กฎ 95 ข้อในการจะเปิดทำธุรกิจ

1 คุณจะต้องขายสิ่งที่ตลาดต้องการไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากจะขาย


2 ต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองถนัด


3 สิ่งที่จะทำต้องขายส่งได้ด้วย เพราะขายปลีกมันไม่รวย แล้วมันกระจายจุดไม่ได้ ถ้าของเราขายส่งได้ มันสามารถไปอยู่ได้ทุกมุมโลก


4 ของที่เราขายส่งได้ในระยะยาว เราต้องเป็นผู้ผลิตเองได้


5 สิ่งที่เราขาย ต้องไม่ใช่สิ่งที่เหมือนๆกันแล้วแข่งเพียงแต่ราคา เช่นไข่ไก่ แต่เสื้อยืดคุณขายดีไซน์ไอเดียได้


6 สิ่งที่คุณจะขายต้องมีจุดแข็ง ที่เป็นจุดแข็ง ที่ไม่ใช่คำว่า ราคา คุณภาพ บริการ แต่มันต้องลึกกว่านั้น


7 คุณต้องตอบให้ได้ว่า ทำไมลูกค้าต้องซื้อสินค้าคุณ ทำไมเค้าต้องไม่ไปซื้อคู่แข่ง


8 คุณต้องรูว่ากลุ่มเป้าหมายคุณคือใคร แล้วทำเลนั่นมีกลุ่มเป้าหมายคุณมีไหม


9 คุณจะเป็นใครในตลาด รวมๆหมายถึง คุณจะขายสินค้าระดับไหน ราคาระดับไหน ภาพลักษณ์คุณระดับไหน


10 ร้านข้าวมันไก่เหมือนๆกันแต่ทำไมร้านนี้คนเต็ม อีกร้านไม่มีลูกค้า เวลาคุณเดินผ่าน คุณจะเลือกเข้าร้านที่คนเยอะ แม้คุณจะไม่เคยกิน แต่คุณจะคิดว่าร้านนี้ต้องอร่อยคนจึงเต็ม คุณจะทำยังไงให้ร้านคุณ ลูกค้าผ่านครั้งแรกแล้วอยากเข้า


11 คุณต้องสร้างระบบที่ไม่ได้ยึดตัวคุณ แต่ดำเนินการด้วยตัวมันเอง คุณเพียงเป็นคนตรวจคุมระบบ


12 อะไรจะเป็นจุดแข็งคุณ เมื่อมีคนอื่นมาเป็นคู่แข่ง หรือมีคนมากอปปี้ คุณจะทำยังไง คุณต้องมีจุดแข็งตรงนั้น เพราะธุรกิจเป็นระบบเสรี


13 การลดต้นทุน คือกำไรอัตโนมัติ คุณขายได้ 1,000 หน่วย ลดต้นทุนได้ 2 บาท เท่ากับว่าคุณกำไรตั้งแต่ยังไม่ขาย 2,000 แล้ว


14 พนักงานคือสิ่งที่สำคัญ ถ้ายิ่งอยู่นานเท่าไรประสบการณ์ยิ่งมาก สามารถจบลูกค้าได้ง่าย คุณจะทำยังไงให้พนักงานอยู่นานที่สุด


15 คุณจงคำนวณ ยอดขายต่ำสุดในช่วงโลว์ซีซัน แล้วหาจุดคุ้มทุน ถ้าช่วงโลว์สุดยังกำไร ก็ตัดจุดเจ๊งได้เลย


16 คุณจะต้องสำรวจตลาดเสมอ เพราะ การตลาด เพียงแค่คุณหยุด คู่แข็งคุณก็ก้าวล้ำคุณไปแล้ว ถ้าคู่แข่งคุณหยุด แล้วคุณพัฒนา คุณก้าวล้ำ 2 ก้าว


17 ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ ในช่วงโลว์ทุกคนหยุดกิจกรรมเสมอ เพียงคุณกระตุ้นแผนการตลาด ลูกค้าก็รับรู้ง่าย


18 ในช่วงตลาดโลว์ ลูกค้าเดิมๆจะขายไม่ดี จะเริ่มหาเจ้าใหม่ นั้นคือโอกาสของเราเสมอในตลาดโลว์


19 จงแยกแยะลูกค้า ชั้นดี ชั้นกลาง ชั้นแย่ เพราะลูกค้าทุกคนสัดส่วนซื้อไม่เท่ากัน ตามกฎ 20/80 คือ ลูกค้าสัดส่วน20% แต่เป็นกำไรของร้าน 80%


20 เมื่อคู่แข่งแข่งราคา คุณจงอย่าแข่งราคาจนไม่มีกำไร เพราะธุรกิจต้องการกำไร


21 วันที่คุณขายไม่ดี อย่าโทษตลาด เพราะในวันนั้นก็มีคู่แข่งคุณที่ขายดี


22 เวลาคุณขายไม่ดีอย่าเพียงแต่โทษตลาด เศรษฐกิจไม่ดี ฝนตก แต่หันมาดูตัวเราเองแล้วถามว่า เราทำสินค้าตรงตามความต้องการ ลูกค้าไหม ราคาเราสมเหตุสมผลไหม บริการเราดีไหม


23 การขายส่ง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะเมื่อเรามีลูกค้าขายส่ง เท่ากับว่าเรามีหน้าร้านเพิ่มอัตโนมัติโดยที่เราไม่มีค่าเช่า


24 ลูกค้าส่งยิ่งมีมาก สินค้าเราจะไม่เคยค้างสต๊อก เช่น เราผลิตต่อแบบ 50 หน่วยต่อแบบ มีลูกค้าส่ง 50 เจ้า ลูกค้ารับไปเจ้าละ 1 ตัว เค้าจะไม่รูหรอกว่าแบบนั้นขายไม่ดี


25 ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณจะทำอะไร ความคิดตัน คุณแค่เพียงก้าวเท้าออกไปจากร้าน แล้วไปในแหล่งที่ขายของแบบเดียวกับคุณ คุณอาจได้ไอเดียกลับมา


26 ปัญหา คุณจะบอกไม่รู้จะขายอะไร วิธีง่ายสุดคือ ก๊อปปี้ไง คุณไปลอกเลียนแบบร้านค้าที่ขายดี แล้วคุณพอจะทำได้ในเบื้องต้น แล้วลงมือดู (แต่คิดเยอะๆก่อนทำ)


27 ก่อนจะทำธุรกิจ อย่าไปลองผิดลองถูก คิดว่าเปิดๆไป ขายๆไปเดี๋ยวก็มีคนมาซื้อ วางแผนก่อนดีไหมว่าจะขายอะไร หาเหตุผลที่ลูกค้าจะซื้อ เพราะเงินลงทุนมีจำกัด


28 ถ้าคุณจะก๊อปปี้ มันก็เป็นทางลัด แต่ไปเปิดไกลๆนะ เพราะอาจโดนTeen คนเขียนเคยโดนมาแล้ว


30 จงรับรู้ไว้ว่า ลูกค้าที่มาซื้อคุณ ไม่ใช่เพราะสินค้าคุณดีสุด ถูกสุด แต่เป็นเพราะตลาดมันไม่สมบูรณ์ด้านข้อมูล


31 ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าที่ถูกสุด หรือแพงสุด หรือดีสุด แต่เค้าซื้อที่เค้าต้องการใช้ แล้วราคามันสมกับมูลค่าที่เค้าคิดว่าจะได้รับ


32 ลูกค้าประจำที่มาซื้อคุณ เค้าคือ LOYALTY CUSTOMER คุณจงดูแลเค้าให้ดี เพราะต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่แพงกว่า 5 เท่าในการดูแลลูกค้าเก่า


33คุณจงทำสินค้าที่ตอบสนองลูกค้าส่วนร่วม เพราะเมื่อคุณตอบสนองลูกค้าเพียงคนเดียวเมื่อไหร่ คุณจะเสียความเป็นส่วนรวมในตลาด ถ้าสินค้าคุณไม่ใช่สินค้าเฉพาะกลุ่ม


34 ถ้าคุณคิดว่าสินค้าคุณขายดีแล้ว แล้วคุณก็ผลิตแต่สินค้าเดิมๆ เตรียมตัวตายได้เลย ถ้าสินค้าคุณเป็นแฟชั่น


35 ถ้าสินค้าคุณขายดีในช่วงไฮ คุณจงคิดให้น้อย แต่ทำให้มาก แต่ถ้าคุณขายไม่ดีในช่วงโลว คุณจงคิดให้มาก แต่ทำให้น้อย


36 กลยุทธ์ อาจใช้ได้ดีในช่วงไฮซีซัน แต่อาจแย่ในช่วงโลว์ซีซัน เพราะสินค้ามันมีวัฎจักร


37 ถ้าคุณจะขยายสาขา จงมั่นใจว่าสาขา1 คุณใช้เต็มประสิทธิภาพ จงอย่าคิดแต่เพียงฉันอยากจะเปิด


38 ถ้าคุณจะเปิดสาขา จงใช้พลังของสาขา เพราะมันไม่ใช่ 1+1 แต่มันเป็น 339 ถ้าคู่แข่งคุณมาใหม่แล้วทำให้ยอดขายคุณตก คุณต้องรีบโจมตี ถ้าปล่อยไว้ระยะยาว คุณจะเสียอำนาจการแข่งขันในระยะยาว (แต่ขอให้โจมตีทางด้านการตลาด)


40 ถ้ายอดขายคุณตก คุณพึงสังวรณ์ไว้เลย ตลาดได้เปลี่ยนไปแล้ว


41 คุณต้องมีสายตาในการประเมินคู่แข่ง มี 3 แบบ คือ

- คู่แข่งโดยตรงในตลาดเดียวกัน

- คู่แข่งโดยตรงในตลาดต่างกัน

- คู่แข่งไม่โดยตรง แต่กินเงินจากกระเป๋าลูกค้าเดียวกัน


42 ลูกค้าคือเครื่องยืนยันดีที่สุด ว่าเค้าซื้อคุณเพราะอะไร มีปากจงถามๆๆ เป็นวิธีประเมินตัวเองดีที่สุด


43 วิธีจะหาจุดอ่อนคู่แข็ง คุณก็ลองทำตัวเป็นลูกค้าโง่ๆไปลองซื้อสินค้าเค้า แล้วอะไรที่เค้าทำไม่ได้ คุณก็เอากลับมาเป็นจุดแข็ง


44 ถ้าคุณจะขยายสาขา ขอให้มั่นใจว่าคุณจะดูแลมันทั่วถึง มิใช่ปล่อยให้ร้านค้านั้นกัดกินกำไรจากสาขาแม่ แล้วเป็นสาขาซากปรักหักพัง


45 สินค้าที่จะทำเงิน คือสินค้าที่อยู่ในกะแส ที่คุณเป็นผูนำแฟชั่น จับทางให้ถูก ให้ไว แล้วตีให้ร้อน


46 ถ้าคุณขายสินค้าไม่ออก อย่าไปโทษลูกค้า แต่คุณจงแน่ใจว่าของที่คุณขายมีคนใช้จริงหรอ จงรีบ พัฒนาโดยเร็ว หรือโยนมันทิ้ง แล้วหาสินค้าที่มันใช่ดีกว่า


47 คุณอย่าริอาจผลิตสินค้า จนกว่าคุณจะมีลูกค้า เพราะคุณผลิตมาอาจทิ้งยกล๊อต จงหาลูกค้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยผลิต


48 อย่าริขายส่งเลย ถ้ายังขายปลีกไม่ได้ เพราะลูกค้าส่งก็คงเอาของคุณไปดอง เพราะคุณยังขายปลีกไม่ได้ คุณต้องพิสูจน์สินค้าตัวเองขายดีก่อน จะให้คนอื่นไปขายแทน


49 ถ้าคุณจะขายส่ง คุณต้องคิดปัญหาแทนลูกค้าส่งว่าจะเจอปัญหาอะไร แล้วคุณจะผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ในตลาดให้ลูกค้าแทน ลูกค้าส่งมีหน้าที่ขาย คุณมีหน้าที่ผลิตของที่ตลาดยอมรับ


50 กำไรคำนวณให้เป็น บางคนขาย 100 ต้นทุนสินค้า 40 ค่าเช่า 20 ค่าเด็ก 10 กำไร 30 คิดไปคิดมาก็กำไร แต่สุดท้ายเงินไม่เหลือในแบงค์ กำไรแบบนี้ซิมายา เงินที่อยู่ในแบงค์คือกำไร (ต้นทุนแฝงมีมากกว่าที่เราเห็น)


51 ไม่มีใครเจ๊งจากการทำธุรกิจที่ไม่ได้ไปกู้มาหรอก แต่ที่เค้าปิดกิจการ เพราะเค้าไม่เห็นอนาคตมากกว่า เพราะก็ยังเห็นกินฟูจิกันอยู่


52 ธุรกิจคุณจะอยู่รอดได้ เพราะระบบวัตถุดิบ ระบบผลิต ระบบขนส่ง ระบบขาย อยู่ได้ คุณจงจ่ายในอัตราที่อยู่ร่วมกันได้ เพราะถ้าคุณรวยคนเดียว คนอื่นจน ซักวันคุณจะไม่เหลือระบบ แต่เมื่อคุณจ่าย คุณก็รับให้เต็มที่ ระบบมันจะแข่งแกร่ง GIVE & TAKE


53 ถ้าคุณขายเอง ไม่ปล่อย ไม่ไว้ใจใคร คุณก็ขายเองไปจนตาย


54 ถ้าคุณคือสมองของระบบ จงอย่าเอาตัวลงไปขาย เพราะคุณจะไม่เห็นภาพกว้าง คุณไม่ได้จำเป็นต้องขายเก่ง แต่คุณมีพนักงานขาย แต่คุณต้องรู้รายละเอียด


55 ถ้าคุณปล่อยร้านค้าไม่สนใจ อย่าอ้างว่าคุณคือเจ้าของ แล้วไม่ต้องเข้าร้าน แต่เวลาที่คุณไม่อยู่ร้านคุณขอให้แน่ใจว่า คุณยังดูภาพรวมตลาดอยู่


56 ถ้าสินค้าคุณเป็นธุรกิจ no barrier of entry คือ คู่แข่งเข้ามาง่าย คุณจงคำนวณเวลาตายของธุรกิจไว้ด้วย เพราะคุณจะได้ไม่ประมาท หรือมองธุรกิจที่ 2


57 คุณอย่าตัดสินใจเลือกทำเลที่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะราคาถูก คุณอาจขายของให้ผี แต่ถ้าค่าเช่าแพง ถ้ามันอยู่ในทำเลที่ดีขายแล้วมีกำไรพอใจ ก็เช่าไปเหอะ


58 ก่อนจะเลือกทำเล คุณจงใช้เวลาไปเดินที่นั้น 7 ครั้ง ดีกว่า จะมาอยู่เสียค่าเช่าฟรีๆ 1 ปี


59 ถ้าคุณคิดว่าจะเปิดร้านขายของที่ต้องตามแฟชั่น หรือคุณต้องไปเลือกของเอง หรือจับจ่ายของทุกวันเช่นขายอาหาร ขอให้มั่นใจคุณต้องชอบนะ เพราะโคตรเหนื่อย


60 จะขายปลีก/ขายส่ง ขอให้แน่ชัดกับทำเล เพราะถ้าคุณจะขายปลีกแล้วไปเปิดในโบเบ้ สำเพ็ง คุณก็เตรียมตัวตาย จงรู้ตัวก่อนคุณจะขายที่ไหนที่เหมาะกับคุณ


61 ราคาใครคิดว่าไม่สำคัญ งั้นจะมีราคา 1 ตัว ส่ง 3 ตัว มีป้าย SALE ราคาโคตรมีผลกับการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นอย่าตั้งมั่วๆ แต่ข้อให้มีเหตุผลว่าราคานี้ใครซื้อ และทำไมต้องราคานี้เพราะงั้นคุณคงได้ขายกันเองแน่ๆ


62 ราคา 99 199 299 มันมีประสิทธิภาพนะ ลองเข้าร้าน KFC ซิ


63 อย่าใช้นโยบาย sale พร่ำเพรื่อ เพราะเมื่อคุณไม่ลด ลูกค้าอาจไม่ซื้อคุณเลย ขอให้ทุกครั้งที่เซลที่จุดประสงค์เพื่อโละสินค้าตกรุ่น หรือเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือโจมตีคู่แข่ง หรือ??? เพราะผมซื้อ S&P แค่วันพุธ


64 คุณอย่าไปกังวลกับคุณแข่งที่ขายราคาโดยใช้แต่กลยุทธ์ราคา เพราะลูกค้ามีหลายระดับ ถ้าคุณไปยึดมาก คุณจะลดเกรด คุณภาพ ภาพลักษณ์ตัวเองจนไม่มีค่า แต่ขอให้มั่นใจว่าสินค้าคุณ ราคากับมูลค่าสอดคล้อง


65 สินค้าที่คุณขาย จงมีทางเลือกให้ลุกค้า ถ้าคุณอยากได้ยอดขายเพิ่ม หรือจบการขายได้ คุณเคยเห็นคนขายน้ำปั่นรสเดียวไหม หรือร้านอาหารตามสั่งมีเมนุเดียว ยกเว้นคุณจะชำนาญแบบข้าวมันไก่ประตูน้ำ


66 คุณเคยโทษดวงไหม ทำไมร้านนั่นคนเข้าเยอะ ร้านนี้คนเข้าน้อย ดวงมีส่วนนะ แต่ผมว่าสินค้า การตกแต่ง ราคา คุณภาพ มีผลมากกว่าดวง


67 ถ้าคุณจ้างพนักงานขาย จงมั่นใจว่าคุณจ้างพนักงานขาย ไม่ใช่พนักงานไล่แขก


68 ถ้ามีลุกค้าเข้ามาพร้อมกันไม่มีทางที่คุณจะดูแลจบการขายลุกค้าได้พร้อมกัน จงประเมินความน่าจะเป็น ไม่งั้นอาจคนเต็มร้านแต่เดินออกหมด (ลูกค้าแขกกับสิงคโปร์ ให้สนใจลูกค้าสิงคโปร์)


69 ถ้าลูกค้ายังไม่เข้ามาเหยียบในพื้นที่ร้าน ลูกค้ามีสิทธิ์จะจากไป จงปล่อยให้เค้าเข้ามาก่อน เพราะเค้าสนใจจึงเดินเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก็อย่าปล่อยออกไป เพราะเมื่อเค้าเดินออกไป แสดงว่าเงินส่วนนั้นอาจตกไปเป็นของคู่แข่งแล้ว


70 ถ้าคุณจะอยากจะขยายยอดขาย ก็มี 4 วิธี เช่น ขายเสื้อยืดผู้ชาย

- แนวนอน - ก็ขายเสื้อยืดคอกลม คอวี สกรีนลาย เสื้อพื้นแขนสั้น แขนยาว (วัตถุดิบตัวเดียวกัน)

- แนวตั้ง - เพิ่มเสื้อโปโล ชายแจคเกต เสื้อฮู๊ด (เพิ่มผลิตลาย ทางเลือก)

- แนวเมทริก - เช่น ขายหมวก ขายรองเท้า ขายแว่นตา กางเกง (เพิ่มส่วนประกอบเกี่ยวเนื่อง)

- แนวหลากหลาย - เช่น ขายอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเดิมเลย เช่น ขายชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ


71 ถ้าอ่านมาถึงข้อนี้ จะบอกว่า ข้อ 29 ไม่มี


72 คุณกลับไปหาข้อที่ 29


73 ถ้าคุณขายในแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักต่างชาติ แค่คุณพูด หนี่ฮาว จ๋ายเจี้ยน เซียเซี่ย คนจีนก็ซื้อคุณล่ะ


74 ถ้าคุณคิดว่าจะเปิดร้านอย่าไปคิดหาสินค้า นวตกรรมใหม่ๆเลย ถ้าคุณไม่ใช่สตีฟ จ๊อบ คุณแค่เพียงหาช่องว่างในสินค้าเดิมๆ แค่นี้ก็ทำเงินละ เพราะไม่มีร้านไหนสมบูรณ์แบบ ร้านใหญ่ไม่สนใจลูกค้ารายย่อย ร้านค้าใหญ่ๆมักบริการช้า ไม่ดูแลบริการ


75 ถ้าคุณหาช่องว่างไม่เจอ ก็แค่วันไหนคุณหาซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ไม่ตอบสนองความต้องการคุณ นั่นล่ะช่องว่าง


76 ถ้ากลัวเปิดแล้วเจ๊ง ลองหาเพื่อนร่วมธุรกิจ เพราะความรู้ของแต่ละคนอาจหลากหลาย รวมถึงเงินทุน


77 ถ้าธุรกิจที่คุณเปิดร่วมลงทุน ถ้าขยายเติบโต จงแตกมันซะ ก่อนที่จะมาแตกแยก ส่วนใหญ่ช่วงแรกๆขาดทุน ก็ยอมๆกันไป พอมีกำไร ผลประโยชน์มักไม่ลงตัว ดังคำที่ว่า โตแล้วแตก แต่ถ้าใครไม่แตก ก็ทำต่อไป


78 ถ้าคุณมีเป้ายอดขาย อย่าพยายามลด แต่จงพยายามหาวิธีที่จะได้ถึงเป้าหลายๆทาง เพราะไม่งั้นยอดขายจะลดลงเรื่อยๆ


79 ว่างๆหาหนังสือธุรกิจ การบริหาร การตลาดมาอ่านบ้าง มันจะเปิดมุมมองคุณ เช่น RICH DAD POOR DAD รับรอง นารูโตะไม่มีสอน E S B I80

ธุรกิจที่ดีคุณต้องทำบันทึกยอดขาย รายวัน รายเดือน รายไตสมาส รายปี เทียบเดือนต่อเดือน ปีต่อปี งันคุณจะไม่รู้แนวโน้มตัวเอง


81 สินค้ารอบตัวคุณ มันมีแผนการตลาดซ่อนอยู่หมดนั้นล่ะ เมื่อคุณซื้อหรือใช้บริการ คุณก็โดนมิสเตอร์การตลาดจัดการแล้ว ดังนั้นสินค้าที่คุณขาย จงใช้มิสเตอร์การตลาด


82 ก่อนที่คุณคิดจะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ขายของเดิมให้ได้ก่อนดีไหม มีเงินเข้าดีกว่าเงินออกโดยที่ไม่มีรายได้ คือพยายามขายของโดยใช้ต้นทุนให้น้อยสุด


83 ทำไมเฟรนฟาย KFC เล็กกว่า เหี่ยวกว่าของ Mc donald หรือเจ้าของไม่รู้ว่าลุกค้าบ่น เพราะก็เหมือนกับว่าทำไมของบางร้านสวยไม่เท่ากับอีกร้าน หรือแพงกว่าอีกร้านก็ยังขายได้


84 ทำไมสินค้าบางตัวในห้างถึงขายต่ำกว่าราคาทุนเช่นน้ำตาล น้ำมันพืช เพราะ คุณคงไม่ได้ขับรถไปเพียงแค่ซื้อน้ำตาล ดังนั้นราคาสินค้าในร้านคุณทำไมบางตัวถึงแพง บางตัวถึงถูก คิดก่อนตั้งราคา ตั้งถูกชีวิตเปลี่ยน


85 คุณอย่าขายราคาที่กำไรต่อหน่วยเท่ากันหมด เพราะบางที่คนอ้วนก็ยอมจ่ายแพงกว่าน่ะ


86 พื้นที่ขายต่อร้านค้า แปรผันต่อกำไร ถ้าคุณขายสิ้นค้าชิ้นใหญ่กำไรน้อย คุณต้องใช้พื้นที่มาก ก็อย่าไปจ่ายค่าเช่าต่อ ตรม.ละ 10,000 เลย ถ้าคุณไม่ได้ขายทอง คำนวณ พท.ต่อตรม. ต่อราคาด้วย


87 ผมขอเตือนถ้าคุณขายดี อย่าให้โดดเด่นมาก เพราะตลาดเสรี ไม่มีใครให้คุณฟันกำไรคนเดียวนานๆหรอก ยกเว้นเณรคำไม่ดังก็ฟันได้


88 ปัจจัยการตลาด 1 อย่างอาจถูกต้อง แต่ไม่ถูกเวลา หรือต้องใช้การตลาดมากกว่า 2 จงเลือกทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ


89 ขอให้มั่นใจว่าคุณขายที่ประสิทธิภาพของสินค้า มิใช่เปลือกนอก เช่น บรรจุภาพ การตกแต่ง ราคา ของแถม เพราะลูกค้าจะซื้อคุณแค่ครั้งเดียว


90 นโยบาย เปลี่ยน คืน แลก ขอให้ชัดเจน เพราะคุณอาจเสียลุกค้าไม่ใช่เพราะสินค้า แต่เพราะทะเลาะตบตีกันทีหลัง


91 ทำไมโรงหนังขายป๊อปคอร์นแพงๆแต่คนซื้อ บางที่ลูกค้าเข้าร้านมาเพราะชอบอันนี้ แต่ก็เบลอๆซื้อของแพงด้วย เห็นไหม ขายแบบไม่เบลอ แต่ลูกค้าเบลอ จงใช้อารมณ์ร่วมของลูกค้า อย่าทำให้ลูกค้าใช้สมอง


92 ถ้าลูกค้ามาเป็นกลุ่ม เตรียมปวดหัวเลย เพราะจะถามกันไปมา ซื้อไหม ไอ้คนจะตั้งใจซื้อ ก็เลยไม่ได้ซื้อ สรุปเดินออกกันไปแบบงงๆ ถ้าจบรายตัวได้ให้รีบจบ


93 ถ้าคุณขายของแล้วเหลือสต็อกทำยังไง ก็ลดราคาเท่าทุน หรือขาดทุน ดังนั้นขอให้รู้เลยคุณไม่มีทางขายของทุกชิ้นได้หมดแน่ ดังนั้นราคาที่ตั้งจงบวกส่วนสำรองตรงนี้ไปด้วย สุดท้ายภาระตกที่ผู้บริโภค


94 การขายของถูก ผู้ได้รับผลประโยชน์คือลูกค้า ยิ่งขายถูก ลุกค้ายิ่งกำไร ซัพพายเออรวยเอารวยเอา คนผลิตก็ผลิตกันไป สุดท้ายคนขายโดนค่าเช่ากินตาย เจ้าของต้องหา BREAK EVEN POINT เป็นนะ (จุดคุ้มทุน) ดั่งคำว่าทำให้คนอื่นรวย


95 เมื่อเปิดธุรกิจนานๆไป ลูกค้าจะเบื่อสินค้าเดิมๆ จะบ่นว่ามีของใหม่ไหม พอเราบอกไม่มี ก็ไม่ซื้อ พอบอกมี บอกไม่ชอบก็ไม่ซื้อ ดังนั่นคุณต้องหา CORE PRODUCT ให้เจอ คือจุดที่ลูกค้ายังไงก็ต้องซื้อ เช่น ร้านข้าวร้านนี้ไม่อร่อยยังมีคนกิน รถเมลบริการห่วยก็ยังมีคนขึ้น ดังนั้นเราต้องหา CORE PRODUCT ให้เจอ รวย