เสียงใสๆ ระคนความตื่นเต้น บ่งบอกถึงความสนุกที่จะได้ใกล้ชิดกับนกและธรรมชาติอีกครั้ง....น้องแมงลักเอ่ยถามพี่แมงปอด้วยสายตาอ้อนวอน “เราก็ดูนกที่ตาข่ายกันเถอะ” พลันสายตามองเห็นน้องแก้วที่เพิ่งเดินลงมาสมทบ น้องแมงลักก็ชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปดูนกอีกเช่นกัน ....เด็กน้อยทั้งสามคนจาก 2 ครอบครัวเข้ามาร่วมกิจกรรมการใส่ห่วงขานกกับครอบครัวบูรงตานีในเดือนเมษายนนี้
ชาวบูรงตานีมีความยินดีมาก ที่มีเด็ก ๆ มาร่วมกิจกรรมใส่ห่วงขานก สมาชิกน้อยๆทั้งสามคนนำเอาความมีชีวิตชีวา สีสันแห่งวัยมาสร้างความสดใสให้กับทีมงาน เด็กๆ ชอบที่จะไปดูนกและปลดนกจากตาข่าย ซึ่งในเดือนนี้ดูจะมีความถี่สูงในการแวะเวียนไปดูนกที่ตาข่ายมากเป็นพิเศษ นำโดยพี่แมงปอและน้องแมงลักนักเรียนชั้นประถมหกและชั้นอนุบาล (ลูกสาวสองคนของคุณพ่อพันและคุณแม่เอียด) ส่วนน้องแก้วนักเรียนชั้นอนุบาล (ลูกสาวของคุณพ่อเสือและคุณแม่เดือน) ได้มาร่วมสัมผัสธรรมชาติรอบตัว พลังงานเหลือเฟือ วิ่งไปดูนกได้หลายรอบไม่เบื่อ....ฐานกายพรั่งพร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์
ชีวิตวัยเด็กซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ลองดู ไม่มีคำว่าน่ากลัว ธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าพิศมัย น่าค้นหา น่าสัมผัส ถึงแม้ว่าเส้นทางที่วางตาข่ายนกบริเวณแฟลต 4 จะมีทั้งวัชชพืช ไม้พุ่ม ไม้ใหญ่ หญ้าข้างทางสูงเกือบท่วมเข่า แต่ก็เป็นเส้นทางที่พวกเราใช้เดินเป็นประจำไปมาทุกครั้ง เด็ก ๆ ก็เช่นกัน ถุงผ้าใส่นกจะถูกเลือกจับจองไว้คนละใบ สองใบ ปลิวไสวในมือขณะวิ่งไปที่ตาข่าย (mist net) เด็ก ๆ วิ่งไป-กลับเป็นเรื่องธรรมดา ถ้ามีนกติดตาข่ายก็จะรีบวิ่งมาบอก และต่างก็ช่วยเป็นลูกมืออย่างกุลีกุจอ มองด้วยใจจดจ่อ รอด้วยความใจเย็นขณะที่ดูพี่ดีนจัดการกับนก ส่งสายตาด้วยความสงสัยว่าจะแกะนกที่ติดตาข่ายได้ยังไง?? เมื่อได้นกที่ปราศจากพันธนาการของตาข่ายแล้ว เด็กๆก็จะนำมาใส่ถุงผ้า พร้อมกับส่งเสียงบอกด้วยความดีใจขณะที่วิ่งมา บางครั้งก็รู้จักชื่อนกมาก่อน บางครั้งก็จะมีคำถามที่ตื่นเต้นว่า นกอะไรเหรอ??...หรือถ้าไม่มีนกก็จะเดินกลับมาอย่างหงอยเหงา แต่พอนึกได้ว่ายังมีอีก 2 จุดที่ยังไม่ได้ไปดูก็เริ่มจะมีความหวังและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อ้อนพี่ดีนให้ออกไปเก็บนกที่บริเวณอื่น ๆ ซึ่งนอกจากแฟลต 4 แล้ว ตาข่ายก็จะถูกขึงไว้ที่บริเวณแฟลต 13 และ ศาลาลานไทร แถมเด็กๆมีเป้าหมายที่จะเก็บใบสาบเสือเพื่อจะนำมาเล่นตามที่พี่แอดมินได้ทำให้ดู
ล่วงเวลาผ่านไป...ความร้อนระอุจากการวิ่งหลายครั้ง ท่ามกลางฟ้าใสไร้เมฆปิดบังความร้อนแรงแห่งแสงอาทิตย์ยามสาย ผิวหน้าเด็กๆเริ่มแดงเรื่อ มีเหงื่อไหลซึมตามไรผมที่หน้าผาก ร้อนจนต้องรีบถอดถุงเท้า หรือถอดหมวกออก ใช้มือปาดเหงื่อที่ใบหน้า เป็นภาพที่เด็กๆได้เรียนรู้ที่จะสนุกและผ่อนคลาย มองแล้วนั่งอมยิ้มอิ่มใจกับภาพชีวิตใสๆ หลากอารมณ์ของเด็กน้อย ชวนให้คิดถึงวันวานเมื่อนานมากับชีวิตวัยเด็กของตัวเอง รสชาติความสนุกสนานก็ไม่ต่างกัน..
ทักษะการเรียนรู้ จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เด็กๆใช้ “ใจ” ในการเรียนรู้ ฐานใจมาก่อนเสมอ จึงไม่มีกรอบความคิด ไม่สนใจว่าผิดหรือถูก ทุกอย่างดูจะเป็นสิ่งที่น่าพิศวงยิ่งนัก พร้อมตอบสนองในความอยากรู้อยากเห็น และเป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมสิ่งที่ดีๆเหล่านี้ได้ถูกลดทอนลงไปมากเมื่อเด็กๆเข้ามาอยู่ในระบบโรงเรียน ประจักษ์พยานในวันนี้ สิ่งที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ เริ่มจากความสนุกและเป็นความสนใจของตนเอง คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ที่คอยสนับสนุน ส่วนทีมงานบูรงตานีก็จะช่วยชี้แนะเมื่อเด็กๆแสดงความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการถามไถ่ ชี้แนะใ้ห้รู้จักเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ วิธีการเปิดดูคู่มือนกเพื่อจะให้รู้จักการจำแนกนก รู้จักว่านกที่ได้มาเป็นนกชนิดใด นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังสนใจวาดรูป......น้องแมงลักมีทักษะการสังเกต นำมาบันทึกไว้เป็นภาพที่มีลักษณะเด่นของนกชนิดนั้น ทั้งลวดลายและสีสันวาดได้ตามที่เห็น ใช้สมาธิขณะบรรจงลากเส้น แต้มแต่งสีสัน สมุดวาดภาพของน้องจะมีนกที่วาดไว้ตามลำดับ ถ้าเป็นนกที่ยังไม่รู้จักก็จะวาดภาพทันที และเมื่อวาดเสร็จก็จะให้ช่วยเขียนชื่อนก......ถึงพร้อมซึ่งข้อมูล
การเรียนรู้ในทักษะที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การเก็บตัวอย่างเลือดนก ในเบื้องต้นเด็ก ๆมองด้วยความสนใจ จากนั้นเมื่อได้สังเกตวิธีการก็จะรู้ว่าจะต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์อะไรบ้างตามลำดับ และ เป็นผู้ช่วยได้ดี สามารถหยิบสำลี ขวดแอลกอฮอล์ เข็มเจาะเลือด และดินน้ำมันที่ใช้ปักหลอดคะปิลลารี่ (capillary tube) แสดงให้เห็นว่าทักษะที่ซับซ้อนเหล่านี้ หากเด็กๆ สังเกตจากกิจกรรมที่จัดไว้ที่เป็นระบบก็จะช่วยให้เรียนรู้ได้ไม่ยากนัก
ความอ่อนโยน นุ่มนวลในสัมผัส ดูแลเอาใจใส่ ชีวิต”อื่น (care and kind heart) เด็กๆ เรียนรู้จากการได้มีโอกาสใกล้ชิดกับนกที่อยู่ในมือของผู้ใหญ่ ขณะที่ชั่งน้ำหนักหรือวัดรายละเอียดประจำตัวนก เด็กน้อยทั้งสามคน บ้างก็ยื่นมือมาลูบหัว บ้างก็ลูบที่ขนคลุมตัวคลุมปีก หรือกล่าวเปรียบเทียบความชอบของตนเองเมื่อนกแต่ละชนิดที่ร้องเสียงดังและไม่ร้องเลย เช่นนกกาเหว่าร้องเสียงดังขณะที่นกชายเลน..กลับเงียบไม่ได้ยินสียงร้องเลย ..และเด็กๆ ยังสังเกตได้ว่าเมื่อนกกาเหว่าที่ถูกจับมาส่งเสียงร้อง เพื่อนๆ นกกาเหว่าที่อยู่บริเวณนั้นก็จะร้องตอบ ครั้นสิ้นสุดขั้นตอนต่างๆเด็ก ๆขอเป็นผู้ปล่อยนกกลับคืนสู่ธรรมชาติ เราสอนการจับนกให้ถูกวิธี เด็กๆ เรียนรู้ได้เร็วปล่อยนกได้ถูกต้อง ขณะที่ปล่อยก็บอกว่า “จะได้กลับไปหาพ่อแม่พี่น้อง” เด็ก ๆ เรียนรู้และแสดงออกถึงมิติของครอบครัวได้ดี ตามความเหมาะสมแห่งวัย...........
การตรงต่อเวลา การตื่นเช้าไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเด็กๆเลย ในห้วงเวลาแห่งความสนุก เสียงน้องแมงลักบอกนัดน้องแก้วให้มาเจอกัน 7:30 น. “ระเบียบวินัยเริ่มต้นที่บ้าน” เห็นได้ชัดเจนทั้งสองบ้าน...เมื่อถึงเวลาน้องแก้วก็รีบลงมาด้วยความพร้อม มาดกางเกงขายาว และหมวกพร้อม รองเท้าเตรียมลุย เพราะเห็นสภาพจากวันเสาร์แล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เช้านี้ น้องแมงลักมาคนเดียว พี่แมงปอขออยู่บ้านทำกิจกรรมอย่างอื่น น้องแมงลักก็ยังสนุกกับกิจกรรมโดยมีน้องแก้วเพื่อนคู่หูอยู่ข้างๆ เด็กๆ ทั้งคู่ถึงแม้จะอยู่ในวัยเดียวกัน ก็แสดงออกทั้งเป็นผู้นำและผู้ตามได้เป็นอย่างดี ถ้อยทีถ้อยอาศัย แบ่งปันกัน.. (discipline & social skills)
กิจกรรมเดือนนี้จึงมีสีสันและเก็บความสนุกสนาน ชื่นบานไปพร้อมกันทั้งครอบครัว นอกจากฝ่ายเทคนิควางตาข่ายซึ่งมีหนุ่มโก้ หนุ่มบอย และหนุ่มแอดมินแล้ว ก็ยังมีทีมบันทึกข้อมูลรวมถึง เกื้อ น้องมด น้องปิ๊ก และหนุ่มดีนแล้ว เรายังมีสีสันจากนักจัดรายการวิทยุคลื่น ม.อ. ที่เสนอประเด็นพูดคุยได้โดนใจวัยรุ่นเจนเนอเรชั่น “Y” ทั้งหลาย ครั้งนี้มาร่วมกิจกรรมพร้อมขนม..ตรึมเลย..ไม่บอกก็น่าจะเดาได้.. เอ๊ะใครเอ่ย?? ก็สมาชิกผู้มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอ และพยายามปลีกเวลามาร่วมกิจกรรมเสมอเมื่อมีโอกาส หลังจากได้เข้าร่วมสังเกตการณ์เมื่อเดือนก่อน เนื่องจากเวลาของน้องน่าจะถูกจับจองโดยท่านผู้ฟัง....รึเปล่า??
ภาระกิจที่ทำให้เรามาพร้อมหน้าพร้อมตากันในเดือนนี้ เริ่มในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 23-24 เมย. ท่ามกลางความภาวะที่ปลีกตัวมาจากงานประจำที่ล้นมือ โดยเฉพาะทีมวางตาข่าย ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จในเย็นวันศุกร์ก่อนค่ำเพื่อที่จะเปิดตาข่าย (open net) ในเช้าตรู่ (5:30 น.) ของวันเสาร์/อาทิตย์ จากบันทึกข้อมูลเราได้นกทั้งหมดจำนวน 19 ตัว ส่วนใหญ่คือนกป่า ยกเว้นนกเด้าดิน (common sandpiper) เป็นนกชายเลนอพยพ นกบางตัวที่ได้ เป็นนกที่มีห่วงขาแล้วและถูกจับได้อีก (recaptured) โดยพบหากินและติดตาข่ายที่ตำแหน่งเดิม จำนวน 4 ตัว เป็นข้อมูลบ่งชี้ความสำคัญของพื้นที่ นกที่ได้มีความแตกต่างกัน 9 ชนิดและชนิดที่พบมากที่สุดคือนกกาเหว่า ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในฤดูผสมพันธุ์ (breeding) นกที่จัดเป็นนกอพยพที่พบได้เป็นบางช่วง เช่นช่วงฤดูอพยพได้แก่ นกอีเสือลายเสือ (Tiger Shrike) นกอีเสือสีน้ำตาล (Brown Shrike) ส่วนนกกาแวน (Racket-tailed Treepie) และนกบั้งรอกใหญ่ (Green-billed Malkoha) เป็นนกที่เด็กๆ ชอบ ทั้งที่มีขนตัวสีดำแต่มีลักษณะโดดเด่นอย่างอื่น เช่นเจ้าบั้งรอก ที่ปากมีสีเขียว ขอบตาที่มีสีแดงสีสันตัดกันสวยงาม ส่วนนกกาแวนมีสีม่านตาสีฟ้าใส ตัดกับขนสีดำกำมะหยี่ที่หัว....มหัศจรรย์..ธรรมชาติช่างรังสรรค์
การสร้างโอกาส ร่วมปลูกฝังการเรียนรู้ สัมผัส เข้าใจ และอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว เป็นการบ่มเพาะความรักในธรรมชาติ รักโลกและรักทุกชีวิตในที่สุด เป็นพันธะกิจที่เราชาวบูรงตานีมีความตั้งใจไว้ จึงขอเชิญชวนผู้สนใจไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กหรือวัยใดๆ ทั้งปัจเจกบุคคลหรือครอบครัว เชิญมาร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมกับเราซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน