ณ มุมหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำอ่าวปัตตานี ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี
แก้มใสใบหน้าปนคราบเหงื่อไหล ท่ามกลางความร้อนระอุ ถุงในมือมีปลาหลายตัวยกชูขึ้นให้เห็น.. เมื่อถูกถามว่า ....“อาเด๊ะ” ได้ปลาอะไรบ้าง..หลายตัวไหม๊?? ..รอยยิ้มบ่งบอกถึงความสุขในวันนี้ ... ส่งผ่าน“พลังความสุข” ที่เกิดขึ้นและรับรู้ได้ หากแต่นั่นไม่ใช่เฉพาะเด็กน้อยสองคนนี้ ยังส่งผลถึง“ความสุขในครอบครัว” ... ที่ยืนยันได้ว่า...มื้อใดมื้อหนึ่งในวันนี้ หลายชีวีที่บ้าน.. . มีอาหารอิ่มท้อง... ผลงานของ“นักอนุรักษ์น้อย”
วิถีชีวิตที่นี่ .. การดำรงชีพของผู้คนยังคงพึ่งพิงธรรมชาติอันเป็นแหล่งอาหารสำคัญ โดยเฉพาะชุมชนรอบอ่าวปัตตานี ที่มีรายได้น้อย...การจับปลา หาปลาด้วยวิธีต่างๆในแหล่งน้ำอาจจะเป็นเกมส์เพื่อความสนุกสนานสำหรับเด็กๆในครอบครัวที่พ่อแม่มีกำลังหามาให้มีกินครบทุกมื้อ แต่ทว่าที่นี่ภาพชีวิตต่างไป ...เบื้องหน้าในสายตาที่เรามองเห็น หลายๆครอบครัวทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ ต่างทำหน้าที่ ทั้งลงไปแช่ในน้ำ ใช้มือจับกุ้ง วางตาข่ายจับปลา หา “สัตว์น้ำ” จากธรรมชาติ เพียงเพื่อยังชีพแบบ “พอดี พอกิน” …เป็นการไหลเวียนของพลังงานเพื่อการดำรงชีพ ที่กินกันเป็นทอดๆโยงใยตามบทบาทของผู้ล่า/ผู้ถูกล่าในสายใยอาหารตามกฎแห่งธรรมชาติ
“อาแบ และอาเด๊ะ”…(ภาษามลายูถิ่น..อาแบ- พี่ และอาเด๊ะ-น้อง) ทั้งคู่มีสีหน้าเอาจริงเอาจัง ปนด้วยความสนุกขณะกำลังจับปลา ซึ่งมีหลายชนิดรวมถึง “ปลาหมอเทศ” ตัวโตๆที่อาศัยอยู่ในโพรงขอนไม้ ...ต้นตาลผุๆ..ที่แช่อยู่ในร่องน้ำ ความลึกประมาณครึ่งแข้งบ้างหรือบางครั้งก็ลึกกว่านั้น เทียบกับขนาดตัวของเด็กน้อย หลายคนมองว่าเป็นกิจกรรมซนๆประสาเด็กผู้ชาย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของภาพที่ปราฏเบื้องหน้า เด็กน้อยทั้งสองฝึก “ทักษะชีวิต” ในการหาปลาแบบ.. รู้จักธรรมชาติของปลา...เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยพื้นฐานนั่นคืออาหารสำหรับยังชีพ..
ตะวันฉายแสงแรงกล้า เงาสั้นๆบ่งบอกได้ว่าอยู่ในยามไหนของวัน ขณะที่เรา “ครูพื้นที่”และผองเพื่อนกำลังส่องกล้องทางไกล สำรวจและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชุ่มน้ำพร้อมกับนับนกไปด้วย ไม่ไกลกัน ณ. มุมหนึ่งริมอ่าวปัตตานี ...เด็กน้อยสองคนกำลังง่วนอยู่ริมน้ำ “ผู้พี่”..กลิ้งขอนไม้ ส่วน “น้องชาย” วิดน้ำ ภาพการวิ่งกลับไป-มาระหว่างปลายแต่ละด้าน ขอนไม้ผุๆของตาลต้นใหญ่ หรือบางครั้งก็เปลี่ยนเป็นหาเศษไม้มาเคาะภายนอก จากนั้นก้มลงตัวดูตรวจสอบในโพรงไม้ภายใน ท่ามกลางความมืดภายใน..จะมีปลาอะไรบ้างซ่อนตัวอยู่??
เสียง...บ่งบอกความตื่นเต้น เมื่อปลาตัวที่หนึ่งถูกจับขึ้น เก็บมาใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมไว้..กำแน่นๆในมือ เติมน้ำลงในถุง..ปลาตัวแล้วตัวเล่าถูกจับมาใส่ ..."เกมส์ชีวิต" ท่ามกลางดนตรีจากธรรมชาติ เสียงคลื่นลมทะเลผัดผ่านแนวสนทะเลริมฝั่ง เร่งเร้าให้ชวนตื่นเต้น.. ทั้งปลาและคน ต่างเล่นเกมส์ “ซ่อนหา” ที่เดิมพันด้วยชีวิตของปลา ซึ่งจะต้องเอาตัวให้รอดท่ามกลางภัยคุกคาม
สีหน้า “อาแบ”...แน่ใจว่า..พอแล้ว...บอกน้องให้ยุติ.. พอใจจำนวนปลาเท่าที่ได้ จากนั้นทั้งสองพี่น้องต่างช่วยกันกลิ้งขอนไม้ตาลกลับลงไปแช่ในน้ำเหมือนเดิม..อากับกิริยาทั้งหมดนี้ ไม่มีใครสอน หากแต่เรียนรู้ ด้วยตนเอง บนพื้นฐานของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืนและเข้าใจ สะท้อนให้เห็นถึง..ชีวิตที่ต่อชีวิต ในสายใยอาหาร.. แม้เพียงเป็นเด็กแต่มีความรับผิดชอบไม่น้อยไปกว่าผู้ใหญ่ ..“อาแบ” เรียนชั้น ป. 5 ขณะที่ “อาเด๊ะ” ชั้นป. 3 ที่โรงเรียน “ชุมชนบ้านยูโย”ใกล้บ้าน....เสียงที่สะท้อนออกมาไม่ว่าผู้ปกครองหรือครูทราบว่า การอ่านออกเขียนได้ของเด็กๆที่นี่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี แต่ถ้าวัดกันด้วยทักษะชีวิต ยืนยันได้ว่ามีมากทีเดียว..การใช้ชีวิตในแบบอย่าง..พอดี พอกิน พออยู่..ซึ่งมีความสำคัญต่อการเข้าใจ/ดูแล/รักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
ณ. ห้องเรียนชีวิตที่ไม่มีกรอบคิด...วัยเยาว์ ช่างมีสีสัน ...ณ เวลานั้น ภาพเด็กน้อยทั้งสองคนยืนประจำที่ปลายแต่ละด้านของขอนไม้ ผู้พี่ออกแรงมากกว่าผลักกลิ้งท่อนต้นตาลผุๆ ลงไปแช่ในแอ่งน้ำเช่นเดิม หลังจากที่จับปลาจำนวนหนึ่งที่หลบซ่อนอยู่จนพอใจ ภาพทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึง ความจริงว่า หากไม่กลิ้งขอนไม้กลับไปไว้ที่เดิม คราวต่อไปก็จะไม่มีแหล่งอาศัยให้ปลา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่มีปลาให้จับเพื่อเป็นอาหารอีกต่อไป ประสบการณ์สอนให้รู้ว่า ภายในขอนไม้ “ต้นตาล”ที่ไส้กลวง เป็นแหล่งหลบซ่อนของเหล่าสัตว์น้ำเป็นอย่างดี ปลาตัวเล็กเติบโตเป็นปลาตัวโตขึ้น จึงเลือกจับเฉพาะขนาดที่นำไปประกอบอาหาร เป็นที่น่าชื่นชมนัก ทำหน้าที่เป็น “นักอนุรักษ์น้อย” ที่รู้จักแก่นแท้ของการอนุรักษ์ ผ่านการเรียนรู้ ที่เตือนตนว่า …หากไม่ดูแล รักษา เข้าใจ รู้จักธรรมชาติ ปลาหรือสัตว์น้ำชนิดอื่นก็จะไม่มีหรือจำนวนน้อยลงไป
หากถูกถาม... เด็กน้อยคงตอบไม่ได้ว่า "นิยาม" ความหมายของการอนุรักษ์คืออะไร และไม่เคยรู้ว่า นิยามเหล่านั้นจำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่ทว่าสิ่งที่ตนเองได้ปฏิบัติในชีวิต ขณะหาปลานั้น นำไปสู่ .."หัวใจของการอนุรักษ์" และเป็นนักอนุรักษ์เต็มตัว ที่ทำไปด้วยทักษะ โดยไม่ยึดติดกรอบคิด ผ่านการพัฒนาทั้งฐานกาย ฐานใจ ฐานคิดไปพร้อมๆกัน ปฏิบัติไปโดยไม่เคยเรียนในชั้นเรียน ใช้การสังเกตและเรียนรู้จากธรรมชาติ ทั้งการรักษาแหล่งอาศัยไว้ดั่งเดิม รวมถึงการจับสัตว์น้ำแต่พอเพียง ..
เด็กน้อยใน “มหาวิทยาลัยชีวิต”...ผู้ไม่สนใจนิยาม..ไม่สนใจความหมายของคำว่า “อนุรักษ์.” หากแต่วิถีชีวิตปฏิบัติแนวคิดการอนุรักษ์เพราะเห็นคุณค่าโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน… ส่วนการเรียนรู้ใน "ระบบการศึกษา..ไม่ว่าระดับใด แม้แต่มหาวิทยาลัย" มักติดกรอบ ถูกพันธนาการทางความคิด ... “รู้นิยาม" ถามก็ตอบได้ หากแต่ขาดความเข้าใจ/นำไปปฏิบัติ” หรือที่เป็นข่าวอยู่เนืองๆการทำร้ายสัตว์ จับสัตว์ป่ามาขาย การตัดไม้ทำลายป่า แม้กระทั่งเร็วๆนี้ "พ.ต.ท"และคณะฯ กับหลักฐานซากสัตว์ที่เกิดจากการยิง ฆ่าสัตว์ในเขตป่าอทช. แก่งกระจาน ....