ธรรมชาตินี้ช่างรังสรรค์ สัมพันธ์กันเสมอทั้งหน้าที่และโครงสร้าง (form & function).....ภาพมุมกว้างมองออกไปไกลตา ขณะนั่งริมฝั่ง บริเวณก้นอ่าวปัตตานี แนวป่าชายเลนรายรอบ..ชนิดพืชที่มีรากค้ำยันระเกะระกะ ออกจากโคนต้นไม่สูงนัก และลักษณะใบบอกได้ว่าเป็นชนิดต้นโกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata) เป็นพืชหลักในบริเวณนี้ ซึ่งเบื้องต้นเริ่มจากการเป็นแปลงปลูกป่าชายเลน ใกล้เข้ามาเป็นกลุ่มป่าแสมขาว (Avicennia alba) และแสมทะเล (Avicenia marina) ต้นใหญ่แซมด้วยพืชชนิดอื่นๆทั้งลำพู ลำแพน ตะบูนฯลฯ ในแหล่งอาศัยพักนอนของเหล่านกกาน้ำและนกยางหลายชนิด ในขณะที่ด้านหน้าระยะใกล้แนวน้ำตื้นเป็นพืชน้ำ บ้างเรียกว่าเป็นวัชพืข..กระจูด (Lepironia articulata) แตกเป็นกอ ใบกลมกลวงยาวมีความสูง 1-2 เมตร ดอกคล้ายดอกกุยฉ่าย สีน้ำตาลอมแดง มีรอยคราบโคลนเห็นเป็นแถบตัดกับสีเขียวเข้มของก้านกอ บ่งบอกระดับน้ำที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วง พืชชนิดนี้มีให้เห็นรายรอบเกาะแก่งกลางแพรกน้ำ หากขยายอาณาเขตเพิ่มขี้น บ่งชี้ว่าบริเวณนี้มีน้ำจืดปะปนมากขึ้น ซึ่งปริมาณน้ำจืดไหลมาจากคลองยะหริ่ง ขณะีทีี่มวลน้ำจืดปริมาณมากจากแม่น้ำปัตตานีไหลเติมเต็มอีกด้านหนึ่งของอ่าวฯ
องค์ประกอบพืชพรรณเหล่านี้ มีการกระจายเป็นบริเวณ (zonation) ที่ชัดเจนของสังคมพืชป่าชายเลน ที่แต่ละชนิดมีระบบรากแตกต่างกัน ทำหน้าที่ช่วยดักตะกอนที่ไหลลงสู่อ่าว และกล้าไม้ชายเลนก็หยั่งรากลึกในดินเลน ซึ่งเหมาะสมกับระบบรากพืชแต่ละชนิดได้ดี ส่วนที่อยู่รอบๆตัว..ริมฝั่งเป็นพืชในกลุ่มตาตุ่มทะเล และขลู่ มีให้เห็นรายรอบทุกองศา กุ้มมองกอหญ้าผักเบี้ยทะเลแซมดอกเล็กๆสีม่วงให้เห็นใกล้ตา..
ธรรมชาติมีระบบควบคุมสมดุลกันเองเป็นองค์รวม...ระบบนิเวศในเขตน้ำกร่อย (Estuarine ecology)..ที่ผสมผสานทั้งมวลน้ำเค็มและน้ำจืดในแต่ละฤดูกาล ทำให้สรรพสิ่งในอ่าวฯ ทั้งด้านชีวภาพและกายภาพเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแห่งเวลา ไม่ว่าจะเป็นกระแสน้ำ หรือระดับความเค็มที่แปรเปลี่ยน (ความเค็มจัด..ที่ด้านนอกประมาณ 30 ppt.) ทำให้ทั้งสาหร่าย พืช สัตว์และอื่นๆ เจริญอยู่ได้หรือตายไปเป็นช่วงเวลาด้วยปัจจัยจำกัด เป็นการปรับตัวตามความชอบ (niche) สภาพดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ... กุ้ง หอย ปู ปลาน้อยใหญ่ ได้อาศัยพึ่งพา รวมถึงมนุษย์ที่เป็น “ผู้ล่า”..ในสายใยอาหารที่ซับซ้อน หากแต่ถ้ามากด้วยจิตสำนึกที่อยู่บนพื้นฐาน การกินอยู่อย่างพอดี รู้จักพอ ก็จะทำให้ระบบยั่งยืนอยู่ได้นาน...
วิถีออกเรือหาปลา...เรือลำน้อยค่อยๆพายผ่านไป วิถีชาวประมงพื้นบ้าน...ออกหาสัตว์น้ำตามเครื่องมือ ที่มีอยู่ เสียงทักทายกันฉันท์คนรอบอ่าวฯ เป็นภาษามลายูถิ่น..ได้ยินขณะที่เรานั่งริมฝั่ง ตอบออกไปดังๆได้เพียงแต่คำว่า “บุรง-นก”…เพื่อสื่อว่าเรามานั่งนับนกกัน ไม่นานนัก..เรือน้อยจอดลอยลำ ชายชาวประมงวัยกลางคนหย่อนตัวลงน้ำ ระดับน้ำไม่ลึกยังเดินไปมาได้ ไม้เสาถูกนำมาปักไว้เพื่อระบุตำแหน่ง ก่อนที่จะค่อยๆสาวตาข่ายที่กองอยู่บนเรือ ปล่อยลงน้ำ ตะกั่วที่ถ่วงน้ำหนักและทุ่นต่างทำหน้าที่ เรือลำนี้ไม่มีใครกำหนดทิศทางจึงไหลไปตามกระแส ออกไปยังปากอ่าวฯ ชายผู้นี้เดินตามปล่อยตาข่ายจนหมดจากลำเรือ ...รอยยิ้ม...สีหน้า.. ความตั้งใจ..ที่ง่วนกับงาน บอกได้ว่า..สุขใจ...อาหารมื้อถัดไปสำหรับทุกชีวีที่บ้านขึ้นอยู่กับผลงานค่ำนี้.ไม่ว่าทางตรงหรือการเปลี่ยนเป็นรายได้เพื่อยังชีพ..
หากรู้จักและรักษ์ป่าชายเลน คงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการรักษาอ่าว คุณภาพของทุกชีวิตคงมีมากขึ้น...เสียงเรือยนต์ผ่านเข้ามา เด็กน้อยเริงร่านั่งมาเต็มลำ นายท้ายชะลอเครื่อง..เมื่อเห็นชาวประมงวางตาข่าย เสียงทักทายดั่งคนรู้จักกัน.. ฉันท์คนรอบอ่าวฯ ...รอยยิ้ม..มอบให้เป็นกำลังใจ ตามด้วยการถามไถ่ .. วิถีเรียบง่าย จากชายผู้ทำหน้าที่นำเที่ยวเชิงนิเวศ .... เยาวชนรุ่นจิ๋วทั้งหญิงและชาย ได้สัมผัสกับภาพชีวิตในอ่าวฯ เป็นความภูมิใจไม่น้อย...แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญ วิถีประมงพื้นบ้านก็ยังคงอยู่และเลี้ยงชีพได้ ... เสียงเรือเร่งเครื่องจากไป...ตาข่ายถูกวางเสร็จก่อนค่ำ ...รอเวลาเก็บเช้าที่จะถึง..
น้ำกับฟ้าก็ได้สะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวกัน... แหงนมองฟ้า ฝูงนกโผบินเข้ามาเป็นระลอกใหญ่ๆ ไม่ขายสาย ติดๆกันเมื่อใกล้ค่ำ นับได้ครั้งละร้อย/สองร้อย หรือมากกว่า (peak.:ไม่น้อยกว่าหมื่นตัว) มีทั้งนกกาน้ำ นกยางควาย ยางเปีย ยางโทนใหญ่ ยางกรอก ต่างบินกลับมาแหล่งพักนอนในป่าแสมใหญ่ ความสงบของผืนน้ำกลับมาอีกครา หลังจากถูกรบกวนจากการวางตาข่ายและเรือที่แล่นผ่านไป สีขาวของปีกเจ้าเหล่านกที่บินเหนือร่องน้ำเป็นกลุ่มก้อน สะท้อนจากกระจกผืนใหญ่ที่ราบเรียบเหนือท้องน้ำ... ภาพเสมือนของนกในน้ำสะท้อนจำนวนนกในท้องฟ้า..ได้เช่นกัน.....รอยยิ้ม..พิมพ์ใจ.. จากคนริมฝั่ง ความสุขที่มอบให้จากเพื่อนที่มีปีกบินอย่างอิสระ ..เป็นรางวัลที่เปี่ยมด้วยพลังจากธรรมชาติค่ำนี้
อ่าวปัตตานีและวิถีองค์รวม... สร้างมิติแห่งความสุข-ทุกข์ อย่างที่เห็นตามครรลอง ..ทั้งป่าเลน สายน้ำ ท้องฟ้า ดวงตะวันกำลังอ่อนแรง แสงสีกำลังจะลับฟ้า ชายชาวประมงพายเรือจากลา นกกาบ่ายหน้าบินกลับรัง ... รอเวลาเริ่มต้นแห่งวันพรุ่งนี้....ทุกชีวีเปี่ยมไปด้วยความหวัง เติมเต็มพลังต่อไป..... “รอยยิ้ม..อิ่มใจ”..สุขในวิถี ทั้งนก คน พืช สัตว์ สรรพสิ่งล้วนพึ่งพิง..
ภาพชีวิต...ณ ก้นอ่าวฯ.. บริเวณป่าชายเลน บ้านบือเจาะ อ. ยะหริ่ง จ. ปัตตานี
อันความสุข ที่ใครๆเฝ้าวิ่งหา ความสุขจ๋า เจ้าอยู่ แห่งหนไหน
เห็นผู้คนไล่ตาม เจ้าเรื่อยไป อิ่มแค่ไหน เหตุไฉน ยังไม่พอ
สุขที่โน่น สุขที่นั่น สุขที่ไหน ไม่มีใคร ตอบได้ รู้ไหมหนอ
หยุดวิ่งหา หวนคิด ฤา..สุขกำมะลอ สุขแท้ๆ ก่อเกิด ภายใน ใจเราเอง
ร้อยคำ: วรรณชไม การถนัด