บันทึกภาคสนาม (Field note) เป็นสิ่งที่พกติดตัวได้สะดวก สำหรับบันทึกข้อมูล เรื่องราวที่สนใจ ในเบื้องต้นหลายคนอาจจะบอกว่า ประโยชน์ของบันทึกโดยทั่วไปก็เพื่อกันลืม แต่หากมองย้อนกลับมาดู สักวันหนึ่งก็พบว่า บันทึกภาคสนามในการเฝ้าสังเกตสิ่งที่เราสนใจ ยังบ่งบอกเรื่องราว ที่มีคุณค่ามากมาย นอกจากทางวิชาการแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจในบางเรื่องอีกด้วย ..บันทึกภาคสนามจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย และควรฝึกให้ทำเป็นปกตินิสัย
การบันทึกทำได้อย่างไร ?? ...เรียกว่าเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้และฝึก การบันทึกอาจจะทำได้หลายระดับง่าย หรือ ซับซ้อน มีทั้งการเขียนบรรยายข้อมูลทั่วไป การวาดรูป การเขียนแผนผัง การเขียนแผนที่ความคิด (mind map) การทำตาราง เขียนกราฟ เป็นสิ่งที่บันทึกลงไปในหน้ากระดาษที่เตรียมไว้ เบื้องต้นฝึกให้เอาบันทึกติดตัว และเริ่มขีด เขียน วาดสิ่งที่ต้องการบันทึก
เริ่มต้นได้อย่างไร?? คงไม่ปฏิเสธว่า หากมองเห็นประโยชน์ในสิ่งที่ทำ จะช่วยผลักดันให้เรามีความสนุกในสิ่งต่างๆ ใช้ใจนำหน้าเสมอในการทำ เช่นเดียวกันขณะที่สังเกตจะเป็นไปด้วยความสุข เราก็บันทึกแบบมีความสุข นอกจากนี้สามารถออกแบบการบันทึกในภาคสนาม เพื่อนำไปต่อยอดงาน โดยการวิเคราะห์ และ สังเคราะห์ต่อไปได้
ทำให้ดี.. ทำอย่างไร ?? การสร้างแรงแจงจูง และแรงบันดาลใจ เป็นสิ่งที่นำไปสู่การริเริ่มสร้างสรรค์งานและพัฒนางานให้ดีขึ้นไป... Being inspired ….
ตัวอย่างบันทึกภาคสนามของ “เรเชล” เยาวชนคนเก่งที่ชนะการประกวดและได้รับรางวัล ในฐานะนักดูนกรุ่นเยาว์ ประจำปี 2010 เพิ่งประกาศผลไปไม่นานเมื่อปลายปี อ่านแล้วประทับใจ และด้วยพลังแห่งความคิดถึงสมาชิกบูรงตานีจึงนำมาฝาก ...เขียน เรียบเรียงและจับความมาให้อ่านเป็นภาคภาษาไทย พร้อมกับค้นหารูปมาให้ดูเพิ่มเิติม เพราะชนิดของนกต่างกันกับนกในเมืองไทย (ใครสนใจอ่านเรื่องราวฉบับเต็ม เชิญได้ที่นี่ http://www.birds.cornell.edu/roundrobin/2011/12/19/beginnings-a-young-birder-tells-us-how-she-got-started/)
ราเซล นักดูนกรุ่นเยาว์ เล่าเรื่อง..เบื้องหลังการดูนก และบันทึกภาคสนาม ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งแรงบันดาลใจ…โดนใจมาก.. นำมาฝากทุกคน
รู้จัก “เรเชล (Rachael Butek)” ...เจ้าของบันทึกซะก่อน... เรเชลเป็นเด็กสาวที่สนุกกับการสังเกต & สนใจเกี่ยวกับธรรมชาติ
นักเรียนระดับมัธยมปลายจากรัฐโอไฮโอ ประเทศ สหรัฐอเมริกา ด้วยอายุเพียง 16 ปี เป็นผู้ชนะเลิศ และได้รับรางวัลจากชมรมคนรักนกเมืองโอไฮโอ โดยเรเชล มีนิสัยส่วนตัวที่เหมาะกับการเป็นนักดูนกทีดี นั่นคือ ความช่างสังเกต ขณะเดียวกัน ชอบและสนใจสิ่งต่างๆ ของธรรมชาติอยู่รอบๆตัว เรเชลเล่าให้ฟังถึง...การเริ่มเป็นนักดูนก มีที่มาและเบื้องหลังเป็นอย่างไร ?? น่าสนุกทีเดียวเชียว.. ลองติดตาม.. "จับประเด็นในกระบวนการเรียนรู้่" เบื้องต้นจากการได้ร่วมงานกับกลุ่มอาสาสมัคร เฝ้าระวังนกที่นั่น ซึ่งมีส่วนในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรเชลมากจนทำให้ เป็นที่มาของการ ตัดสินใจส่งบันทึกภาคสนามเข้าประกวดในปี 2011
เรเชล..สนใจเกี่ยวกับนกตั้งแต่อายุ 16 ปี เริ่มจากการสังเกตนกกระจอกบริเวณใกล้บ้าน เล่าพลางราวกับจะบอกว่า เป็นการเริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัว และนกที่สนใจนั้น ในการเห็นครั้งแรกก็เป็นเพียงบอกได้ว่ามีสีน้ำตาล จนกระทั่งเมื่อใช้กล้องสองตา (binoculars) ของยายมาส่องดู ก็พบกับความตื่นเต้น สนุกและเพลิดเพลินไปกับรายละเอียดของนก เช่นสีตัวนก มีรายละเอียดมากขี้น มีเฉดสี หรือผสมๆกันของสีแดงอม ๆ น้ำตาลและ มีแถบคาด เพิ่มเป็นลักษณะเด่นของนกด้วย นกที่แสนจะเรียบง่าย และธรรมดาๆ ตัวนี้ที่เปลี่ยนชีวิตของ เรเชล..ให้ไม่ธรรมดาอีกต่อไป..:-))
ใจแน่วแน่ ไม่ย่อท้อ มีเป้าหมาย และกระบวนการเรียนรู้ที่ดี
เรเชลศึกษานกชนิดแรกที่ได้ส่องกล้องดู ให้รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยใช้คู่มือดูนกที่มีอยู่ หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของนกกระจอกที่พบได้ในบริเวณนั้น และถึงแม้ไม่มีความรู้มาก่อนก็ไม่ย่อท้อ มีความตั้งใจที่จะบอกให้ได้ว่า นกที่สนใจนั้นเป็นนกชนิดไหนกันแน่?? โดยใช้ข้อมูล ลักษณะเด่นที่ใช้จำแนก และระบุไว้ในคู่มือดูนก เป็นการฝึกจำแนกชนิดนกได้ดี ดูไปก็กำจัดรายละเอียดที่ไม่ใช่ออกไปทีละน้อย ๆ จนกระทั่งมีความชำนาญขึ้น ในที่สุดก็บอกได้ว่า นกกระจอกที่เห็นรอบบ้านแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะของการมี หรือไม่มีแถบใต้อก
จากนั้นศึกษาเพิ่มเติมด้วยการอ่าน ค้นคว้าและหารายละเอียดต่างๆ จากนั้นวางแผนเฝ้าติดตามสังเกตดูนกเพียง 1 ตัวในแต่ละครั้ง เพื่อใช้เวลาในการดูรายละเอียดแต่ละส่วนของนกให้มากขึ้น และแล้วหลังจากตรวจสอบตัดชนิดที่ไม่ใช่ออกไป เหลือจำนวนน้อยลง ความเป็นไปได้ก็งวดเข้ามา และสุดท้ายเหลือเพียง 1 ชนิด นั่นก็คือ นกกระจอกชนิด Song Sparrow ....ความทรงจำของราเชลเกี่ยวกับบทเรียนแห่งการฝึกจำแนกนกที่ได้ปฏิบัติ ทำให้เจ้าตัวภูมิใจในตัวเองทุกครั้งที่นึกถึง และพบว่าตนเองผูกพันกับนกกระจอกทุกตัว ที่อยู่รายล้อมรอบๆบ้าน และช่างจะเป็นนกกลุ่มที่เธอชอบมากเป็นพิเศษ.. ในขณะนั้น...
เรียนรู้ต่อยอด จากนกกระจอก.. ก้าวไปสู่การเรียนรู้นกอื่นๆ ...
จากนกกระจอกก็เพิ่มไปเป็นการศึกษานกกลุ่มนกกระจ้อย และนกชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น เรเชล สนใจและใช้เวลาในการดูนกมากขึ้น อีกทั้งได้บันทึกขนิดของนกที่เข้ามากินอาหารที่เตรียมในภาชนะที่ได้แขวนไว้นอกบ้าน (เพิ่มเติม: ในต่างประเทศจะมี bird feeder ขายเพื่อให้ผู้สนใจเอาไปแขวนไว้นอกบ้าน นกจะได้มีอาหารกิน โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว) ตลอดฤดูหนาวที่ยาวนาน และในอีก 6 เดือนต่อมาที่เฝ้าสังเกตทำให้ เรเชล รู้จักนกทุกชนิด จนกระทั่งเริ่มสังเกตความแตกต่างของกลุ่มไหน..ที่เป็นนกอพยพหรือประจำถิ่น เรเชลยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สังเกตเห็น American Redstart ในชีวิตของตัวเอง และรู้สึกตื่นเต้นมาก หลังจากที่เห็นจากภาพในคู่มือดูนกมาเป็นเวลานาน จากนั้นด้วยความแปลกใจ ที่พบว่าจริงๆแล้วนกชนิดนี้ก็อยู่ที่เมือง วิสคอนซิน. ส่วนเจ้านกตัวน้อยๆ สีเหลืองอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยบนต้นพลัม ซึ่งต่อมาจำแนกได้ทันทีว่าเป็น นกกระจ้อย (Cape May Warbler) จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง นกที่มีสีตัวเหลืองสด ส่วนที่หัวมีสีส้ม ขณะบินลงมาที่เสาซึ่งแขวนอาหารนกไว้ และจำแนกต่อมาได้ว่าเป็นนก Tanager ซึ่งเป็นนกหายากใน วิสคอนซิน ไม่รอช้าเรเชลได้รายงาน แจ้งการพบนกชนิดนี้ไปยังสมาคมฯ พร้อมกับกล่าวแบบถ่อมตนว่า ตอนแรกก็ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรมากมาย เพียงแค่มั่นใจว่าเป็นนกหายากชนิดนี้ และเหมือนกับรูปนกในคู่มือดูนก เรเชลเล่าเรื่องราวที่ชวนติดตามและสุดท้ายก็สรุปว่า การบันทึกในภาคสนามในขณะเริ่มต้นดูนกครั้งโน้น ก็ยังไม่เป็นเรื่องเป็นราว มากมายนัก...ถ้าเทียบกับปัจจุบัน
พลังจากแรงบันดาลใจ..และการขับเคลื่อนจากภายใน.. เริ่มด้วยตนเอง..
ในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะเริ่ม และเรียกได้ว่าตลอดระยะเวลาในช่วงที่อากาศดีที่สุดในรอบปี ก็หมดไปกับการดูนกที่จริงจัง อีกทั้งเรเชลได้รู้จักและเป็นปลื้มกับเรื่องราวที่เป็นพลังแห่งแรงบันดาลใจสำหรับตัวเองมาก เมื่อได้เรียนรู้และมีความประทับใจในการศึกษานก ที่เป็นไปได้ท่ามกลางงานประจำที่รัดตัวของ Margaret Morse Nice (เกิดในปี คศ. 1883) เพราะว่าถึงแม้มากาเรต จะทำหน้าที่เป็นภรรยาและทำงานบ้านที่เต็มไปด้วยภาระมากมาย แต่ก็ยังมีเวลาเสมอสำหรับการสังเกตและศึกษานกกระจอกชนิด Song Sparrow ในสวนรอบบ้าน และศึกษาเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกันถึง 8 ปี ซึ่งข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ เมื่อเผยแพร่ออกไป ได้รับการชื่นชมจากนักปักษีที่มีชื่อเสียงในอเมริกา (Ernst Mayr) ได้กล่าวแสดงความประทับใจว่า นับเป็นผลงานที่สร้างสรรค์และมาจากความสนใจ สังเกตและค้นคว้า จากคนธรรมดาๆ มิได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มากด้วยความรู้และเครื่องมือที่ครบครันเลย ดูราวจะเป็นการเริ่มยุคศตวรรษที่ 21ของวงการปักษีวิทยาในอเมริกาที่เดียว ทำให้เรเชลคิดว่าเธอก็น่าจะทำได้ เช่นกัน ..จึงได้เริ่มสังเกตนกที่รัง และตั้งชื่อโครงการนี้ว่า “The watcher at the nest” เรื่องราว ข้อมูล ที่ราเชลศึกษาเกี่ยวกับการเฝ้าดูนกที่รัง ก็ได้จดบันทึก และลงรายละเอียดไว้ในสมุดบันทึกภาคสนาม ทั้งนี้สไตล์การบันทึก ที่ดูง่ายแต่แฝงไปด้วยความน่าสนใจ ....จึงเป็นที่มาของการนำเสนอเพื่อที่ทุกคนจะได้เรียนรู้จาก เรเชล มากขึ้น
เรื่องราวเบื้องหลัง......ฤดูร้อนแห่งความสนุก
เรเชลได้ตัดสินใจส่งบันทึกภาคสนามเข้าประกวดในปีต่อมา ซึ่งจัดโดยสมาคมนักดูนกรุ่นเยาว์ของรัฐโอไฮโอ ..โดยนำเสนอประเด็น “บันทึกภาคสนามและแรงบันดาลใจจาก Margaret Morse Nice” มีขอบข่ายการศึกษานกในพื้นที่รอบบ้าน (10 เอเคอร์) ซึ่งมีมากพอที่จะศึกษานกต่างๆ ได้ โดยใช้เวลาตลอดทั้งฤดูร้อนปีนั้น ผลงานที่ได้ต้องยอมรับว่ามีความสมบูรณ์เป็น งานวิจัยชิ้นเล็กๆ 1 ชิ้น โดยวิธีการศึกษาและบันทึกภาคสนามนั้น เรเชล.. เริ่มด้วยการประเมินประชากร โดยนับจำนวนของนกบริเวณรอบๆบ้าน แต่ละวันในรอบ 1 สัปดาห์ ก็จะกำหนดไว้เพื่อนับนกกลุ่มๆ ต่างๆ เช่น วันพฤหัส เป็นวันนับนกกระจอกและ นกจาบปีกอ่อน (bunting) โดยเริ่มตั้งแต่เช้านับชนิดที่แตกต่างกัน จดบันทึกทั้งที่เห็นและได้ยินเสียง ทำเช่นนี้เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ ก็จะทำให้เห็นภาพว่า จำนวนประชากรของนกแต่ละชนิดที่พบอยู่ รายล้อม รอบๆบ้าน เพื่อประมาณจำนวน
ขณะที่การศึกษาเรื่องนกกำลังดำเนินไปด้วยดี ในช่วงฤดูร้อนนั้น กลับมีพายุโหมกระหน่ำและน้ำท่วมพื้นที่โดยรอบประมาณครึ่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงที่ราเชลอาศัย ทำให้มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดย้าย เปลี่ยนที่อยู่ เข้ามาอาศัยพื้นที่ใกล้เคียง จึงเป็นช่วงเหตุการณ์ที่นำไปสู่ การริเริ่มโครงงานวิจัยเล็กๆ (pond project) เกี่ยวกับ “ชีวิตในสระน้ำ และระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลง” หลังจากเกิดพายุและตามมาด้วยน้ำท่วม โดยศึกษาสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ทั้งหอยเล็กๆ รวมถึงนกอพยพ กลุ่มแซนไปเปอร์ (sandpiper) และที่น่าสนใจมากก็คือ นกกลุ่มนกน้ำ (Sora) คู่หนึ่งที่ทำให้เรเชลต้องเฝ้า สังเกตพฤติกรรม ขณะเดียวก็ได้ บันทึกพร้อมวาดภาพคร่าวๆ ของนกทั้งสองตัว โดยใช้เวลาในการเฝ้าสังเกตค่อนนานต่อเนื่องกันตลอดครึ่งวันเช้า
ไม่นานนัก เจ้านก Blue Jays เป็นอีกชนิดหนึ่งที่ศึกษา ด้วเพราะเรเชล..เพิ่งจะสังเกตได้ว่าเจ้านกน้อยบินเข้ามาเก็บ กลืนเมล็ดพืช (nut) และบินจากไป ..ทำให้เข้าใจว่าพฤติกรรมนกดังกล่าวน่าจะเป็นการเก็บอาหารเหล่านี้ไว้ในช่วงหน้าหนาว จึงเป็นที่มาของคำถามว่า เจ้านกชนิดนี้ Blue Jay จะกลืนเก็บเมล็ดได้กี่เมล็ดที่เก็บไว้ที่หลอดอาหารส่วนปลาย/กระเพาะ (crop) จึงได้เริ่มสังเกต พร้อมกับนับจำนวนไปด้วย ทำเช่นนี้ในเวลา 3-4 วันก็ได้ข้อสรุปว่า นกจะเก็บกลืนไปครั้งละ 2-3 เมล็ด/ครั้ง แต่ก็มีบางตัวที่โลภมากกลืนไป 5 เมล็ดก็มี
ฤดูร้อนแห่งความสนุก จวบจนฤดูใบไม้ผลิอีกครา ...รางวัล นักดูนกเยาวชนคนเก่ง ประจำปี
หลังจาก 1 ฤดูร้อนที่แสนจะสนุกผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรเชลได้รวบรวมสมุดบันทึกและส่งไปประกวด และในระหว่างนั้นก็ยังสังเกต บันทึกนกอย่างต่อเนื่อง และติดตามนกตัวโปรด Northern Shrike (นกอีเสือ) ในประเด็นที่เจ้านกชนิดนี้ค่อนข้างหวงอาณาเขต กีดกันไม่ให้นกตัวอื่นจะเข้ามากินอาหารที่แขวนไว้ ขณะเดียวกันเรเชล..ก็ยังสนใจ ติดตามการงอกขนใหม่ของนก Cardinals ซึ่งมากินอาหารที่เตรียมไว้ ซึ่งสังเกตได้ว่า ไม่มีขนหางนั่นเอง
จนกระทั่งวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ เราชล..รู้สึกดีใจ ยินดี และแปลกใจมาก เมื่อทราบว่า ตนเองเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น นักดูนกรุ่นเยาวชน ประจำปี 2010 ท่ามกลางโอกาสที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นก็มาจากสิ่งที่เรเชลได้ฝึกปฏิบัติ ที่เริ่มจากตนเอง โดยเฉพาะการได้รับเชิญเป็นพิเศษในการร่วมทีมใส่ห่วงขานก ของกลุ่มทีมวิจัยในบริเวณใกล้เคียง และได้รับการฝึกปฏิบัติเพิ่มเติมเทคนิคขั้นสูงที่ซับซ้อนขึ้นในการใส่ห่วงขานก หลังจากแรงบันดาลใจและการเรียนรู้เรื่องราวการศึกษานก Song sparrow ของ Margaret Morse Nice เรเชลกล่าวยอมรับว่า ตนเองให้ความสนใจและรักที่จะศึกษา งานวิจัยต่างๆทีเกี่ยวกับนก และเห็นว่า "การเริ่มต้นที่จะทำ ลงมือกระทำอะไรๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า.. ไม่ใช่เป็นเพราะตัวกิจกรรมที่ทำ"
เปลี่ยนมุมมอง แนวคิดของตนเอง และต่อชีวิตรอบข้าง
การรัก ชอบ และสังเกตดนกเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เปลี่ยนวิธีคิดและต่างมุมมอง ต่อสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ ขณะนี้เรเชลกำลังคิดวางแผนในการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย และเอ่ยถึงพร้อมขอบคุณมาการ์เรต ที่ได้ให้ข้อคิด ข้อเสนอแนะที่จุดประกายให้กับเรเชลมาก ด้วยคำพูดที่ว่า “ให้มองให้ลึกซึ้งในสิ่งที่ทำอยู่และ คิดใคร่ครวญให้ได้ว่ามีความหมายอะไรในสิ่งนั้น ” คำพูดเหล่านี้ทำให้เรเชล ย้อนกลับไปดูข้อมูลขณะการสังเกตนกกระจอก Song Sparrow พบว่าข้อมูลในบันทึกภาคสนาม สามารถสรุปได้ว่า เสียงร้องของนกชนิดนี้ประกอบด้วย 2 โน้ต, การฟักไข่ใช้เวลา 10-14 วัน และเป็นการดูแลฟักไข่ของนกทั้งเพศผู้และเมีย ทั้งหมดนี้มีทั้งที่ถูกและไม่ถูก ส่วนที่สรุปไม่ได้ก็ต้องสังเกตและศึกษาเพิ่มเติม..เป็นธรรมดา
ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความสุข.. เรเชล..มีความตั้งใจที่จะเรียนต่อสูงขึ้นในด้านที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ โดยเชื่อมั่นว่า...มีความสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ด้วยตนเองและแน่นอนว่า คงสร้างแตกต่างไปจากมุมมองเดิม เมื่อครั้งที่สังเกตนกต่างๆที่อาศัยอยู่รอบๆ บ้าน
...อ่านแล้วประทับใจตรงไหน ?? คิดเห็นอย่างไร?? …เชิญชวนร่วมแลกเปลี่ยนค่ะ จากนี้ไป ..แต่ละกลุ่มจะสร้างบันทึกภาคสนามอย่างไร ...กลุ่มใดจะมีผลงานนำเสนอได้..โดนใจบ้าง..รอชื่นชมค่ะ ?