“การได้นั่งมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ระหว่างล่องเรืออยู่กลางทะเล ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวันสำหรับผมเลยครับ” หลังจบประโยคดังกล่าวจาก ‘คุณอาร์ท - บพิธ ธุระชน’ กรรมการผู้จัดการคนเก่งแห่งบุญรัตน์พัฒนา จำกัด ผู้ชื่นชอบการดำน้ำและหลงเสน่ห์โลกใต้ท้องทะเล สู่การเป็นเจ้าของเรือ ที่สร้างความสุขให้ตัวเองง่ายๆ ด้วยการออกไป ‘ล่องเรือ’ จนทำให้เราอดคิดภาพตามไม่ได้เลยว่า บรรยากาศรายล้อม ณ ขณะนั้นจะต้องผ่อนคลายมากๆ แน่นอน
ก่อนที่คุณอาร์ทจะขอเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ค้นพบความสุขนี้ให้ฟังว่า “จริงๆ แล้วผมชอบดำน้ำมาก ดำมานานกว่า 10 ปี แล้ว จนได้เป็น Dive Master หรือนักดำน้ำมืออาชีพ และมีโอกาสได้ไปดำน้ำที่ต่างประเทศบ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาอยู่บนเรือหลายวัน รู้สึกชอบมากๆ และอยากจะมีเรือเป็นของตัวเอง กระทั่งมีผู้ใหญ่ที่สนิท แนะนำว่าเพื่อนเขากำลังจะขายเรืออยู่พอดี ผมจึงลองศึกษาเรื่องเรืออย่างจริงจัง ก่อนตัดสินใจซื้อเรือลำแรก เป็น ‘JET BOAT’ ยี่ห้อ YAMAHA ความยาว 24 ฟุต ที่เหมาะกับการล่องในแม่น้ำและเขื่อนมาลองใช้งานก่อน”
และด้วยความที่หลงเสน่ห์ของเรือเข้าอย่างจัง ระหว่างนั้นคุณอาร์ทเริ่มฝึกขับเรือเอง แต่กว่าจะได้เป็น ‘กัปตัน’ เขายอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องฝึกขับเรือจนมีความเชี่ยวชาญ จึงจะสามารถสอบใบอนุญาตขับเรือได้ และเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยกัปตัน หรือกัปตันชั้น 2 ประมาณ 3 ปี จากนั้นถึงขยับขึ้นเป็นกัปตันชั้น 1 ซึ่งตอนนี้คุณอาร์ทถือใบอนุญาตขับเรือชั้น 1 สามารถขับเรือได้ทุกประเภทเลย
“ตอนนั้นผมเองสนใจการล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่แล้ว เพราะผมรู้สึกว่า การล่องเรือทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนริมแม่น้ำ แสงสีสองฝั่ง อีกทั้งการเดินทางด้วยเรือสะดวกสบาย สามารถจอดแวะกินข้าว ไปกินกุ้งเผาที่อยุธยา เที่ยวชมวัดวาอาราม ยิ่งเป็นช่วงค่ำพระอาทิตย์ตกดิน อากาศกำลังดี ลมพัดเย็นสบาย หลังอิ่มท้องก็ล่องกลับมาดูแสงสีในเมืองกรุง ผ่านสะพานประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งสะพานกรุงธนบุรี สะพานพระราม 8 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ไอคอนสยาม เอเชียทีค ฯลฯ เรียกว่าเป็นการเติมเต็มความสุขให้เราไปอีกแบบครับ”
ทั้งนี้คุณอาร์ทยังบอกด้วยว่า ความยากง่ายของการขับเรือขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลัก 4 ข้อ คือ 1.สภาพอากาศ ถ้าวันไหนฝนตก การขับเรือในทะเล คลื่นสูงจะขับยากมาก ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ 2. รูปแบบเรือ ที่มีทั้งเรือขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ แต่การขับเรือทุกขนาด ความยากอยู่ที่การจอดเรือ เพราะการขับเรือไม่เหมือนกับการขับรถยนต์ ที่สามารถเข้าจอดในตำแหน่งที่ต้องการได้เลย แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบในเรือรุ่นใหม่ๆ สามารถบังคับให้เรือเคลื่อนไปทางซ้าย-ขวา หรือหมุนรอบทิศทางได้หมด อย่างไรก็ตามกัปตันต้องมีพื้นฐานในการขับเรือด้วย 3.ประเภทของเครื่องยนต์ การขับเคลื่อนจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และ 4. ลักษณะน้ำ ถ้าขับในแม่น้ำเจ้า อาจต้องระวังเรื่องขยะที่จะเข้ามาติดกับเครื่องยนต์และใบพัด ทำให้เรือขัดข้องได้
สำหรับใครที่กำลังมองหาไลฟ์สไตล์ในการล่องเรือหรือเพิ่งเริ่มต้นเล่นเรือ ในฐานะผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี คุณอาร์ท แนะนำว่า “ควรเริ่มจากการหาไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชอบก่อน จะได้เลือกรูปแบบเรือได้ตรงตามความต้องการและการใช้งาน อย่าเพิ่งลงทุนซื้อเรือขนาดใหญ่ เรือขนาด 19-24 ฟุต กำลังพอดี และค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยกับการขับเคลื่อนเรือ เรียนรู้ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ การบำรุงรักษาเรือ หรืออาจจะเริ่มลงทุนกับเรือมือสองสภาพดีก่อนก็ได้ แต่ต้องหาบริษัทให้บริการดูแลเรือที่ได้มาตรฐาน ทางที่ดีสำหรับมือใหม่หัดเล่นเรือ ควรซื้อเรือจากบริษัทที่น่าเชื่อถือและมีบริการหลังการขายที่ดี เนื่องจากเรือจะมีปัญหาตลอด โดยเฉพาะเรือที่ใช้ล่องในทะเล เพราะต้องเจอทั้งคลื่นลมและน้ำทะเลกัดเซาะ อีกทั้งควรเลือกเรือที่มีสองเครื่องยนต์ หากเราออกเรือไปกลางทะเลแล้ว เกิดเครื่องยนต์ใดเครื่องยนต์หนึ่งขัดข้อง อีกเครื่องยนต์จะได้พาเรากลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย พร้อมเตรียมวิทยุสื่อสารไว้ เนื่องจากบางจุดลกางทะเลไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ หรือใช้วิทยุสื่อสารผ่านดาวเทียม แต่ราคาค่อนข้างสูง ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ไม่ต้องรีบร้อน เพราะอย่างที่ทราบว่า ‘คนเล่นเรือจะดีใจแค่สองวัน นั่นก็คือ วันที่ได้รับเรือกับวันที่ขายเรือได้’ ดังนั้นคิดให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อเรือ”
ไม่เพียงเท่านั้น คุณอาร์ทยังแชร์ประสบการณ์ของการล่องเรือในทะเล โดยใช้เรือขนาด 32 ฟุต ของ Formula แบรนด์ดังสัญชาติอเมริกา ที่มีห้องนอนส่วนตัว 1 ห้อง ซึ่งคุณอาร์ทบอกว่า ข้อดีของเรือขนาดนี้ คือสามารถเข้าไปจอดบริเวณน้ำลึกประมาณ 1 เมตรได้ เช่น เวลาไปเที่ยวเกาะคราม เกาะไผ่ หรือหมู่เกาะละแวกพัทยาและสัตหีบที่ไปบ่อยๆ ก็สามารถนำเรือเข้าไปจอดที่ความลึกไม่มากได้ และลงเล่นน้ำได้สนุกสนาน ส่วนบริเวณท้ายเรือยังสามารถเนรมิตให้เป็นบาร์ส่วนตัวกลางทะเลได้อีกด้วย พร้อมจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ลงไปจิบไวน์ในน้ำก็สามารถทำได้ หรือใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์กับครอบครัว อีกอย่างใต้ท้องเรือมีไฟส่องสว่างตอนกลางคืนสามารถมองเห็นทรายสีขาวและฝูงปลาแหวกว่ายไปมาด้วย
ทว่าพอเริ่มเข้าสู่วงการนี้แล้ว มักจะถอนตัวยาก เนื่องจากตอนนี้คุณอาร์ทกำลังมองหาเรือขนาดใหญ่ ประมาณ 55 ฟุต 3 ห้องนอน ที่สามารถรองรับสมาชิกครอบครัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาหาข้อมูล โดยคุณอาร์ทบอกว่า “ข้อเสียของเรือขนาดใหญ่ คือสิ้นเปลือง เพราะค่าจอดสูงมาก และการออกเรือแต่ละครั้งมีใช้ค่าใช้จ่ายไม่น้อย ทั้งค่าเชื้อเพลิง การจ้างกัปตันและลูกเรือ ค่าซ่อมบำรุง ที่เราต้องจ้างคนมาขัดเรือ ถูเรือ ล้างทำความสะอาดให้ตลอด เหมือนเป็นบ้านหลังหนึ่งเลยก็ว่าได้ และต้องยกขึ้นปีละครั้งเพื่อขูดเฟืองและหอยต่างๆ ที่เกาะอยู่ใต้ท้องเรือออก พร้อมทำสีใหม่ให้ดูดีเหมือนเดิม รวมไปถึงการจอดเรือขนาดใหญ่ ต้องจอดบริเวณน้ำลึก 6-7 เมตร เวลาเดินทางพร้อมครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เด็กๆอจะไม่ค่อยกล้ากระโดดเล่นน้ำ แถมตอนกลางจะมืดน่ากลัวนิดหน่อย ฉะนั้นหากใครยังไม่พร้อมที่จะดูแลเรือขนาดใหญ่แนะนำให้ใช้บริการเช่า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า”
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เกือบทศวรรษแล้ว ที่คุณอาร์ทหลงเสน่ห์ของการล่องเรือออกไปตามหาความสุขที่แท้จริง “ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกเรือ และได้ใช้ชีวิตอยู่บนเรือ นี่แหละคือ ‘ความสุข’ ที่ถวิลหามานาน”