เว็บไซต์บูรงตานี ได้เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับคุณครู จำนวน 37 คน จาก 34 โรงเรียนในเขตพื้นที่จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ที่เข้าร่วมอบรมครูผู้สอนชีววิทยา ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วันที่ 25-29 เมย. 2554 ส่วนหนึ่งของกิจกรรมได้ใช้พื้นที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนเป็นแหล่งเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติการ โดยมีวิทยากรหลักคือคุณสมศักดิ์บัวทิพย์ และ ผศ. ดร. วรรณชไม การถนัด
“ครู”คำสั้น ๆ ที่เปล่งออกจากใจของศิษย์ แฝงไว้ด้วยความยิ่งใหญ่ ในหน้าที่และความรับผิดชอบ ใครได้รับการเรียกขานว่า “ครู” คงไม่ปฏิเสธถึงความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้ "ครูเพื่อศิษย์" ในปัจจุบันจึงเป็นวาระที่สำคัญของชาติ ดังที่ท่านอาจารย์ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช อดีตอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ท่านได้เสนอแนวคิดไว้
ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุดหน้า การศึกษาก็ควรจะเป็นเช่นเดียวกัน แนวคิดของการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (21st century) มุ่งเน้นที่จะเตรียมความพร้อมของผู้เรียน ให้รองรับกับการความเป็นอยู่ในยุคแห่งการเรียนรู้ ต่างจาการผลผลิตที่ป้อนผู้เรียนเพื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอดีตไปเมื่อไม่นาน ทักษะต่าง ๆที่ปรับเปลี่ยนไป รวมถึงทักษะ ICT เข้ามามีบทบาทต่อการเรียนรู้ และการดำรงชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเองตลอดชีวิต โดยสามารถเข้าถึงฐานข้อมูล แหล่งเรียนรู้ที่รวบรวมไว้เป็นระบบได้อย่างรวดเร็ว ด้านคุณธรรม จริยธรรม ที่จะต้องบ่มเพาะก็ต้องให้รู้เท่าทันกับยุคสมัย จึงมีวาระว่า “ครูเพื่อศิษย์ในยุคสมัยนี้ควรเป็นอย่างไร ??” ครูจะวิ่งตามกระแสโลกก็คงไม่ใช่ ครั้นจะอยู่นิ่งกับที่ก็ไม่เชิง มีคำถามชวนคิดว่า "ครูจะหาความพอดีท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร"?? เพื่อให้ยังคงมีคุณภาพการศึกษาที่ดี ที่ปัจจุบันหลายคนต่างแสดงออกบ่งบอกความเป็นห่วง
เรื่องราวต่างๆถูกนำเสอน เสียงพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด ถามไถ่ข่าวคราวของเพื่อนครูที่เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ สื่อให้เห็นถึง “หัวใจของครูเพื่อศิษย์”ยังคงไม่มอดไป ท่ามกลางความผันผวนของการดำรงชีวิต โดยเฉพาะพื้นที่ปักษ์ใต้ตอนล่าง มีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องการจัดการศึกษา นักเรียนที่เรียนทางวิทยาศาสตร์ใช้เวลาในการฝึกทักษะปฏิบัติการไม่ได้มากเท่าที่ควร ส่วนใหญ่เนื่องด้วยจะต้องแบ่งเวลาให้เหมาะสมในการเรียนรู้ทางโลกและทางธรรม กล่าวคือวิชาศาสนาและวิชาสามัญ ดูจะเป็นประเด็นที่นำมาขบคิดร่วมกันว่า ครูจะมีการจัดการเรียนการสอนอย่างไร?? คณะครูได้ร่วมกันสะท้อนความจริง ด้านการจัดการเรียนการสอน เทคนิคการสอน การประเมินผลเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ด้านต่างๆ ของนักเรียน
การได้พบปะกันอีกครั้งเมื่อทำหน้าที่วิทยากรก็รู้สึกยินดีไม่น้อย ไม่เพียงแต่ได้พบเจอเพื่อน พี่ น้อง หรือสมาชิกใหม่ ผู้ร่วมพันธะกิจเดียวกัน ยังได้ถามไถ่สารทุกข์ด้วยความเป็นห่วง และสร้างความคุ้นเคยประสาเจ้าบ้านมีต่อผู้มาเยือน จะต่างกันก็เพียงแต่ขอบข่ายหน้าที่ความรับผิดชอบไปตามบริบท หากแต่ปณิธานสูงสุดในความเป็นครูคงคล้ายกัน ด้วยคิดถึงผลประโยชน์ของศิษย์เป็นสำคัญ เกิิดเป็นโจทย์ขึ้นมาว่า "ทำอย่างไรที่จะมีส่วนช่วยเสริม เป็นกำลังใจ ให้ครู พร้อมที่จะให้ทำหน้าที่ต่อไป อย่างมีความพลัง มีความสุขและเปี่ยมไปด้วยศรัทธาในวิชาชีพ"??
ทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้คือการสร้างพลังในกลุ่มครู (empowering mind & tools) ด้วยการสร้างสรรค์พื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนแบ่งปันกัน เพื่อหนุนเสริมและต่อยอดในสิ่งที่ทำได้ เป็นคำตอบที่น่าจะเป็นทิศทางของ “ครูเพื่อศิษย์”ที่จะร่วมกันพัฒนาไปพร้อมกันทั้งระบบ กล่าวคือในฐานะผู้สอน นอกจากจะช่วยกันพัฒนาเทคนิคต่างๆแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ บนฐานขององค์ความรู้ของท้องถิ่น ผลที่ได้มีส่วนส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ทั้งผลสัมฤทธิ์ด้านวิชาการแล้ว การเชื่อมโยงความรัก ความผูกพันท้องถิ่นและบ้านเกิดของตนเองด้วยอีกทางหนึ่ง
"ชาวบูรงตานี" ได้ร่วมเสนอทางเลือกสำหรับครู โดยใช้เส้นทางศึกษาธรรชาติ ป่าชายเลน มอ. ปัตตานี นำเสนอการเรียนรู้สัมผัสได้จริง ลงมือปฏิบัติได้ทั้งเรื่องนกและป่าไม้ ณ. บริเวณชายฝั่ง ที่สายลมพัดมาปะทะช่วยคลายความร้อนได้บ้างขณะชื่นชม เรียนรู้พืชพรรณในป่าชายเลน บริเวณหอดูนก และได้ร่วมปฏิบัติการใส่ห่วงขานก โดยเน้นกระบวนการศึกษา ตั้งแต่วิธีการได้มาซึ่งข้อมูล เริ่มตั้งแต่ วิธีการวางตาข่าย การจัดจำแนกชนิดนก การใส่ห่วงขา การชั่งน้ำหนักและวัดข้อมูลประจำตัวนก การเก็บตัวอย่างเลือดนก ศึกษาแหล่งอาหาร องค์ประกอบของระบบนิเวศชายฝั่งที่มีแนวป่าชายเลน หลังจากนั้น "เพลงป่าชายเลน" ก็ถูกนำเสนอให้กับคุณครูได้ร่วมกันขับขาน เนื้่อเพลงบ่งชี้ประโยชน์นาๆ ของป่าชายเลน ขั้้นตอนถัดมาชี้ให้เห็นการรวบรวมองค์ความรู้ที่ได้มา โดยการจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติและเครือข่ายเรียนรู้ท้องถิ่น คณะวทท. และรวบรวมในรูปของ เว็บไซต์
ใช้เทคนิคการเล่า (success story) ให้เห็นว่าเว็บไซต์บูรงตานีมีความเป็นมาอย่างไร? เพื่อให้มองเห็นว่า การจัดการความรู้ (knowledge management, KM) มีความสำคัญ เข้ามาอยู่ในวิถีแห่งความเป็นครูในยุคปัจจุบันและต่อไป แท้จริงแล้วเกิดจากความร่วมมือของทีมงานพิพิธภัณฑ์ฯ คณะ วทท และฝ่ายเทคโนโลยีนวัตกรรมการศึกษา สำนักวิทยบริการ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำหรับผู้สนใจและรวมทั้งนักเรียนและนักศึกษาต่อไป เราชี้ให้เห็นถึงกระบวนการทำงานของทีม โดยเราชาวบูรงตานีมีทีมเก็บรวบรวมองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ และปฏิบัติต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลา 3 ปี (2551-ปัจจุบัน) ก่อนที่ทีมนวัตกรรมเทคโนโลยี่การศึกษาจะรวบรวมในรูปแบบที่สะดวกใช้ในการสืบค้นและเรียนรู้ “เว็บไซต์บูรงตานี” จึงเปิดใช้งานและพัฒนาต่อเนื่องตั้งแต่ กันยายน 2553 เป็นต้นมา
ชาวบูรงตานียินดีและพร้อมจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง "ครูเพื่อศิษย์" เป็นเวทีสาธารณะในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในท้องถิ่น....... เราจะเดินไปด้วยกัน