ตรุษไทย วัดดอนทรายแก้ว

ประเพณีวันตรุษ แต่เดิมเป็นของพวกอินเดียฝ่ายใต้ เมื่อพวกทมิฬได้มาครองเมืองลังกา ก็ได้นำพิธีตรุษอันเป็นวิถีปฏิบัติของลัทธิตนเข้ามาด้วย ทำให้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกระทั่งกลายเป็นงานนักขัตฤกษ์ใหญ่ มีการนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ในวันแรม ๑๔ - ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ และขึ้น ๑ ค่ำ เพื่อให้เป็น สิริมงคลแก่บ้านเมืองของตน

ประเทศไทย มีปรากฏในตำนานนางนพมาศ หรือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ว่าวันตรุษไทยมีมา แต่ครั้งสุโขทัยเป็นราชธานี โดยพระมหาษัตริย์ผู้ครองประเทศในครั้งนั้น ทรงรับเอาประเพณี วันตรุษ มาเป็นพระราชพิธี และทรงทำบุญบำเพ็ญพระราชกุศล เป็นการประจำ เรียกว่า "พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์” คือ ทำบุญวันสิ้นปีหรือทำบุญส่งปีเก่า โดยกษัตริย์จะนิมนต์พระสงฆ์เข้ามาในพระราชวัง ๓ วัน เพื่อทำการเจริญพระพุทธมนต์ และเมื่อสวดเจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้วจะมีการยิงปืนเหมือนกับไล่ผีปีศาจ ไล่สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายให้หมดไปกับปีเก่า ประเพณีดังกล่าวกระทำสืบต่อจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทางราชการก็ได้มีการสั่งให้ยกเลิกประเพณี พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์หรือพิธีวันตรุษไทยของหลวง โดยให้ยกเอาไปรวมกับ พิธีสงกรานต์ เรียกรวมกันว่า พระราชพิธีตรุษสงกรานต์ แต่ในส่วนของชาวบ้านก็ยังมีการประกอบพิธีประเพณีวันตรุษไทยกันอยู่อย่างเดิม

ประเพณีตรุษไทย หลายพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองชุมพร ซึ่งวัดเกือบทุกวัดยังคงจัดประเพณี ตรุษไทย การเตรียมการของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองชุมพร เพื่อวันตรุษไทย คือ วันแรม ๑๔ - ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ และวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ รวม ๓ วัน โดยถือเอาวันแรก คือ วันแรม ๑๔ ค่ำ เป็นวันจ่าย เพื่อตระเตรียมสิ่งของไว้ทำบุญ และวันที่ ๒ คือ วันแรม ๑๕ ค่ำ เป็นวันทำบุญตักบาตร มีการละเล่นสนุกสนานตามประเพณีท้องถิ่น จนถึงวันที่ ๓ คือ วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕

กิจกรรม

การเตรียมขนมไทย ผลไม้ อาหาร เพื่อทำบุญตักบาตร ทำบุญร่วมญาติ การทำอาหารไทย อาหารถิ่น การแต่งกายผ้าไทย กีฬาพื้นบ้าน เล่นมอญซ่อนผ้า เล่นสะบ้า ส่วนกลางคืนจะมีการประกวดร้องเพลง การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม มวยไทย