- ต้องทำอย่างไรบ้างเมื่อพบผู้เสียชีวิต
หากไม่แน่ใจว่าเสียชีวิตหรือไม่ ให้ตามรถฉุกเฉินมาช่วยกู้ชีพก่อน โดยโทรแจ้ง 1669
ถ้าแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว ให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจต้องการให้ท่านไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้การเบื้องต้น (ยังไม่ใช่การแจ้งความ) หรืออาจจะส่งสายตรวจหรือเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยมาช่วยเหลือและให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการศพ และประสานงานกับทีมแพทย์เพื่อมาทำการตรวจชันสูตรพลิกศพ ณ ที่เกิดเหตุ
ระหว่างรอแพทย์ ไม่ควรเคลื่อนย้ายศพหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่เกิดเหตุโดยพละการ
การชันสูตรศพของทีมแพทย์ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โปรดระวังผู้แอบอ้าง
ระยะเวลารอคอย ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เสียชีวิตในเวลานั้น และสถานที่เกิดเหตุ ถึงแม้ท่านจะแจ้งก่อน แต่หากมีผู้เสียชีวิตรายอื่นระหว่างเส้นทาง หรือมีผู้เสียชีวิตที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเร่งด่วนเช่นอุบัติเหตุจราจร อาจต้องแวะตรวจก่อน โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินทาง
ญาติที่ดูแล หรือผู้ทราบเหตุการณ์ ต้องอยู่รอให้ข้อมูลกับทีมแพทย์ที่มาชันสูตรพลิกศพ
ควรแจ้งให้ญาติสายตรงทุกคนทราบเรื่องการตาย และสอบถามว่ามีผู้ใดติดใจสงสัยเกี่ยวกับการตายหรือไม่ เช่น ต้องการทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด หรือ การรักษาที่ได้รับก่อนตายเหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น
กรณีที่คิดว่าเสียชีวิตจากโรคหรือการเจ็บป่วยเดิม กรุณาเตรียมข้อมูลประวัติการรักษา เช่น ใบรับรองแพทย์ ใบส่งตัว หรือเอกสารอื่นๆที่มีชื่อโรคของผู้เสียชีวิต เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบ
กรุณาเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับประกันชีวิต ถ้าหากมี และติดต่อบริษัทประกัน เพื่อสอบถามข้อมูลดังนี้
1. ประกันนั้นจ่ายเงินชดเชยกรณีใดบ้าง มีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่จะทำให้ได้เงินชดเชยเพิ่มขึ้นหรือไม่ เช่น ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันโรคร้ายแรงเป็นต้น
2. ประกันนั้นต้องการรายงานการผ่าพิสูจน์ศพหรือไม่ และต้องใช้เอกสารใดบ้างในการเบิกค่าชดเชย
แพทย์เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งต้องทำในกรณีที่เป็นการตายในระหว่างการถูกควบคุมตัวโดยเจ้าพนักงาน (เช่นถูกตำรวจจับหรืออยู่ในระหว่างถูกจำคุก) หรือการตายผิดธรรมชาติ (ได้แก่ 1.ถูกฆ่าตาย 2.ฆ่าตัวตาย 3.ถูกสัตว์ทำร้าย 4.อุบัติเหตุ 5.ยังมิปรากฎเหตุ) เมื่อชันสูตรเบื้องต้นแล้ว แพทย์อาจมีดุลยพินิจให้ส่งศพไปตรวจเพิ่มเติม (ผ่าพิสูจน์) เพื่อหาสาเหตุการตายหรือข้อมูลอื่นๆ
หากไม่จำเป็นต้องส่งศพไปผ่าพิสูจน์ แพทย์จะมอบศพให้ญาติไปจัดการตามประเพณีและออกหนังสือรับรองการตายให้ เพื่อนำไปใช้แจ้งความต่อไป
หากจำเป็นต้องส่งศพไปผ่า จะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปที่โรงพยาบาล(ไม่มีค่าใช้จ่าย)
การลงบันทึกประจำวัน เมื่อชันสูตรพลิกศพแล้วแพทย์จะมอบเอกสาร "บันทึกรายละเอียดแห่งการชันสูตรพลิกศพ" ให้กับญาติ เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานในการลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ ควรไปทันที ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะเปลี่ยนเวร โดยนำเอกสารประจำตัวของผู้ตายและผู้แจ้งไปด้วย
เมื่อแพทย์ชันสูตรพลิกศพแล้วแล้วญาติสามารถจัดการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตได้ตามความประสงค์
การแจ้งตายและทำมรณะบัตร ให้ไปแจ้งที่สำนักงานเขตหรือเทศบาลในพื้นที่ที่เสียชีวิต หลักฐานที่ใช้ได้แก่ ใบแจ้งความ(จากสถานีตำรวจ) หนังสือรับรองการตาย(จากแพทย์) และบัตรประจำตัวของผู้ตายและผู้แจ้ง รวมถึงทะเบียนบ้านถ้าต้องการคัดชื่อผู้ตายออก โดยต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง ยกเว้นมีเหตุจำเป็น ควรสอบถามเวลาเปิดปิดของที่นั้นก่อน (โดยทั่วไปการแจ้งตายจะเปิดในเวลาราชการ แต่บางแห่งอาจเปิดวันหยุด)
การผ่าศพ ถ้าศพส่งมาถึงห้องผ่าก่อน 11.00 จะผ่าในวันนั้น ถ้ามาถึงหลัง 11.00 จะผ่าในวันถัดไป ถ้าญาติต้องการพบแพทย์เพื่อสอบถามผลการผ่าศพให้มาแจ้งที่สำนักงานภายใน 11.00 ของวันที่ผ่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่แจ้งแพทย์ต่อไป
การรับศพ โดยทั่วไปจะเริ่มเคลื่อนย้ายศพได้ในช่วงบ่าย แต่ญาติต้องมาจัดการเอกสารรับศพให้เรียบร้อยก่อน [คลิกเพื่อดูขั้นตอนการรับศพ] โดยติดต่อที่สำนักงานนิติเวช ห้องหมายเลข 1 อาคาร 14 รพ.ภูมิพลฯ [คลิกเพื่อดูแผนที่]
การแจ้งตายและทำมรณะบัตร ต้องรอให้ศพผ่าพิสูจน์เรียบร้อยก่อน แพทย์จึงจะออกหนังสือรับรองการตายได้ การทำมรณะบัตรให้ไปที่เขตหรือเทศบาลในพื้นที่ที่เสียชีวิต โดยหลักฐานที่ใช้ได้แก่ ใบแจ้งความ(จากสถานีตำรวจ) หนังสือรับรองการตาย(จากแพทย์) และบัตรประจำตัวของผู้ตายและผู้แจ้ง และทะเบียนบ้านถ้าต้องการคัดชื่อผู้ตายออก ต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง ควรสอบถามเวลาเปิดปิดของเทศบาลก่อน (โดยทั่วไปจะเปิดในเวลาราชการ บางแห่งเปิดวันหยุด) ถ้าเสียชีวิตที่โรงพยาบาลภูมิพลฯ จะมีหน่วยย่อยของเขตสายไหมให้บริการที่โรงพยาบาล