หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้คำนึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นสำคัญ นั่นคือ การเตรียมให้ผู้เรียนมีทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี การสื่อสารและการร่วมมือ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชาคมได้ (กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๕๒)
ผู้จัดทำข้อตกลงในฐานะที่เป็นครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า ในรายวิชาวิทยาการคำนวณ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑ ขาดโอกาสที่จะได้รับการฝึกฝนการนำทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ปัญหาและส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้เชิงบวกของผู้เรียน เนื่องจากระบบการเรียนรู้ที่ขาดความต่อเนื่อง เช่น การเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ความพร้อมของผู้ปกครอง ระยะเวลาในการเรียนรู้ที่จำกัด รวมถึงอุปสรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้เรียนขาดโอกาสในการฝึกฝน การลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริง มาใช้แก้ปัญหาที่จะเชื่อมโยงและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการเรียนรู้เชิงบวกลดลง อีกทั้งในการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมายังพบว่า บทเรียนเรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือกเป็นเนื้อหาที่นักเรียนค่อนข้างเข้าใจยากและมักจะจำสัญลักษณ์แต่ละตัวไม่ค่อยได้ ส่งผลให้ในการเรียนการสอนในเนื้อหาเรื่องนี้ ครูผู้สอนและผู้เรียนไม่ค่อยประสบความสำเร็จตามตัวชี้วัดที่ได้ระบุไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา
ดังนั้น ครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาเหตุผลเชิงตรรกะโดยใช้ชุดสื่อการสอนพัฒนาแนวคิดการแก้ปัญหาและส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้เชิงบวกของผู้เรียนในรายวิชาวิทยาการคำนวณ รหัสวิชา ว21104 เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑ รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ขึ้น เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้เชิงบวกของผู้เรียน ครูผู้สอนจึงใช้วิธีการประยุกต์จากเทคโนโลยีด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ ใบกิจกรรมต่างๆ และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบเชิงรุก
(Active Learning) ซึ่งนวัตกรรมที่นำมาปรับประยุกต์ใช้ในการพัฒนาทักษะและส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้เชิงบวกของผู้เรียน มีลักษณะเร้าความสนใจของผู้เรียน ท้าทายความสามารถ เข้าใจง่าย มีภาพ ประกอบ วางรูปแบบสวยงามและสามารถฝึกได้ด้วยตนเอง อันจะส่งผลให้นักเรียนได้พัฒนาและประยุกต์ความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ แบบฝึกทักษะ ใบงานกิจกรรม มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนวิชาที่เป็นทักษะมาก เพราะเป็นอุปกรณ์ช่วยลดภาระของครู ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกทักษะให้ดีขึ้น ส่งเสริมในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล ทำให้นักเรียนประสบผลสำเร็จในทางจิตใจมากขึ้น รวมทั้งเป็นเครื่องมือวัดผลการเรียนหลังจากเรียนบทเรียนแล้ว ตลอดจนนักเรียนสามารถทบทวนได้ด้วยตนเอง ทำให้ครูมองเห็นปัญหาต่าง ๆ ของนักเรียนได้ชัดเจน นักเรียนสามารถฝึกฝนได้เต็มที่นอกเหนือจากที่เรียนในเวลาเรียนซึ่งทำให้ผู้เรียนเห็นความก้าวหน้าของตนเอง
๒.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์เอกสาร ทฤษฎี ตามหัวข้อ ดังนี้
๑) วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๑) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนละแมวิทยาฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในเรื่องของมาตรฐานการเรียน และผลการเรียนรู้ ของเนื้อหา เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก
๒) การพัฒนาบทเรียน
๓) สื่อวิดีโอเรื่องการทำงานแบบทางเลือก
๔) เนื้อหา เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก
๕) การหาประสิทธิภาพ
๒.๒ ออกแบบและพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาเหตุผลเชิงตรรกะโดยใช้ชุดสื่อการสอนพัฒนาแนวคิดการแก้ปัญหารายวิชาวิทยาการคำนวณ รหัสวิชา ว21104 เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก ตามขั้นตอนดังนี้
๑) วิเคราะห์ (Analysis)
๒) ออกแบบ (Design)
๓) พัฒนา (Development)
๔) ทดลองใช้ (Implementation)
๕) ประเมินผล (Evaluation)
๒.๓ นำบทเรียนทักษะการแก้ปัญหาเหตุผลเชิงตรรกะโดยใช้ชุดสื่อวิดีโอเรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบมีทาเลือก รหัสวิชา ว21104 เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕๖8
๒.๔ บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาเหตุผลเชิงตรรกะโดยใช้ชุดสื่อการสอนพัฒนาแนวคิดการแก้ปัญหา รายวิชาวิทยาการคำนวณ
รหัสวิชา ว21104 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕๖๘ และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนและผู้ปกครองทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม ที่ครูได้บรรจุไว้ในบทเรียนออนไลน์ และทำการประเมินใหม่ จนนักเรียนมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
๓.๑ เชิงปริมาณ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จำนวนนักเรียนทั้งหมด ๔๐ คน
มีความรู้เข้าใจและได้รับการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยี เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือก บทเรียนออนไลน์วิดีโอใน Youtube โดยมีคะแนนทดสอบปลายภาคผ่านเกณฑ์ (ร้อยละ ๖๐ ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ ๖๐ ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนทั้งหมดมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนออนไลน์โดยวิดีโอใน Youtube มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากขึ้นไป
๓.๒ เชิงคุณภาพ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑ จำนวนนักเรียนทั้งหมด ๔๐ คน มีความรู้ความเข้าใจทักษะทางเทคโนโลยี เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมีทางเลือกสูงขึ้น