2.3) การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมและสื่อต่างๆ
2.4) การกำหนดวิธีและประเมินผลผู้เรียน
ขั้นที่ 3 การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร
เมื่อร่างหลักสูตรเสร็จ มีการตรวจสอบก่อนนำไปใช้ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ ความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอน กิจกรรม สื่อ วิธีการวัดและประเมินผลผู้เรียน ทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยปรึกษาและรับฟังข้อเสนอแนะจาก
• คณะทำงานร่างหลักสูตร
• ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
• ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขั้นที่ 4 การนำหลักสูตรไปใช้
เป็นการนำหลักสูตรไปสู่การสอน ต้องกำหนดวิธีการจัดการเรียนการสอน กำหนดรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละคาบ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ประสานงาน เพื่อให้การสอนเป็นไปตามวัตถุประสงค์มากที่สุด
ซึ่งจากขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อได้ประชุมปรึกษาหารือเพื่อจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาเรียบร้อยแล้ว ผู้สอนได้ร่วมทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ดังนี้
1.2 การออกแบบหน่วยการเรียนรู้
ข้าพเจ้าจัดการศึกษาโดยยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้ พัฒนาตนเองได้ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ข้าพเจ้าได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย รหัสรายวิชา ท 22101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) โดยมีขั้นตอนการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ดังนี้
1) วิเคราะห์สาระ / มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด / ผลการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย
2) ศึกษาและกำหนดสาระการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย
3) จัดทำคำอธิบายรายวิชา
4) กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อหา
5) กำหนดเวลาในการจัดการเรียนรู้ และน้ำหนักคะแนนการวัดและประเมินผล
6) กำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผลของรายวิชาภาษาไทย
1.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้
ข้าพเจ้าได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ( ท 22101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ซึ่งข้าพเจ้าได้ศึกษาอัตราเวลาเรียน จัดทำกำหนดการสอน การเลือกใช้วิธีการสอน กำหนดกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานและสาระการเรียนรู้ เน้นการเรียนรู้แบบปฏิบัติงานร่วมกัน
และยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ การเลือกใช้วิธีสอนที่หลากหลายโดยคำนึงถึงลักษณะของเนื้อหาความแตกต่างระหว่างบุคคล
ใช้สื่อการเรียนการสอน เหมาะสมกับเนื้อหา และเวลา จำนวนสื่อ ที่นำมาใช้เพียงพอกับผู้เรียน วางแผนการจัดทำเครื่องมือวัดผลและประเมินผล โดยศึกษาวิธีการวัดผลประเมินผลให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้
1) ศึกษาวางแผนการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้
- ศึกษาชื่อหน่วย/เวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้
- ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง/สาระการเรียนรู้
- ศึกษาการนำเสนอเนื้อหา (Presentation) /การฝึกปฏิบัติ (Practice)/กระบวนการ
- ศึกษาสื่อ / วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
- ศึกษาการกำหนดชิ้นงาน /ภาระงาน
- ศึกษาและกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
2) การเตรียมการสอน
- เตรียมครู และสื่อ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่กำหนด
- จัดกระบวนการเรียนรู้ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ให้นักเรียนได้
ลงมือปฏิบัติจริงตามบริบท
- เตรียมแบบฝึกทักษะ/ภาระงานหลากหลายรูปแบบให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง
- เตรียมการวัดผลประเมินผลผู้เรียนให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้
ผลจากการเตรียมการสอนทำให้เกิดความพร้อมของครูผู้สอน ผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สื่ออุปกรณ์ประกอบการสอน การวัดผลประเมินผล เป็นไปด้วยดีมีประสิทธิภาพ ผู้เรียน มีความสุข ครูมีความมั่นใจในการจัดกิจกรรม ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
1.3.2 กลยุทธ์ในการจัดการเรียนรู้
ข้าพเจ้าจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) รูปแบบ Active Learning เน้นการลงมือปฏิบัติที่มีความหลากหลาย ใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้ มีการวัดผลและประเมินผลตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียน และสาระการเรียนรู้
1.33 คุณภาพผู้เรียน
1) ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน
ข้าพเจ้าคำนึงถึงการสร้าง และใช้สื่อ นวัตกรรม ดังนี้
1) สื่อนั้นต้องมีความสัมพันธ์กับเนื้อหาในบทเรียนและตรงกับจุดมุ่งหมายที่จะสอน
2) เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ และเป็นสื่อที่จะให้ผลต่อการเรียนการสอนมากที่สุด ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาวิชานั้นๆ ได้ดีเป็นลำดับขั้นตอน
3) เป็นสื่อที่เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียน
4) สื่อนั้นควรสะดวกในการใช้ มีวิธีใช้ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป
5) ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดี มีความชัดเจน
6) มีราคาไม่แพง หรือถ้าจะผลิตเองก็ควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน
ในการจัดการเรียนการสอน สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ข้าพเจ้าเลือกใช้ เช่น วิดีโอ การค้นคว้างานจากอินเตอร์เน็ต
การศึกษาจากอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ซึ่งสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่กล่าวมาข้างต้น ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สนุกสนาน ตั้งใจเรียน และมีผลการเรียนที่ดีขึ้น
1.5 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
วิธีการและเครื่องมือการประเมินผล จะเป็นการประเมินผลที่หลากหลายสอดคล้องตามบริบท ซึ่งใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี ได้เปลี่ยนจากการสอนรูปแบบ Onsite เป็นรูปแบบการสอนแบบ Online ในบางช่วง ทำให้ครูผู้สอนได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการวัดและประเมินผล ผู้เรียนบางส่วน ได้แก่
- คะแนนการวัดและประเมินผลบางส่วน ครูผู้สอน ได้พิจารณาคะแนนจากใบงาน ชิ้นงาน มาประกอบด้วย โดยกำหนดเกณฑ์ในการให้คะแนนอย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
- ในการสอบวัดผลกลางภาคและปลายภาค เพื่อให้เกิดความสะดวกตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ-ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ครูผู้สอนได้ใช้แอปพลิเคชันเข้ามาช่วยในการสอบอย่างหลากหลาย เช่น Google form, Classtime, Liveworksheets โดยนักเรียนสามารถสอบได้ทุกสถานที่ รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่ครู ผู้สอนในการได้มาซึ่งคะแนนสอบ และเมื่อผลการทดสอบปลายภาคเรียนสำเร็จแล้ว จะมีการแจ้งผลการเรียนให้ผู้เรียนและผู้ปกครองทราบ ปีการศึกษาละ 2 ครั้ง และเชิญผู้ปกครองประชุมรับทราบจากครูประจำชั้น เพื่อรับทราบ ความก้าวหน้าทางการเรียน และข้อบกพร่องของผู้เรียน เพื่อนำไปสู่การร่วมมือกันในการแก้ไขให้ดีขึ้นระหว่างครูและผู้ปกครอง
ข้าพเจ้าได้ดำเนินการ ดังนี้
1) ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ครูที่ปรึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โดยได้ศึกษานักเรียนเป็น รายบุคคล จัดทำแฟ้มประวัตินักเรียน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
2) ออกเยี่ยมบ้านนักเรียน เพื่อรับทราบถึงปัญหาต่างๆเกี่ยวกับนักเรียน และผู้ปกครอง
3) ส่งเสริมนักเรียนที่ประพฤติดี มีคุณธรรมจริยธรรม โดยให้ความช่วยเหลือ คำชมเชย ตลอดจนทุนการศึกษาแก่นักเรียน รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนได้รับรางวัลต่างๆ
4) ให้คำปรึกษา แนะนำนักเรียนทุกคนที่มาปรึกษา เช่น ปัญหาการเรียน ปัญหาครอบครัว รวมทั้งปัญหาด้านอื่นๆที่ส่งผลต่อนักเรียน
5) ส่งเสริมให้นักเรียนมีการเรียนรู้ควบคู่คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดี นำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญต่างๆ วันสำคัญทางศาสนา งานเทศกาล งานประเพณี กับหน่วยงานและชุมชนเป็นประจำ เพื่อปลูกฝังนักเรียนให้รักความเป็นไทย สืบสานวัฒนธรรมประเพณี และแสดงออก ซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
6) ทำหน้าที่ครูแนะแนวนักเรียนในที่ปรึกษา ร่วมกับงานแนะแนวและงานปกครอง ปลูกฝังความซื่อสัตย์ บันทึกความดี เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความดีในกิจกรรมหน้าเสาธง
7) ส่งเสริมและพัฒนาด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา และนันทนาการ เสริมสร้างนิสัยรักการทำงานและทำงานร่วมกับ ผู้อื่น
ผลจากการส่งเสริมการเรียนรู้ และการพัฒนาผู้เรียน ส่งผลให้นักเรียนในความรับผิดชอบ เป็นคนมีเหตุผล รู้จักคิด กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง ไม่เห็นแก่ตัว เป็นผู้มีคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ที่ สพฐ. กำหนด คือ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้ำใจ และนักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คิดเป็นร้อยละ 100.00
การเยี่ยมบ้านนักเรียน
ในการบริหารจัดการชั้นเรียน ข้าพเจ้าคำนึงถึงการจัดสภาพแวดล้อมทั้งภายใน และภายนอกห้องเรียน เพื่อสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1) ความสะอาด ความปลอดภัย
2) ความมีวินัย กฎระเบียบ ในห้องเรียน
3) ความสะดวกในการทำกิจกรรม
4) ความพร้อมของอาคารสถานที่ เช่น ห้องเรียน ฯลฯ
5) บรรยากาศในการเรียนรู้ การจัดมุมประสบการณ์ความรู้ต่างๆ
ข้าพเจ้าได้จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และเอกสารประจำชั้นเรียนอย่างถูกต้อง ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน รวมทั้งนำสารสนเทศไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนได้เต็มตามศักยภาพ
ข้าพเจ้ามีการส่งเสริม/พัฒนาผู้เรียน ให้มีความรับผิดชอบ เป็นคนมีเหตุผล รู้จักคิดกล้าแสดงออกในทางที่ ถูกต้อง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม มีคุณธรรมจริยธรรมในการดำเนินชีวิต โดยมีรวมทั้งมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี โดยให้ความรู้ อบรม ตักเตือนนักเรียนในที่ปรึกษา ในรายวิชาที่สอน ตลอดจนนักเรียนโรงเรียนฆ้องชัยวิทยาคมทุกคน ซึ่งโรงเรียนจะมีโครงการอบรมพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักเรียนในวันศุกร์ เช่น มารยาทในการใช้ชีวิตในสังคม การแสดงความนอบน้อมถ่อมตน การแสดงความเคารพ ฯลฯ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาเมื่อนักเรียนมีปัญหาในการเรียนหรือปัญหาครอบครัว
จากการประเมินคะแนนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนทุกรายวิชาที่ข้าพเจ้าสอนใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 นั้น พบว่า ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน พบว่า นักเรียนที่มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 76.87 และระดับดี คิดเป็นร้อยละ 23.13
สะท้อนในกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์