เช้าที่สดใสวันหนึ่ง...ในใจของทุกคนวันนี้... เฉกเช่นทุกวันเราทำความดีให้คงอยู่แต่วันนี้เราน้อมถวายแด่พ่อหลวง เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ2555... พระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อ ..ความกินอยู่อย่างพอดี พอเพียง ของปวงประชา..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ ดิน ฝน ป่า.ฯลฯ.. ทรัพยากรอันมีค่า...เราต่างทราบถึงความห่วงใยที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย.....ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน..ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ...สมาชิกเว็บไซต์บูรงตานี
วันนี้เราต่างพกพาพลังเต็มเปี่ยม ที่จะนำ "ต้นกล้าไม้" ไปปลูกในพื้นที่ ต้นกล้า “ขี้เหล็ก” จำนวน 100 ต้น ที่ผ่านการบ่มเพาะด้วยเราเองโดยเริ่มจาก “เมล็ด” ทั้งหมดถูกนำมาเพาะพันธุ์ไว้ในถุง วันเวลาล่วงไป ..ใบน้อยๆก็โผล่ออกมารับแสงตะวัน ลำต้นงอกมาให้เห็น กิ่งก้านเริ่มจะยืดยาวและเพิ่มจำนวน ความสูงก็นับวันจะมีมากขึ้น รอวันเติบใหญ่ กล้าพันธุ์ทั้งหมดเก็บและดูแลไว้ในเรือนเพาะชำ วันนี้ถึงเวลาจะได้ออกไปผจญภัย ในโลกกว้างภายใต้สภาพธรรมชาติ ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด แข็งแกร่ง เติบโตเป็นไม้ใหญ่ต่อไป ..นั่นคือความตั้งใจของพวกเรา ชาวบูรงตานี...“ต้นกล้า รักษ์โลก"..
ต้นขี้เหล็ก..พบเจอได้ง่าย ดอกมีสีเหลือง ..ตามสีวันพระราชสมภพ..กล้าขี้เหล็กที่เราปลูก หากออกดอกคราใดคงสว่างไสวในใจปวงประชาและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงเป็นกล้าไม้ ที่วันนี้นำมาปลูกเพื่อถวายพ่อหลวง และฝากไว้ที่หมู่บ้านนาค้อใต้ ไว้ให้ชาวประชา ข้าแผ่นดินของพระองค์ท่านเก็บกิน ตามประสาวิถีชีวิตกินอยู่แบบพอดี ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง..
หมู่บ้านนาค้อใต้ อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี เป็นพื้นที่ที่เราเลือกปลูกต้นขี้เหล็ก ทีมีระบบนิเวศเป็นป่าเขา มีน้ำตกทรายขาวที่หล่อเลี้ยงชีวี ส่งผ่านน้ำลงไปในคลอง มีระบบคูถ่าย นำน้ำเข้านา จึงเห็นว่า พื้นที่บ้านนาค้อใต้นอกจากจะมีสวนผลไม้แล้ว ยังมีการทำนาค่อนข้างมาก เรานำต้นกล้าไปปลูกที่นั่น แม้เพียงจำนวนไม่มาก แต่ก่อให้เกิดความผูกพันกันเป็นเครือข่าย เห็นความสำคัญของปลูก พร้อมๆกับการดูแลรักษาต้นไม้ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น การเลือกจะปลูกพืชอะไร ในหมู่บ้านก็ชวนคิดไม่น้อย และมาลงตัวที่ความคิดว่า ปลูกพืชที่ทุกคน นำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะทำอาหารได้…(ยอดขี้เหล็ก.. ปูโจ๊ะฆีเละ หรือ ปูโจ๊ะยะฮา ภาษามลายูถิ่น)..ยอดนำไปทำแกงขี้เหล็ก..ใส่กระทิและปลาย่าง..รสชาติอร่อยไม่น้อย หากใครชอบ:-))
ก่อนที่จะปลูก “ต้นขี้เหล็ก” เรา 30 คน นักศึกษา ป ตรี วิชาเอกชีววิทยา ป โท และทีมงาน นั่งพูดคุยหน้ามัสยิดไปพร้อมๆกับหลายคนที่ไม่แสดงตน และบรรพชนที่รับรู้ได้ เราร่วมพูดคุยเกี่ยวกับ ความสำคัญของต้นไม้ กล้าไม้ การปลูกและการติดตามดูแล เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปลูกวันนี้ พูดคุยถึงประโยชน์ของต้นไม้ โดยเฉพาะวันนี้เล่าเรื่อง การใช้ประโยชน์จากต้นขี้เหล็ก ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้กันว่า ยอดขี้เหล็กและดอกขี้เหล็กนำมาใช้ได้ เป็นพืชสมุนไพร มีความขม บางคนที่มาในวันนี้ไม่รับประทานแกงขี้เหล็กเพราะรสขม บางพื้นที่ใช้ดอกอย่างเดียว บางพื้นที่ใช้ทั้งดอกและใบ ในขณะที่ภาคใต้ตอนล่างมักจะใช้ใบขี้เหล็กในการทำอาหาร ทุกคนรู้ว่า ก่อนจะนำไปใช้ทำแกง ขี้เหล็กไม่ว่าจะเป็นใบ หรือดอกจะต้องผ่านการต้มและเทน้ำิทิ้ง สักสองครั้ง เพื่อลดความขม และให้รสชาติกลมกล่อมในเมนูที่จะนำไปใช้ ต้นขี้เหล็กในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะถุกตัดแต่งเพื่อไม่ให้ต้นสูงเกินไป ตัดยอด แต่งกิ่งเพื่อความเหมาะสมที่จะเป็นพืชสองข้างทาง ริมถนน...
แกนนำเยาวชนในหมู่บ้าน “แบดีน” หรือ..ดีน ที่ผู้ใหญ่เรียกขาน.. ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจ ..ทำไมจึงคิดจะปลูกต้น.. ขี้เหล็ก.??. ซึ่งเป็นที่แปลกใจ ว่าก่อนหน้านี้ ไม่มีต้นขี้เหล็กในหมู่บ้าน เมือจะทำแกงขี้เหล็กก็ต้องไปเก็บจากที่อื่น หากได้ร่วมกันปลูกไว้ในพื้นที่สาธารณะ ทุกคนเข้าใช้ประโยชน์ได้ ก็คงดีไม่น้อย ..พื้นที่ ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านจึงเป็นที่ตกลงกันของสมาชิกว่าจะใช้ปลูกต้นขี้เหล็กในระยะแรก ขณะนี้หลังจากปลูกร่วมกันมาระยะเวลาหนึ่ง ปัจจุบันมีต้นขี้เหล็กเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 130 ต้นในบริเวณต่างๆของหมู่บ้าน..น่าภูิมิใจไม่น้อย
แต่..จะใครจะทราบบ้างว่า เบื้องหลังของต้นขี้เหล็ก ที่สมาชิกในหมู่บ้านได้เก็บยอดไปทำอาหารในปัจจุบันนั้น ตลอดระยะเวลา 7 ปี ได้ผ่านทักษะชีวิตที่ต้องเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน ลองผิดลองถูกทั้ง “คน และต้นไม้” หากแต่เป็นเพราะคนได้พี่งพาต้นไม้ ไม่ว่าจะ กินได้ ให้ร่มเงา ให้ออกซิเจน ฯลฯ ทำให้เห็นคุณค่า จึงได้ขยายเครือข่าย หลายคนให้ความร่วมมือมากขึ้นเมื่อมีการปลูกครั้งต่อๆ มา
ดีน..เล่าว่า ..ทุกครั้งที่กลับเข้าหมู่บ้านจะมีความสุข เมื่อเห็นต้นกล้าขี้เหล็กที่ได้ผ่านชีวิต เติบโตมาและยังคงโตต่อไป มีผู้คนเก็บยอดไปใช้ นั่นคือความรัก..ที่ได้มอบให้กับหมู่บ้าน ใช้ต้นไม้เป็นตัวผสานความรัก ความเข้าใจของผู้คน ด้วยการร่วมกันปลูกต้นขี้เหล็ก ซึ่งหากได้มองอย่างใคร่ครวญก็จะพบว่า เป็นกุศโลบายเบื้องต้นคือ คือใช้ต้นไม้ สร้างเครือข่าย และผูกเพื่อน บางครั้งการสร้างความเข้าใจในเบื้องต้นใช้เวลานาน หากแต่ต่อมาก็จะทำงานร่วมก้นบนฐานของความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจก้นมากขึ้น..ความสุขของการให้โดยไม่เจาะจงแก่ผู้ใด..ให้กับแผ่นดิน บ้านเกิด ..ให้โลก
โต๊ะอิหม่าม..ผู้นำทางจิตวิญญาณของหมู่บ้าน ให้ความสำคัญและเห็นคุณค่า ในสิ่งที่เราทำ โดยเริ่มปลูกต้นไม้ด้วยความคิด การสร้างความตระหนัก และการสร้างความร่วมมือกับสมาชิกในหมู่บ้านเป็นเบื้องต้น ท่านกล่าวพูดคุยต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเอง ถ้อยคำที่เรียบง่าย แต่ชวนคิด โดยกล่าวว่า “จะปลูกต้นอะไรก็ได้ การที่ต้นไม้กว่าจะโตใหญ่ ให้ ดอก ผล กินได้ก็อีกนาน แม้เพียงมีนก มาเกาะที่กิ่งก้าน ก็สุขใจแล้ว” นั่นก็คือความดีที่เราได้ทำแล้ว และยังประโยชน์ให้กับชีวิตอื่นแล้ว...สัจธรรมที่ได้ซึมซับ...ขอสิ่งนี้ดำเนินสืบๆไป …ความดีนี้น้อมถวายแด่พ่อหลวง
ภาพแห่งการให้ความร่วมมือ สมานสามัคคีของชุมชนกับเราที่เพิ่งเข้าไปในหมู่บ้านวันนี้ มีความประทับใจยิ่งนัก การจัดเตรียมถางพื้นที่ไว้ให้ การจัดเตรียมอุปกรณ์ น้ำดื่มที่บริเวณมัสยิด น้องๆเยาวชน เด็กน้อยในหมู่บ้าน และผู้ที่สนใจ ที่ต่างก็มาร่วมกัน บ้างช่วยขุดหลุมกับชะแลง จอบ บ้างปลูก รดน้ำ ปักไม้ทำสัญญลักษณ์ไว้ไม่ให้ต้นกล้าถูกทำลายได้ง่าย ขณะปลูกมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หยอกล้อกัน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม อิ่มใจทั่วๆกัน เป็นความน่าประทับใจเก็บไว้ในความทรงจำของพี่นักศึกษาและทีมงานพิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติและเครือข่ายเรียนรู้ท้องถิ่น คณะวทท. ความดีที่เราร่วมกันทำ ..ส่งตรงไปยังพ่อหลวงของเรา ถึงแม้จะอยู่ไกลพระเนตรพระกรรณแต่เรานั้น ..รักพระองค์ท่านยิ่งนัก..แม้มิได้มีโอกาสเดินทางไปถวายพระพร ขอทำความดีถวายที่นี่...
หลังจากปลูกต้นไม้เสร็จ เราพักพูดคุย ทบทวนความรู้สึก ก่อนปลูกต้นกล้า ขณะที่ปลูก และเมื่อปลูกแล้วเสร็จ อะไรคือความแตกต่างกัน สิ่งที่ได้รับการสะท้อนแบ่งปันกัน
จากนั้นเราต่างเดินลัดทุ่ง ไปตามคันนา เพื่อไปแวะพักทานขนมไทยๆ ลอดช่องน้ำกระทิ หวานเย็นรออยู่ โดยเราฝากเงินไว้ให้ช่วยจัดการ สมาชิกในหมู่บ้านช่วยเหลือกันคนละไม้ละมือ เตรียมแป้งตั้งแต่วันวาน กระทิ น้ำตาลจัดหามา ตามประเพณีไทย "ใครมาถึงเรือนชาน ต้องต้อนรับ" ไม่ใช่บ้านใครที่ไหน เราไปเยี่ยมบ้านพี่ดีน แกนนำเยาวชนที่มี พ่อ แม่ และย่า คอยเตรียมขนม ผลไม้ไว้ต้อนรับ .. สานสัมพันธุ์ชุมชน
ขณะเดินลัดทุ่งผ่านแปลงนาข้าวซึ่งกำลังอยู่ในระยะต่างๆ ที่ลดเลี้ยวไปในเส้นทาง สร้างความสดชื่นไม่น้อย ทั้งๆที่เป็นเวลาใกล้เที่ยงวัน ข้าวที่กำลังแตกกอระบัดใบ ไหวลู่ล้อลม ต่างรอต้อนรับทักทายผ่านสายตา บ้างก็เพิ่งจะปักดำที่ดูเหมือนว่าน้ำจะเริ่มแล้งในบางแปลง ความเขียวขจีจากท้องทุ่งเป็นฉากหลังของความสุขวันนี้ ขนมหวานจึงเป็นการเติมความหอมหวาน ความสุขสดชื่นในวันนี้ ความดีที่ได้มอบให้ไว้กับแผ่นดิน เนื่องในวันพ่อ ที่บ้านนาค้อ ....ต้นขี้เหล็ก จะได้เติบโตต่อไป เครือข่าย “ต้นกล้า รักษ์โลก”
ความสุขจากท้องทุ่ง ถิ่นใต้บ้านเราเป็นอย่างที่เห็น..เสียงเพลงปักษ์ใต้บ้านเราแว่วเข้ามา..."โอ่ โอ..ปักษ์ใต้บ้านเรา ๆ แม่น้ำและเขาทะเลกว้างไกล จะไปไหน กลับใต้บ้านเรา.ๆ โ่อ่้ต้นยางยังยืนคงทน เหมือนดั่งคนปักษ์ใต้ไ่ม่ท้อชีวา...."...ถึงแม้ว่าเวลานี้แผ่นดินจะร้อนระอุด้วยเรื่องอื่นใด แต่น้ำใสใจจริงของผู้คนยังคงมีให้สัมผัส เย็นอย่างกะสายน้ำ ที่ช่วยลดความร้อนแรงในมิติอื่นๆบ้างกระมัง ..ความเป็นอยู่ที่นี่ห่างไกลพระเนตรพระกรรณ แต่ยืนยันดั่งเพลง..จะได้ช่วยบรรเทาความห่วงใยของพระองค์ท่าน ขอให้ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล ตลอดไป...
ขณะที่เด็กน้อยรับขนม ลอดช่องน้ำกระทิ ไปชิม..ชวนคุยไป เริ่มเรื่อง ต้นกล้าที่ปลูกไว้ ถามคำถามชวนคิด ง่ายๆว่า วันนี้น้องๆ ได้ปลูก "ต้นกล้าขี้เหล็ก" รู้สึกรักต้นไม้เหล่านี้หรือไม่?? เด็กๆตอบรับเช่นปกติ ว่า รักค่ะ หนูรักต้นไม้เหล่านี้ จึงถามต่อว่า ... นับต่อนี้ไป..ต้นไม้จะอยู่รอดได้หรือไม่ ..โตหรือไม่ สิ่งที่เด็กๆจะช่วยได้มีอะไรบ้าง?? ...บ้างก็ตอบว่า รดน้ำ บ้างก็ช่วยกันไม่ใ้ห้แพะกิน ไม่ให้ใครมาฟันทิ้งโดยไม่รู้ ฯลฯ
ชวนคิดเรื่อง.. กระบวนการ..กับน้องๆในพื้นที่ คำถามแห่งการเรียนรู้เริ่มขึ้น.. เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ต้นไม้นี้เจริญเติบโต....บอกได้จากอะไร?? ....ด้วยความประทับใจ.. น้องๆ บางคนแม้เพียง เรียนประถมสอง ได้ช่วยกันตอบได้ ไม่อายที่จะมีปฏิสัมพันธ์ "เมล็ดกล้าความดีได้ต่อยอดแล้วหล่ะ ฉันคิด... เสมือนเรามีห้องเรียนวิทยาศาสตร์จำลองในวันนั้น เด็กๆหลายคนที่เรียนชั้น ป 2 3 & 4 ตอบได้ว่า ..วัดความสูง วัดความอ้วน (ช่วยแก้ไขให้ว่า วัดเส้นรอบวง โดยใช้เสาเรือนที่กำลังพิงขณะพูดคุย อธิบายประกอบความเข้าใจ เส้นรอบวงและเส้นผ่านศูนย์กลาง
จึงมีนัดกันไว้ว่า คุณครูจาก มอ.ปัตตานี จะแวะไปเยี่ยมน้องๆที่โรงเรียนบ้านนาค้อใต้อีกครั้งหรือหลายๆครั้ง ในวันศุกร์ที่น้องๆ มีวิชาชุมนุม จะไปร่วมกิจกรรม "เีรียนรู้วิทยาศาสตร์ จากต้นขี้เหล็กของเรา" ก่อนไปคงประสานงานกับคุณครูที่โรงเรียนบ้านนาค้อใต้เพื่อความร่วมมือกัน สัญญา ..นั้นก็รับกลับมาใส่ปฏิทิน ร่วมกันกับทีมฯว่าจะเข้าไปเี่ยี่ยมวันศุกร์ เมื่อไหร่ดี...นั่นคือฝันที่อยากให้เกิดขึ้น ครบเป็นวงจร เพียงใช้ "ต้นขี้เหล็ก สอนคน สอนตน ในบริบทต่างๆ.....ถวายความดีนี้เพื่อพ่อหลวงของเรา
* ต้นขี้เหล็ก มีชื่อวิทยาศาสตร์ (Senna siamea (Lam.) Irwin & Barneby, Mem. N.Y. Bot. Gard. 35 (1982)
* แม้เพียงชื่อก็อดจะภูมิใจไม่น้อยเลย เพราะ ชื่อวิทยาศาสตร์ อ้างอิงถึง ...Siam "สยาม" ภาษาละตินซึ่งปกติใช้ในการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ในระบบ (Binomial nomenclature) ...Siam.. ในละติน..อ้างอิงว่าหมายถึง.. ประเทศไทยเรา...มลายูถิ่นออกเสียงเป็น " ซีแย" ใช่ไหม๊เ่อ่ย?? ยังไงก็บ้านเราหล่ะนะ... โปรดภูมิใจร่วมกัน :-))
* แสดงว่าเมื่อก่อน ต้นขี้เหล็กน่าจะพบได้บ่อยในพื้นที่บ้านเรา เพราะขึ้นได้ง่ายในสภาพแวดล้อมทั่วไป