ภาพ…..คลาคล่ำของผู้คนในตลาดใจกลางเมืองดูจะมากกว่าปกติในช่วงเฉลิมฉลองวันรายอฮัจจ์ยี (ตรุษอีดิลอัฏฮา) ที่ผ่านมา ท้องนภากระจ่างไร้เมฆายามค่ำคืน ด้วยแสงเดือนหงาย ที่จะกลายเป็นเดือนเต็มในวันพรุ่ง... เหลียวมองรอบกาย..ภาพการป้องกันและรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มข้นด้วยเหล่าพี่น้องทหารหาญ หลายนายยืนเฝ้าระวังหรือเป็นกำแพงมนุษย์ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งย้อนหลังไปก่อน ปี 2547 ที่นี่ผู้คนมาเที่ยวตลาดกลางคืน...อย่างวิถีง่ายๆ ผ่อนคลาย หลายชีวิตในครอบครัวต่างพากันออกมาเลือกดู แวะชม ชื้อขนมหรือนั่งทานอาหารยามค่ำคืน บริเวณที่เรียกกันว่า “ตลาดโต้รุ่ง”
เสียง…..ใสๆหวานๆปนเศร้าค่ำนี้ กอปรกับแสงจันทร์นวล บรรยากาศชวนฝัน เสียงเสนาะช่างน่าฟัง..คะเนว่าเป็นเสียงจากเครื่องสาย ส่งผ่านมาทักทายสื่อถึงกัน แม้ได้ยินจากไกลๆ ฤา..เสียงนี้จะสื่อ เสริมความเศร้าที่คละเคล้าไปกับบรรยากาศในพื้นที่ปักษ์ใต้ตอนล่างขณะนี้ ต้นกำเนิดเสียงที่เศร้าสร้อย เจ้าอยู่ในตำแหน่งใด?? เสียงเชิญชวนยิ่งนัก จักต้องไปให้กำลังใจถึงที่...ใครหนอ?? ช่างเล่นดนตรีชิ้นนี้
รสชาติ.....ล้วนอร่อยแลอิ่มท้อง มองผ่านอาหารในตลาดโต้รุ่ง ที่ได้รับการปรุงหลากหลายเมนูที่สนนมาขาย กระทบสายตายั่วยวน ชวนให้ชิม บอกกะตัวเองว่า ไม่ใช่ตอนนี้ ...ขณะเดินมุ่งหาเสียงที่ช่างจะพลิ้วไหวหวาน มากพลังดีงดูดให้เข้าใกล้ ....โน่นไงหล่ะ.....อ่อ อี๋ ออ...“ซอสองสาย”.....บอกได้ว่าไม่ใช่ “ซอด้วง”หรือ “ซออู้”..ที่รู้จักของไทยเรา แต่คล้ายกับซอด้วงของเรามาก ทั้งลักษณะการเล่น รูปร่าง จำนวนสายซอ และคันชักซอ ??
ความสุข.....ที่ส่งผ่านเส้นเสียงขณะบรรเลงเพลงจาก “ซอสองสาย” ...เจ้าของซอ...เป็นชายวัยกลางคน ทันทีที่ก้มมองใกล้ๆกันด้านหน้ามีหมวกรองรับความพึงใจที่ให้เป็นรางวัลแด่คนช่างฝัน...อุ๊ปส์ ช่างบรรเลงเป็นเพลง “เล่นดนเตรี...เปิดหมวก” อย่างที่เรียกกัน เราร่วมเป็นกำลังใจตามด้วยรางวัลส่วนหนึ่ง มอบให้พร้อมกล่าวคำชมเจ้าของซอขณะบรรเลง บอกให้ได้ยินว่า “ไพเราะและเศร้ามากเลย...เพลงที่เล่น” เขาผู้นี้...ยกมือไหว้ตอบพร้อมบอกขอบคุณ ทั้งเสียงที่ได้ยินและท่าทางการรับไหว้ อากับกริยาเช่นนี้ทราบทันใดว่า“ไม่ใช่คนไทย” เราต่างพร้อมใจกันยืนชื่นชมกับเสียง เพลงแล้วเพลงเล่าถูกเลือกมาสร้างความสุขให้กับผู้คนที่ผ่านมาในตลาด ซึ่งน้อยคนนักจะสนใจเพราะต่างเร่งรีบหาซื้ออาหารในค่ำคืนนั้น อีกทั้งข่าวสารบ้านเมืองต่างเตือนในระวังสถานการณ์ภัยคุกคามในช่วงนี้
สุนทรียะ....แห่งเส้นเสียง.. มีทั้งเพลงที่เรารู้จักคุ้นเคยและแน่นอนเพลงที่ไม่รู้จัก แต่ทุกเพลงไพเราะทั้งลีลาผนวกความหวานๆเศร้าๆผ่านสายซอ แม้เพียงสองสายแต่มากมายตัวโน๊ต ซึ่งผู้เล่นบรรจงแต้มเติมด้วยจังหวะ การเล่นซอ...แม้เพียงคนเดียวก็สร้างความอิ่มเอมใจยิ่งนักได้ขออนุญาตสัมผัส “ซอสองสาย” ดูสายเสียงพร้อมส่งภาษาใบ้ใช้มือ บอกว่าเราเล่นไวโอลินได้นะแต่ใช้ 4 สาย เพ่งมองตัวอักษรบนตัวซอ ร้องอ๋อบอกผองเพื่อนว่า “ตัวอักษรจีน”..แต่เสียดายไม่รู้ความหมาย ฉันขอดูระยะใกล้ชิด และขออนุญาตถ่ายรูปขณะบรรเลง เจ้าของซอยิ้ม...(เสียงจาก..ความดี มีเมตตา สื่อให้รับรู้ได้ว่า your wishes granted :-))....
ภาษาดนตรี...มหัศจรรย์ยิ่งนัก ภาษาสื่อรัก บ่งบอกอารมณ์ เชื่อมความสุนทรียแห่ง มนุษยชาติ ให้อยู่ร่วมกันได้ แม้ต่างชาติต่างศรัทธาความเชื่อ สำหรับบางคนอาจลืมความชัง ความแค้น ความไม่พอใจไปชั่วขณะ ค่ำนั้นเราทั้งหมดยังปักหลักยืนฟังให้กำลังใจชายต่างแดนผู้นี้ คิดถึงคำกล่าวที่สะท้อนความจริงของผู้คนที่สิ้นชาติหรือกลุ่มชนพลัดถิ่น ... “ถึงชาติจะแตกสลายแต่ภาษาวัฒนธรรมยังคงถูกรักษาไว้ได้ ถ่ายทอดผ่านผู้คน…ก็ยังคงบ่งบอกชาติ & เผ่าพันธุ์” ในทางกลับกันชนใดชาติมีอยู่ก็คงช่วยกันเชิดชู เรียนรู้ ชื่นชมและเห็นคุณค่า ในภาษาและวัฒนธรรมประจำชาตินั้นๆ...เอ.บอกใครเนี่ย??
ณ. เวทีชีวิตยามค่ำคืนนี้ โปรแกรมมิทราบล่วงหน้า วันเวลามิได้นัดหมาย “ซอสองสาย” บรรเลงเดี่ยว จากนักดนตรีนิรนาม เสียงผ่านเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กแต่ทว่าทรงพลังได้ยินทั่วตลาด พาดสะพายแนบติดตัวผู้เล่น สังเกตเห็นว่าได้ปรับระดับความดังเป็นครั้งคราวให้เหมาะสมกับเพลงที่บรรเลง ผู้ชม 5 คนหนึ่งในนั้นคือ ตัวฉันยืนแถวหน้าและผองเพื่อนอีก 3 คน พร้อมกับแขกผู้มีเกียรติหนึ่งท่านที่ยืนชมอยู่ก่อนแล้ว...เราต่างยิ้มทักทายเป็นอันรู้กันว่า ชื่นชมในเสียงบรรเลง
เขาผู้นี้เป็นใคร มีเบื้องหลังอย่างไร ไม่มีใครทราบและคงไม่สำคัญ ..รู้ได้แต่เพียงว่าในพื้นที่แห่งนั้น วันนั้นท่ามกลางมาตรการคุ้มเข้มรักษาความปลอดภัยที่สั่งตรงมายังพื้นที่ เรายังมีเสียงดนตรีจากเพื่อนต่างถิ่น ต่างแดนมาช่วยขับกล่อม ผ่อนคลายบรรยากาศ ประกาศความเป็นพื้นที่สากล ...ดนตรี ที่ไร้พรหมแดน…
“เจ้าพ่อเชี่ยงไฮ้” เสียงเพลงดังขึ้น เราต่างร้องอ๋อ แสดงทีท่าว่ารู้จัก... เพลงดังฟังมาตั้งแต่วัยเด็กจากหนังจีนแอ๊คชั่น ฉันฮัมคลอทำนองไปจนจบเพลง ฉุกคิดว่าเวอร์ชั่นนี้ให้ความละมุนดี แปลกจากที่เคยได้ยินสมัยดูหนังวัยรุ่น ระหว่างพักได้ชวนคุยสานสัมพันธ์…participationกันสักหน่อย..เผื่อสื่อสารด้วยภาษาอื่นได้บ้าง จึงรู้ว่าเขาผู้นี้พูดภาษาไทยและอื่นๆไม่ได้ยกเว้นภาษาดนตรี ที่เป็นภาษาสากลไม่นานนักมีผู้ชมเพิ่มขึ้น หลังจากที่เราบอกข้อสังเกตว่าที่ซอมีอักษรจีน อาจเป็นคนจีน..หรือปล่าว??
ที่ปัตตานี เราไทย-จีนใช่อื่นใดสายสัมพันธ์รักแน่นแฟ้น ตำนานของ “เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว-ลิ่มโต๊ะเคี่ยม” สุสานเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว มัสยิดกรือเซะ ต่างล้วนมีเรื่องราวของสายสัมพันธ์ความรัก ความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ เราต่างทราบกันดี ศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนที่นี่และผู้คนเชื้อสายจีนใกล้-ไกล-ในและนอกประเทศ ต่างมาเคารพกราบไหว้) มิแปลกใจที่ได้ยินเสียงกล่าวทักทายด้วยภาษาจีนจากผู้ชมที่เข้ามาสมทบ เจ้าของซอ...ตอบกลับมา สื่อสารกันแบบกระท่อนกระแท่นพอได้ความ หัวเราะสนุกสนานกันถ้วนทั่วท่านผู้นี้มาจากจีน ...ถึงบางอ้อว่าทำไม?? เลือกเล่นเพลงจีนเป็นส่วนใหญ่
“ลอยกระทง”…..เป็นเพลงถัดมาเพลงนี้การันตีว่าความร่วมสมัยใครๆก็รู้จัก .เพราะในแถบภูมิภาคนี้โดยเฉพาะในอาเซียนมักจะร้องเพลงนี้ได้ โดยส่วนตัวเล่นไวโอลินเพลงนี้ได้ และเคยร้องแจมกับเพื่อนๆชาวอาเซี่ยน ครั้งนี้เลยช่วยร้องคลอให้ มิอายผู้คนที่ผ่านไปมา คิดเสียว่าเพียงเพื่อสานสัมพันธ์ไทย-จีนสไตล์พื้นบ้าน ผ่านเครื่องเล่น “ ซอสองสาย เอ้อหู??”..บรรยากาศครื้นเครงขึ้น....นึกในใจว่าคงฝึกเล่นเพลงนี้เพื่อผู้ชมคนไทย ช่างเข้าใจเลือก...แหม เทศกาลนี้ก็ใกล้เข้ามาแล้วเชียว...
“เทียน มี มี่”… โอ๊โอ๋...ปรบมือให้... หนึ่งในเพลงจีนที่โปรดทีเดียวเชียว...เนื้อเพลงกล่าวถึง...“รอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง ของนางในฝัน” บรรจุเต็มไปด้วยเรื่องราวสวยงามและความฝัน.....ยิ่งจะชวนให้หวานปนเศร้ายิ่งขึ้น...ได้ยินเจ้าของซอพูดว่า “หว่ออ้ายหนี่”ก่อนเริ่มเล่นเพลงนี้ ...เชื่อว่าหลายคนรู้จักความหมาย...ช่างเลือกสรรมานำเสนอ เพลงจบจึงกล่าวคำขอบคุณ “เซี่ยเซี่ยหนี่” ซึ่งจะเป็นเพียงจำนวนคำไม่ถึง 5 คำใช้สื่อสารเพิ่มความสนุกสนานซึ่ง “ครูพื้นที่” ฝึกไว้เมื่อเพื่อนชาวจีนสอนให้...รวมถึง “หนีห่าว, สวัสดี”... ถึงช่วงเวลาที่เราบอกลา ขณะเดินจากมาเสียงซอค่อยๆแผ่วเบาไป หากแต่ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ เผลอฮัมออกมาเป็นเพลงขณะขับรถกลับนิวาสสถานมอ. บอกกะตัวเองว่า คงต้องเล่นไวโอลินเพลงนี้บ้างแล้วหล่ะ...เถียนมีมี่ คืนนี้ช่างจุดประกาย:-))
ก่อนจากมา...แม่ค้าชาวโต้รุ่ง ชื่นชมในความไพเราะที่ได้ยิน แต่มิวายแอบกระซิบถามเรา กลุ่มผู้ชมที่อยู่นานที่สุดว่า “เล่นจริงหรือเปิดเสียงจากเครื่องเล่น?? ” เราตอบยืนยัน...เล่นสด เล่นจริง เล่นจากใจ เล่นให้เราคนไทยฟัง.....เขาไม่ใช่คนไทยนะ แต่ร้องเพลงไทย สร้างความรื่นรมย์ให้คนไทยที่เมืองไทยถิ่นใต้ โปรดให้กำลังใจเขาบ้างหากทำได้..ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...เพื่อเพื่อนร่วมโลกใบน้อย..
ค่ำนั้น...จึงเป็นการปรุงแต่งและรับรู้สภาวะธรรมตามที่เห็น เป็นทะลแห่งสัจจะสมมุติที่ยังคงเวียนว่ายอยู่ ระคนกันไป ทั้งภาพ เสียง รสชาติ ความสุข สุนทรีย ภาษาดนตรี ณ. เวทีชีวิตที่นี่ ตลาดโต้รุ่งใจกลางเมืองปัตตานี ในคืนเดือนจันทร์ฉาย ที่มากมายด้วยทหารรายรอบ....
หวังไว้ว่าความอ่อนโยน ละมุนละไม ไม่ว่าจากธรรมชาติที่พิสุทธิ์ หรือจากเสียงเพลงผ่านเส้นสายซอ คงจะช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้คนที่นี่ ให้กลับมามีวิถี่เคยเป็น เคยอยู่ร่วมอย่างสันติสุข ท่ามกลางความแตกต่างในแดนใต้ถิ่นนี้...ปัตตานีที่รัก
นักดนตรีนิรนาม..ดนตรีไร้พรหมแดน..ณ เวทีชีวิต ค่ำนี้..ที่ปัตตานี...