ผู้เขียน: ผศ.ดร.วรรณชไม การถนัด | เขียนเมื่อ: 31 พฤษภาคม 2557
และแล้วก็ได้ฤกษ์งามยามดี คือฤกษ์สะดวก ฟ้าฝนก็หล่นลงมาให้คลายร้อน ยอดมะขามที่ชูช่อรอน้ำฝน ผลิตาใบ จากยอดอ่อนสีแดงเรื่อๆเป็นสีเขียวอ่อน สังเกตเห็นผู้คนเก็บยอดมะขามไปทำอาหาร "นก" น้อยๆก็เริงร่าหาอาหารและบางครอบครัวจับคู่ เลี้ยงดูนกวัยอ่อน บ้างก็กำลังสร้างรังเตรียมรับสมาชิกใหม่ ส่วนกัลยาณมิตรชาวบูรงตานีก็มีนัดกันในวันอังคารและพุธ (๒๗ และ ๒๘ ที่ผ่านมา ในกิจกรรมใส่ห่วงขานก (bird ringing) หรือที่เราเรียกว่า "ริงนก" ข้อมูลประจำเดือน พค. นี้ หลังจากที่ว่างเว้นมาหนึ่งเดือน ปีนี้เราคงจะทำกิจกรรมนี้ทุกเดือนเว้นเดือน ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป
(ซ้าย) นกกางเขนบ้านเพศเมีย (Oriental Magpie Robin)
(ขวา) นกอีกแพรดแถบอกดำ (Pie Fantail)
ช่วงแล้งที่ผ่านมาเป็นฤดุทำรังวางไข่ของนกหลายชนิด ทำให้การใส่ห่วงขานกเดื่อนนี้เราได้นกวัยอ่อนหลายชนิดเป็นนกในขวบปีแรกเช่นนกเอี้ยงดำปักษ์ใต้ นกกาเหว่าเพศผู้ นกกินปลีอกเหลือง ส่วนหนึ่งสังเกตจากมุมปากที่ยังมีสีอ่อน ไม่เข้มเช่นตัวเต็มวัย หรือ บางชนิดมีสีขนปีกกำลังเปลี่ยนจากน้ำตาลเข้มเป็นสีดำ ส่วนการผลัดขน (moulting) มีค่อนข้างมาก (๘๐ %) จากบันทึกการผลัดขนทั้งในส่วนขนprimary & secondary ของปีก
นกจาบคาหัวเขียว (Blue- tailed Bee-eater)
นกที่แยกเพศได้ชัดเจนได้แก่นกกางเขนบ้าน หรือนกกาเหว่า เราสามารถบันทึกข้อมูลได้ทันที ขณะที่นกบางชนิดแยกเพศจากลักษณะภายนอกได้ไม่ง่ายนัก แต่เราจับได้เป็นคู่ทำให้เปรียบเทียบลักษณะบ่งบอกความเป็นเพศผู้และเมียได้ชัดเจนขึ้นเช่น นกเขาเพศผู้มีรอบวงตาที่ต่างกันกับเพศเมีย ส่วนนกจาบคาหัวเขียว (Blue tailed Bee-eater) เราได้ทั้งระยะที่มีหางติ่งและไม่มีหางติ่ง ซึ่งน้ำหนักตัวและกล้ามเนื้อหน้าอกและไขมันใต้ผิวหนังบ่งชี้ว่า ผอม ....ฤา อาหารพวกแมลงคงยังมีไม่มากนัก??
นกบั้งรอกใหญ่ (Green-billed Malkoha)
นอกจากนี้เรายังได้นกที่เคยใส่ห่วงขาไว้แล้ว เป็นการจับซ้ำ (recaptured) เป็นนกประจำถิ่น แสดงถึงการมีชีวิตอยู่รอด ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอีกหนึ่งปี อย่างไรก็ตามการบันทึกข้อมูลประจำตัวก็ยังคงกระทำ เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่บันทึกไว้ในครั้งก่อน ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นนำ้หนัก หรือการผลัดขน เหล่านี้บ่งชี้สุขภาวะของนก และสิ่งแวดล้อม รวมถึงคนที่อยู่ร่วมกัน เป็นประชากรในมอ.
นกเขาเพศผู้และเมีย
กัลยาณมิตรผู้รักนกและธรรมชาติ ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้แก่ คุณแม่น้องตี๋เล็ก (แม่เกี้ย..นฤมล) คุณแม่เกื้อ น้องมด และตัวฉัน รวมถึงลูกหมี และเราะได้มีโอกาสมาเจอกัน เสวณาพาทีชวนคุยเรื่องราวในห้วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เชียงราย ซึ่งน้องตี๋เล็ก ตี๋น้อยและคุณแม่อยู่ที่นั่นในขณะไปเยี่ยมคุณตา คุณยาย
น้องตี๋เล็ก สมาชิกบูรงตานีวัยเยาว์
วันแรกของการริงนก นอกจากจะมีความสุขทั้งคน ทั้งนก ที่มีนกเข้ามาทักทายมากกว่า ๒๐ ตัว จำนวน ๑๐ ชนิด (นับว่าไม่น้อยทีเดียว) ขณะที่ในวันรุ่งขึ้นอากาศดีเพราะมีฝนตกกลางคืน วันที่สองของการริงนกนี้เราได้ทานขนมหวานจากเมืองเหนือ ฝีมือผู้สาวจาวล้านนา ..."ขนมลิ้นหมา"... หรือเรียกอีกชื่อว่า "ข้าวเปี่ยง" ได้อรรรถของความอร่อยเพราะเห็นภาพการทำซึ่งเป็นฝีมือล้วนๆจากคุณแม่เกี้ย ...จัดหาวัตถุดิบทั้งแป้งข้าวเหนียวดำ มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น และน้ำตาลจากตาลโตนดเพิ่มความหวาน ...อืมม์...เป็นครั้งแรกที่ได้ชิม อร่อยมากผสมกับความตั้งใจที่จะรักษาขนมไทยๆ ให้คงอยู่ อย่างมีคุณค่าด้วยการทำขนมชนิดนี้ให้ลูกได้รู้จัก เรากัลยาณมิตรก็ได้ร่วมชิมลิ้มลอง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงขนมเหนียวของชาวปักษ์ใต้ คุยกันแล้วว่ามีลักษณะที่คล้ายกัน ขอบคุณในความน่ารักที่นำมาให้ชาวปักษ์ใต้ได้ลิ้มลอง เรียนรู้ด้วย....ใครอยากชิมรสชาติขนมข้าวเปี่ยง...ติดต่อคุณแม่เกี้ย-ของน้องตี่๋เล็ก/ตี๋น้อย..(คณแม่นฤมล)..รับรองไม่ผิดหวัง :-)
ขนมลิ้นหมา หรือ ข้าวเปี่ยง
ขณะที่เรานั่งทานขนมกัน ได้ยินน้องตี๋เล็กจะบอกว่า จะกลับบ้านแล้วเพราะจะกินข้าวเปี่ยงที่บ้านด้วย ทั้งคุณแม่เกี้ยและตี๋เล็กจึงจรลีด้วยการปั่นจักรยาน ที่ออกแบบที่นั่งพิเศษสำหรับสมาชิกตัวน้อย เป็นยังไงก็ดูได้จากภาพ ด้านบน
ทั้งหมดนี้ "นก" นำพาให้เราได้มีเรื่องราวดีๆ มีความปราณีตในการดำรงชีพ มีสันติสุขและ ความพอเพียง ซึ่งเกิดขึ้นจากสถาบันครอบครัว นำไปสู่สังคม ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่พลังที่ร่วมกันต่อเติมชีวิตมีคุณค่า สร้างสรรค์สิ่งดีงามให้สังคมต่อๆไป ท่ามกลางเรื่องราวการทำร้ายผู้คนในพื้นที่แห่งนี้จะมีให้เห็นเป็นข่าวอยู่ทุกวี่วันก็ตาม