แสงนวลชวนมองของเดือนเต็ม คืนนี้ถูกเมฆฝนบดบังเป็นระยะๆ มิเสียดายที่เมื่อค่ำวานนี้เดือนกระจ่างสวยพอที่เก็บความสว่างไว้เผื่อค่ำนี้ เดือนเต็ม คู่กับน้ำปริ่มๆฝนปรอยๆ... เชิญชวนให้ไปลอยกระทง .... หากแต่จันทร์และฉันคงไม่ได้เจอกันที่ริมตลิ่ง ลอยกระทงน้อยขอขมาพระแม่คงคาค่ำนี้ เสียงเพลง “ลอยกระทง” ทำให้เหลียวมองหา หยิบไวโอลินมาเล่นเพลงนี้ ให้ความสุนทรีย์ไม่น้อย แสงจากโคมที่ลอยขึ้นไป ทำให้ฟ้าคืนนี้เสมือนมีเพื่อนทักทาย ดูเป็นโคมสวย บ้างลอยกระจาย บ้างลอยเป็นสาย ริมชายฝั่งไปในทิศทางลม ร่วมผสมผสานไปกับบรรยากาศค่ำนี้ที่สองฝั่งคลอง กับการบรรจงวางกระทงน้อย ลอยไหลตามกันไป.. การเล่นเพลง "ลอยกระทง”… เพลงจะไพเราะหรือไม่ คงปราศจากการถูกประเมินใดๆ ขณะนั่งเล่นเพียงลำพัง แต่เบื้องหลังของ “ไวโอลิน” ที่กำลังเล่น ทำให้เพลง... “วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง...”..ดูจะไพเราะเป็นพิเศษ
สายไวโอลิน “4, 3, 2 และ 1” หรือ “ซอล เร ลา มี” แม้เพียงสี่สาย ก็มากมายยิ่งนักที่ฝึกการวางนิ้ว กำหนดเป็นตัวโน๊ต กำเนิดเป็นเสียงต่างๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กหญิงหัดเล่น “ซอ” ...ซึ่งเป็นคำที่ฉันเรียกไวโอลินเมื่อครั้งยังเล็กๆ..ที่พ่อเคยสอนไว้ ต่อมาการเรียกสายเสียงเหล่านี้เปลี่ยนไปเมื่อฝึกเรียนอ่านตัวโน๊ตสากล แต่ก็ยังคงเป็นสายเสียงเส้นเดิม
ภาพ...ขณะที่กำลังปรับสายไวโอลินและเปลี่ยนอุปกรณ์“หย่อง-bridge” ไวโอลินตัวที่ฉันเล่น สายตาที่มองกลับมายังฉัน เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตาปราณี พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า ไวโอลินตัวนี้... เสียงพร่า บางสายเสียงบอด ..พ่อจะปรับแต่ละสาย และ เปลี่ยน “หย่อง-bridge” เพื่อให้ได้เสียงใสไพเราะขึ้น ...ฉันได้แต่ สังเกต เฝ้ามองและเป็นลูกมือ เมื่อครั้งที่กลับไปเยี่ยมบ้านเดือนที่ผ่านมา.. ในขณะที่ครั้งก่อนๆ ฉันได้ฝึกเล่นเพลงบูรงกากากับพ่อ เป็นแบบฝึกหัดแรกที่เล่นดูโอ สนุกไม่น้อยเลย (บูรงกากา, Burung KaKa Tua: duo music lesson, Music appreciation 2)
หากย้อนไปเมื่อก่อน การปรับ/เปลี่ยนสายไวโอลิน เมื่อสายขาด หรือเสียงเพี้ยน หรือปรับ "หย่อง” พ่อใช้เวลาไม่มากนัก นั่นเป็นภาพตั้งแต่เมื่อครั้งจำความได้ ปัจจุบันนี้พ่ออายุ 80 ปีแล้วซิ ถึงแม้ท่านเตือนให้ยอมรับความจริงว่า “ทุกอย่างล้วนไม่จีรัง แม้สังขาร วัยล่วงเลยผ่าน ก็ย่อมทรุดโทรมเป็นธรรมดา ด้วยใช้มานาน”.. วันนั้นฉันสังเกตว่า "ข้อมือ”ที่เคยหักมาเมื่อครั้งวัยหนุ่มเพราะอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา ทำให้การใช้ข้อมือเล่นไวโอลินบ่อยต้องพันผ้า ฉะนั้นการจับและหมุนลูกบิดเพื่อปรับสายทีละน้อย..ไม่ง่ายเลย พ่อต้องใช้ประแจ “คีมล๊อค” ช่วย เพื่อล๊อคลูกบิดและให้จับด้ามคีม และค่อยๆหมุนบิดลูกบิดทีละน้อยเพื่อปรับสายเสียง ทุกๆสาย ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์มากขึ้ัน ...แต่พ่อก็ไม่ละความพยายาม..
พลังแห่งความรัก ความเมตตาของท่านต่อลูก สายสัมพันธ์ที่หล่อเลี้ยงกาย ใจและจิตวิญญาน ทำให้ห่วงหา ฉันมองพ่อพลาง พร้อมคอยดีดสายไวโอลินอีกตัวของพ่อ..เทียบเสียงไว้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในห้วงเวลาหนึ่ง แต่เป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ “สัจธรรม” กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ...ธรรมะ ที่เกิดขึ้นกำลังสอนฉันเช่นนั้น “ความพอดี ความลงตัวของเส้นเสียง” การเปลี่ยนแปลงของร่างกายพ่อตามวัย ความปรารถนาดีต่อบุตรีที่นั่งต่อหน้า แล้วพ่อหัหมาสัพยอกฉัน. ."พ่อ..เล่นไวโอลินมากว่า 60 ปีแล้วนะ "... ฝึกเอง เรียนเอง ซ่อมเอง..เพราะชอบ ...
"ยางสน".. นำมาใช้ถูหลายครั้งเพื่อให้สายคันชักซอทำงานได้ดีขณะสี ได้เตรียมพร้อม . ...“Home on the range” และ " Marines’ hymn".. สองเพลงที่พ่อลองเสียงไวโอลิน.. เล่นจบก็บอกว่า "พอใจที่ทำให้เสียงดีขึ้นมาก ดีใจที่ได้ปรับแต่งให้ แต่“หย่อง” ตัวนี้จะสูงกว่าเดิมเล็กน้อย การกดนิ้วแต่ละตัวโน้ตจะต่างไปจากเดิมบ้าง"...ฉันกราบที่ตักขอบพระคุณพ่อและบอกว่า .. ชอบเพลงที่เล่น ทำไมพ่อเล่นเพลงนี้?? ความประทับใจที่เล่าให้รับรู้ แม้กระทั่งชื่ออาจารย์ก็ยังจำได้ อาจารย์ที่สอนไว้เมื่อสมัยพ่อเป็นนักเรียนฝึกหัดครู วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาฯ. .ยังคงอยู่ในความทรงจำที่ชัดเจน... แม้เวลาล่วงผ่านมานาน สำหรับคนวัยปูนนี้ 80 ปี ต่อมาเพลงมาร์ชบ้านสมเด็จฯ ก็ถูกเล่นขึ้นมาให้ฟังอีก ประกอบการระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่สอนและสถานทีที่มากด้วยความทรงจำ...
จังหวะและเนื้อเพลง Marines’ hymn ….แว่บ..คิดถึงพี่ชายที่เคารพรักมากคนหนึ่ง.. พ่อกล่าวถึงประโยคในเนื้อร้องที่ท่านประทับใจ จำได้ ใช่เลย กับ คำที่เลือกใช้ บ่งชี้ คุณค่า หน้าที่ ความดี มีเอกภาพ “…First of fight for right and freedom and to keep our honour clean..”เราคุยกันนาน ฉันไม่เคยรู้จักเพลงนี้ ถามว่าทำไมต้องทริโปลี จากนั้นเพลง ”เขมรไทรโยค” และ โดยเฉพาะ ”ราตรีประดับดาว” ถูกนำมาเล่นบางส่วนให้ฟัง ฉันบอกว่า ฟังแล้วเศร้านะค่ะพ่อ ... จึงได้ฟังเรื่องเล่าประวัติของเพลงนี้ กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทางเพลงมอญทำให้ฟังแล้วเศร้าจริงๆ ...ต่อมาทางเพลงไทยเดิม " ลาว เขมร มอญ และแขก" ก็ได้ฟังเป็นลำดับไปเพื่อให้เปรียบเทียบ ...พ่อเล่าว่า สมัยก่อนมีวิชาเีรียน" Art appreciation" และ "Mental hygiene".. ฉันถามพ่อว่า ครูสอนอย่างไร?? น่าสนใจมาก ฉันทึ่งที่หลักสูตรสมัยโน้นสร้างคนให้เป็นคนดี มีสุนทรีย์ มีจิตใจงาม มีจิตวิญญาน ในการดำรงชีพ...นึกย้อนกลับมาตัวฉัน ในฐานะเป็นผู้สอน ..สะท้อนใจมาก...โดยเฉพาะ วิชา "mental hygiene " ชอบมาก..ซักถามพ่อมากมายว่าเค้าเรียนอะไรกัน..น่าประทับจริงๆ..เพียงได้ยินชื่อก็นึกถึงว่า course description วิชานี้จะเขียนว่าอย่างไร อยากเรียนด้วย
เพลง “Home on the range” มีเนื้อเพลงน่ารัก เป็นธรรมชาติดี ถึงแม้เป็นบรรยากาศของต่างชาติ แต่เมือจินตนาการตามไปก็รู้สึกสดชื่น ขณะที่พ่อเล่นไวโอลิน.. ฉันเปิดดูหาเพลงใน youtube จากแล็บท๊อบบนโต๊ะทำงานของพ่อที่ต่อกับ internet high speed รอไม่นานนัก ฉันร้องเพลงนี้คลอไป สัญญากับพ่อว่าจะฝึกเล่นเพลงนี้เมื่อกลับบ้านครั้งถัดไป
บรรยากาศวันนั้นอิ่มเอม..เติมพลังเต็มที่ พร้อมที่จะกลับจากบ้านไปทำงานไกลๆๆ ไกลพ่อ-แม่ ไกลพี่-น้อง .... เสียงหัวเราะและความสุขวันนั้นมีแม่อยู่ด้วยกัน ผุดขึ้นมาเติมเต็มค่ำนี้อีกครั้ง วันลอยกระทงปี’55 เมื่อฉันจับ "ไวโอลิน" ที่บ่มด้วยความรักของพ่อ ผ่านสายเสียง ขณะเล่นมี แสง สี จากโคมลอย ณ ชายฝั่งปัตตานี.. ทำให้เพลง"ลอยกระทง" ที่เล่นปีนี้ ..มีความหมายมากกว่าปีอื่นๆ
...ระลึกถึงพ่อ. .และในวาระที่...วันพ่อแห่งชาติ ใกล้เข้ามา...