วิธีรักษาฝ้า แบบธรรมชาติ

รู้วิธีรักษาฝ้า ด้วยตัวเองจากสมุนไพรธรรมชาติ

ฝ้า เป็นปัญหารบกวนใจหลาย ๆ คน พอ ๆ กับปัญหาสิว ซึ่งมักจะเกิดจากการโดนแสงแดดเป็นประจำ จนทำให้ถูกรังสียูวีทำร้าย เป็นผลให้เมลานินใต้ชั้นผิวหนังถูกรบกวนจนทำงานผิดปกติ จึงเกิดเป็นรอยฝ้าตามส่วนต่าง ๆ บริเวณที่ถูกแสงแดดเป็นประจำ โดยส่วนมากจะเป็นบริเวณ แก้ม จมูก คาง และหน้าผาก เป็นต้น

ประเทศไทยเรานั้นแดดแรงมาก จนแทบจะลมจับทุกครั้งเมื่อออกไปเดินกลางแจ้ง และแดดแรงแบบนี้ก็ส่งผลเสียกับผิวอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานินทำงานมากเกินไป เพราะเม็ดสีเมลานินนั้นมีหน้าที่กรองรังสียูวี เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินจะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย เมื่อถูกผลิตมากอาจทำให้มีข้อบกพร่องในการกรองรังสียูวี ทำให้รังสีที่มีผลต่อการเกิด ฝ้า คือ รังสี UVA UVB สามารถเข้าไปทำลายผิวได้ลึก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อตากแดดนาน ๆ แล้วผิวถึงคล้ำขึ้น และเกิดฝ้าได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็เป็นอีกสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน


รวมสูตรสมุนไพรรักษาฝ้าให้หายขาด

1. น้ำมะนาว

สูตรนี้เป็นสูตรที่ทำง่ายมาก ๆ เพียงแค่คั้นน้ำมะนาว จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ใช้เวลาประมาณ 15-25 นาที แล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก สามารถทำได้ต่อเนื่องทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือนหรือมากกว่านั้น ขณะที่ทาน้ำมะนาวอาจจะรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ บ้าง แต่ไม่มีอันตราย รับรองเลยว่าผลลัพธ์ออกมาดีแน่นอน นั่นเป็นเพราะกรดวิตามินซีจากน้ำมะนาวจะไปช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดรอยฝ้าและริ้วรอยจากสิวได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

รักษาฝ้าด้วยน้ำมะนาว

2. ใบกระเพรา

วิธีกาาคือปั่นใบกระเพราแห้งให้ได้ 3-4 ช้อนโต๊ะ ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ลงไปประมาณ 100 มิลลิกรัม คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปแช่เย็น เมื่อเย็นแล้วให้ทาเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที ใบกระเพรา มีวิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัส ที่จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ค่อย ๆ จางลงได้ แต่อาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย


รักษาฝ้าด้วยใบกระเพรา

3. ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ ถือเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้รักษาแผลได้ และยังเป็นที่นิยมมากๆ วิธีหนึ่ง โดยวิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ ให้ใช้ว่านหางจระเข้ 1 ใบใหญ่ (แนะนำให้เลือกใบล่างๆ แบบที่แก่แล้ว) จากนั้นนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วให้ปอกเปลือกออกและล้างด้วยน้ำสะอาด เมื่อสะอากแล้วให้นำไปปั่นหรือบดก็ได้ตามถนัด แล้วจึงนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที โดยสูตรนี้ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะสามารถช่วยให้รอยฝ้าจางลงและหายได้เร็วยิ่งขึ้น

รักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้

4. ไข่ขาว

ส่วนประกอบในไข่ขาวจะมีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรกออกมา ทำให้ผิวที่มีรอยฝ้าค่อยๆ จางลง และรอยหมองคล้ำต่างๆ หมดไป ผิวหน้ากระจ่างใสเปล่งปลั่ง แต่อาจจะมีกลิ่นคาวเล็กน้อย วิธีการคือให้แยกเอาแต่ไข่ขาวที่ใกล้กับบริเวณไข่แดง (เฉพาะไข่ขาว) มาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นสะอาด จากนั้นตามท้ายด้วยน้ำเย็นปิดทับอีกครั้ง ทำเป็นประจำได้ทุกวัน แถมยังดูดซับสิวเสี้ยนได้ดีอีกด้วยนะ ไข่ขาวจะช่วยดูดซับรอยฝ้าและสิ่งสกปรกให้หมดไปจากใบหน้าของคุณได้จนน่าพอใจแน่นอน

รักษาฝ้าด้วยไข่ขาว

5. หัวไชเท้า

หัวไชเท้า มีสาร Glycossides (ไกลโคไซด์) ที่ประกอบไปด้วย Ascorbic Acid (กรดแอสคอบิก) และวิตามินเอจำนวนมาก โดยมีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า สามารถช่วยลดฝ้า กระ ได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยสารดังกล่าวจะเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ร่างกายผลิตออกมามากเกินไป จนกลายเป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ ในหัวไชเท้ายังมีวิตามินอีกหลายชนิด ที่มีสารออกฤทธิ์ทำลายเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนัง และยังมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะโดยธรรมชาติ ช่วยลดการอักเสบได้

วิธีการคือ นำหัวไชเท้ามาบดหยาบๆ แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที (คนที่มีผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้สูตรนี้) แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเป็นประจำวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง สามารถช่วยลดฝ้าทำให้ฝ้าดูจางลงได้มากเลยทีเดียว และนอกจากจะช่วยลดฝ้าได้แล้วหัวไชเท้ายังมีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอยต่างๆ และทำให้หน้ากระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย เสริมอีกนิดหลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้ว ให้กระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์หรือน้ำเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนกว้างขึ้นด้วย

รักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า

6. มะละกอ

มะละกอ มีสารแปปเพ็นเป็นเอนไซม์ปาเปน (Papain) ชนิดหนึ่ง เอนไซม์ตัวนี้มีฤทธิ์ที่ช่วยในการทำให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิวได้มากขึ้น สามารถช่วยในการลดรอยดำต่างๆ รวมถึงช่วยรักษาฝ้า กระ ให้จางลงได้ สารดังกล่าวจะช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่เสื่อมโทรมหรือตาย ช่วยให้มีผิวใหม่ที่เปล่งปลั่ง แลดูมีน้ำทีนวลสุขภาพดี วิธีการคือ นำมะละกอมาบด จากนั้นนำไปผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวเล็กน้อย นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยการกระชับผิวหน้าด้วยน้ำเย็น เท่านี้ผิวหน้าก็จะชุ่มชื้น เนียนนุ่มมากขึ้น ผิวหน้าจะขาวใสดูมีออร่า รอยดำจากฝ้า กระ ค่อย ๆ จางลงได้เป็นอย่างดี ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือวันเว้นวัน

รักษาฝ้าด้วยมะละกอ

7. หัวหอม

ในหัวหอมประกอบไปด้วย กำมะถัน และแร่ธาตุที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว รอยดำจากฝ้า จึงสามารถค่อย ๆ จางลงได้ดี อาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย แต่หัวหอมจะช่วยรักษารอยดำจากฝ้าได้เป็นอย่างดี (หากใครที่มีผิวบอบบาง ควรทดสอบก่อน) วิธีการคือ หั่นหัวหอมเป็นแว่น ๆ หรือคั้นเอาเฉพาะน้ำของหัวหอมแล้วนำไปแช่เย็นเพื่อดับกลิ่นและลดความเป็นกรดที่อาจทำให้แสบผิวสักประมาณ 5-10 นาที จากนั้นนำมาทาหน้าบริเวณที่เป็นฝ้า 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้รอยฝ้าสามารถจางลงได้

รักษาฝ้าด้วยหัวหอม

8. ใบบัวบก

อีกสูตรของการใช้สมุนไพรในการรักษาฝ้า จากการวิจัยพบว่าสารประกอบในใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณในการช่วยรักษาอาการของโรคผิวหนังได้ โดยเฉพาะฝ้า กระ และสิว วิธีการใช้เพียงแค่นำใบบัวบกมาปั่นแล้วใช้น้ำใบบัวบกมาเช็ดหน้าแทนการใช้โทนเนอร์ก่อนนอนทุกวัน จะช่วยให้รอยฝ้าต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ จางลง ทำให้ผิวหน้าขาวเนียนสดใสดูมีออร่ามากยิ่งขึ้น

รักษาฝ้าด้วยใบบัวบก

9. น้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ล

รู้หรือไม่น้ำส้มสายชูจากผลแอปเปิ้ลมีประโยชน์ในการช่วยดูแลผิวพรรณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากในน้ำส้มสายชูนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด จะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเนียนนุ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีน้ำส้มสายชูที่เกิดจากหมักแอปเปิ้ล ด้วยวิธีการนำมาบดให้ละเอียดแล้วปล่อยให้เกิดการหมักตัวในถังไม้ โดยไม่ผ่านความร้อนและการคัดกรอง จึงทำให้ยังคงแร่ธาตุจากธรรมชาติและเอนไซม์ไว้ได้อย่างครบถ้วน มีรสเปรี้ยวจัด มีคุณสมบัติเป็นกรดสูง มีเส้นใยบางๆ ลอยอยู่ มีสีเหลืองคล้ายน้ำชา มีความเป็นกรดประมาณ 5% (Acetic Acid) มีส่วนประกอบของธาตุโพแทสเซียมจำนวนมาก ที่ช่วยทำให้ผิวดูเนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ ผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย นำสำลีชุบ เช็ดหน้า 15 นาที ก่อนอาบน้ำทุกวัน วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น สามารถทำได้ทุกวัน หรือทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เท่านี้รอยฝ้าก็จะค่อย ๆ จางได้เป็นอย่างดี

รักษาฝ้าด้วยน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ล

10. บำรุงจากภายในสู่ภายนอก

นอกจากการรักษาด้วยสมุนไพรวิธีต่าง ๆ แล้ว ในระหว่างการรักษาเราสามารถดูแลตัวเองจากภายในได้ โดยการรับประทานทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรรวมกันหลายชนิด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการรักษาฝ้า ทำให้ผิวแข็งแรง และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวหน้ากลับมาเกิดฝ้าอีกครั้ง

เราขอแนะนำอาหารเสริมเฟรญ่า ที่ประกอบไปด้วยสารสกัดอาหารผิวออร์แกนิคจากธรรมชาติ 22 ชนิด และยังได้รับสิทธิบัตรนวัตกรรมมาตรฐานระดับยุโรป ที่ช่วยในการรักษาฝ้าอย่างได้ผล สั่งซื้อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://freyathai.com

อาหารเสริมเฟรญ่า

สารสกัดอาหารผิวออร์แกนิคจากธรรมชาติ 22 ชนิด

  1. เซลล์ต้นกำเนิดกุหลาบป่าพันปี
  2. สารสกัดเมล่อนสายพันธุ์ฝรั่งเศษ
  3. โรสแมรี่
  4. พืชตระกูลส้ม
  5. กลูต้าไธโอนจากยีสต์
  6. เรสเวราทรอล
  7. สาหร่ายแดง
  8. ตังกุย
  9. เมล็ดกีวี่
  10. โคเอนไซม์ คิวเอช
  11. ทับทิม
  12. สตรอเบอร์รี่สีขาว
  13. อะเชโรลา เชอร์รี่
  14. ซิงค์
  15. ใบบัวบก
  16. จมูกถั่วเหลือง
  17. แอล-อาร์จีนีน
  18. เปลือกสนฝรั่งเศษ
  19. วิตามินบี 3
  20. แอล-ซีสเตอีน
  21. อัลฟ่า ไลโปอิก
  22. วิตามินอี