การทำงานร่วมกับชุมชนในพื้่นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ วิถีชีวิตที่พบเห็น การรวมกลุ่มพูดคุยกันบริเวณ “ร้านน้ำชา” กินโรตี หรือ มะตะบะ และมีกรงนกมาแขวนไว้ ฟังเสียงนก ดูจะเป็นภาพที่พบได้เป็นปกติของพื้นที่แห่งนี้ ที่สะท้อนสังคมที่เอื้ออาทร ถามไถ่สาระทุกข์สุขในหมู่บ้าน หากแต่ปัจจุบันนี้ นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีภาพที่พบได้บ่อยขึ้นในระยะหลังๆ .. การนั่งล้อมวง ท่าทีผ่อนคลาย ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แบ่งปันกัน สูบ/ดูด...อะไร??...จากสายที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ที่ดูน่าสวยงามแปลกตา วางไว้กลางวง....อะไรหรือ??.... บารากุ่...นั่นไง ...การสูบบารากุ่ (Baraku)..
เป็นอุปกรณ์ใช้สำหรับสูบ/ดูดควันที่ผ่านน้ำ มีลักษณะคล้ายขวดรูปทรงสูง ด้านฐานป่องออกเพื่อบรรจุน้ำ ส่วนคอขวดยาวทรงสูงแคบ และด้านบนสุดมีถ้วยบรรจุสาร/ตัวยา..ที่ต้องการเสพ โดยใช้กระดาษอะลูมินั่มฟอยล์หุ้มปิดด้านบน (ดังภาพข้างบน) และเจาะรูไว้ ซึ่งจะใช้ถ่านที่ติดไฟวางบนอะลูมินั่มฟอยล์ เพื่อชักนำให้เกิดการเผาไหม้สารภายในถ้วยได้ควันทีต้องการ นอกจากนี้การควบคุมระดับน้ำที่ใส่ไว้ด้านล่าง ก็มีความสำคัญต่ออรรถรส ในการเสพย์ เพราะ ควันจะลงไปผ่านน้ำ จากนั้นผู้เสพจะดูด/สูบ ด้วยท่อสายยาวที่ต่อออกมา บริเวณด้านล่าง หากคิดจะเทียบเคียงกันก็นึกถึง "บ้องกัญชา".. ภูมิปัญญานักสูบแบบไทยๆ..
จะเห็นได้ว่า การสูบบารากุ่ ต่างจากการสูบบุหรี่ทั่วไป โดยการสูบบารากุ่จะสูบจากควันผสมกลิ่นที่ผ่านน้ำแทน ในขณะที่บุหรี่จะถูกสูบได้รับสารโดยตรง นอกจากนี้การสูบบารากู่มักจะเป็นการผลัดเปลี่ยน เวียนกันสูบหลายๆคน จึงมักจะเห็นการตั้งวง..สูบบารากู่..จึงน่าจะเป็นพฤติกรรมทางสังคมที่เปลี่ยนไป..แม้กระทั่งในสังคมเมืองใหญ่ เมืองหลวง ก็มีการสูบบารากู่ในสถานบันเทิง บ้างกล่าวว่ามีอาการมึนเมาจากการสูบ!!
ปัจจุบันการซื้อหายังทำได้ไม่ยากนัก อีกทั้งเป็นของฝากจากการไปเยือนประเทศทางตะวันออกกลางของญาติมิตรสหาย จากการศึกษาวิจัยพบว่าสารที่รับเข้าไปในร่างกายจากการสูบบารากู่นั้นก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกายมิใช่เพียงจากสิ่งที่เป็นส่วนผสมของยาเส้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการเผาไหม้สารและกรรมวิธีในการสูบ สิ่งที่น่าเป็นห่วงและสะท้อนออกมาในรูปสื่อ งานวิจัย หรือบทความต่างๆ เล็งเห็นความเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และต่อพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพร่วมกับสารเสพติดทั้งหลาย.. การสูบบารากุ่ ถูกมองว่า อาจแอบแฝงด้วยการใช้สารเสพติดชนิดอื่นๆรวมถึงกัญชา และสารต้องห้าม ฯลฯ.
... น.พ.หทัย ชิตานนท์ ประธานภาคีกฎหมายบุหรี่โลกและประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทยได้ชี้แจงให้เห็นถึงการวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่า ... ยาเส้นประเภทสูบผ่านน้ำมีอันตรายมากกว่าการสูบบุหรี่ตามปกติ เพราะ สารพิษ นิโคตินและสารทาร์มีมากกว่าบุหรี่ทั่วไป ผนวกกับวิธีการสูบผ่านน้ำ และการปรุงแต่งรสส่วนผสมของยาเส้น กับผลไม้ หรือสารอื่นๆ ทำให้ความเข้มข้นของควันจางลง ส่งผลให้สามารถสูบได้ลึกมากขึ้น และสูบจำนวนมากนั้น ก็ถือว่าเป็นการสูบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
มีรายงานวิจัยเผยแพร่เร็วๆนี้ (มีนาคม 2556) ในวารสารทางการแพทย์ (Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention) กล่าวสรุปไว้ว่า การสูบในลักษณะบารากู่ หรือ ฮูคคา จะมีความเป็นอันตรายแย่ยิ่งกว่าการสูบบุหรี่หนึ่งซองต่อวัน
ขณะเดียวกันข้อมูลรายงานการวิจัย (Science News) กล่าวว่าในขณะที่สูบบารากู่ จะได้รับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมาก โดยเมื่อตรวจสอบปัสสาวะในอาสาสมัครที่เป็นผู้ทดสอบ พบว่า มีปริมาณสาร เบนซีน มากกว่าในการสูบบุหรี่แบบทั่วไป และสารดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia) และมะเร็งปอด นอกจากนี้ยังพบสารพิษอีกหลายชนิดเช่น ไพรีน โพลี่ไชคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAH) เมื่อสูบบารากู่ และยังตรวจพบอะคริลาไมด์อีกด้วย ( http://www.businessinsider.com/hookah-is-worse-than-a-half-pack-a-day-cigarette-habit-2013-4#ixzz2UxJNxkFT)
จากรายงานผลการวิจัยในกลุ่มเยาวชน พบว่าเริ่มสูบบารากุ่ตั้งแต่อายุยังน้อย.แม้เพียง 12 ปี การสูบบารากุ นัยว่าเป็นที่นิยมในกลุ่มชุมชนมุสลิมในตะวันออกกลาง และโดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนใต้ก็พบการสูบบารากู่มากขึ้น อาจเป็นเพราะมีการนำเอาวิถีการสูบบารากุ มาจากอาหรับ โดยผู้คนที่เดินทางไป-กลับด้วยกิจทางศาสนา การเรียน การติดต่อค้าขาย ฯลฯ อีกทั้งมีการสูบในประเทศเพื่อนบ้านเช่นมาเลเซียมากเช่นกัน ดังนั้นทั้งครอบครัว ชุมชน สถาบันการศึกษา และศูนย์รวมจิตวิญญานของหมู่บ้าน ควรเร่งสร้างความเข้าใจ และให้ความสำคัญต่อการสูบบารากู่ที่อาจเป็นบ่อนทำลายสุขภาพส่วนตัวและสังคมโดยภาพรวม
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ยาเส้นหมักที่ใช้ในการสูบเป็นสิ่งที่ห้ามนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย นอกจาก จากความเป็นอันตรายเนื่องจากสารพิษจากการเผาไหม้เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่แล้ว ผู้ที่สูบบารากู่อาจติด เชื้อโรคจากกรรมวิธีการสูบที่ใช้อุปกรณ์สูบร่วมกันในเวลาที่จับกลุ่มเวียนเทียนสูบ
ฝากคำก่อนลา.............ปัญหาของการสูบบารากู่ก็คือ ...ผู้ที่เสพมักจะคิดว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และในบ้านเมืองเรามีจำนวนผู้เสพและใช้บารากู่มีมากขึ้้นทั้งในกลุ่มเยาวชนในสถาบันการศึกษาและวัยทำงาน ในสถานบันเทิงกลางคืน... พฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างน่าเป็นห่วง...
โปรดคิดสักนิด ..หากมีคนใกล้ชิด หรือญาติมิตรคิดจะสูบบารากุ..นักวิจัยแนะว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดี..เพราะมีสารพิษเกี่ยวข้องหลายชนิด อันตรายต่อสุขภาพ