ชมนก-ชมไม้ แล้วนึกถึงเพลงสัญญารัก ..เห็นนกก็บอกว่าไม้..เลยแต่งเป็นกลอน ประกอบทำนองเพลงซะหน่อย ..ร้องตามนั้นค่ะ
เห็นนกก็บอกว่า ใช่ .....“กินปลี” ตามพี่ว่าไว้
เห็นไม้ก็ตอบว่า ใช่.. “พู่นายพล”ว่าตามแก้วตา
เห็นเจ้าบินมา พร้อมเพื่อนกายา น่ามอง เพลินตา
เห็นเจ้าลิ้มลองน้ำหวาน ดูช่าง สราญใจ
เห็นใบไหว ดอกแกว่งไกว ยามเจ้าบินไป
เห็นเจ้าใช้ ปลายปากโค้ง ก้มกิน ก็ปิ่มเปรมใจ
เห็นว่า ทั้งนกและไม้ เจ้าช่างมีใจ เอิ้ออิงกัน
เห็นว่าตัวฉันโชคดี เรียนธรรมะวิถี ปักษี-พฤกษา :-))
เดินชมสวนไปพร้อมกับชมนกชมไม้ เป็นรางวัลที่ชื่นใจทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงปีใหม่ นี้ ต้น“พู่นายพล” ออกดอกสะพรั่ง สวยเต็มต้น ต้อนรับอยู่หน้าบ้าน และด้วยความรู้ทางพืชที่มีอยู่ไม่มาก ใช้โอกาสทำความรู้จักกับไม้ชนิดนี้แลกเปลี่ยนกับคนรักษ์ธรรมชาติชาวบูรงตานี....ด้วยปีนี้เราน่าจะมีสโลแกน .. go green & lean !!
รู้จักต้นไม้ ที่ชื่อว่า "พู่นายพล" หรือไม่ ?? ลองตามมาดูกัน....พืชนิดนี้เป็นไม้พุ่ม (shrub) เรียกกันหลายชื่อ เช่น พู่ชมพู หรือ พู่นายพล (Calliandra haematocephala) จัดอยู่ใน Genus: Calliandra, Family: Mimosoideae / Mimosaceae ชนิดอกสีแดง ชมพู และขาว ต้นที่ปลูกที่บ้าน อายุก็นานโขเกือบจะเท่าอายุบ้าน (อายูคนเขียน !!) ค่อนข้างโตช้า ออกดอกเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ปีใหม่จนประมาณมีนาคม เป็นพืชชอบแดด ที่ลำต้นจะสังเกตว่ามีลักษณะเป็นวงด่าง ๆ คล้ายไลเคนส์เกาะอยู่บ่งชี้ความสัมพันธ์ของราและสาหร่ายที่อาศํยเื้อื้ออิงกัน
ลักษณะของพืชชนิดนี้ ถ้าใครจะคาดเดาจากชื่อละติน ก็จะบอกได้เลยว่า ช่างตั้งชื่อได้ตรงกับลักษณะจริง ๆ ความหมายที่มาจากรากคำเดิม ทำให้พอคาดเดาความหมายได้ เช่น Calliandra หมายถึง พืชดอกที่มีเกสรตัวผู้ (stamen) สวย, haemato (เลือด) ก็คงหมายถึงสีดอกสีแดง ส่วน cephalaหมายถึงหัว (head) ลองสังเกตลักษณะดอกของพืชชนิดนี้จากภาพ ส่วนที่เป็นเส้นๆสีแดงยื่นออกมานั่นล่ะ เกสรตัวผู้
นอกจากนี้การจัดกลุ่มอยู่ในพวกมิมโมซ่า (Mimosaceae) กลุ่มเดียวกับไมยราพ หรือพวกกระถิน แถมจัดกลุ่มใหญ่ให้อยู่ในพวก เล็กกูม (Leguminosea) รวมเอาจามจุรี (ฉำฉา) และแค ก็จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันหลายลักษณะ ทั้งต้น ใบและผล เป็นที่น่าสังเกตว่า ต้นพู่นายพล มีลักษณะดอกที่มีเกสรตัวผู้เด่นจำนวนมาก สีสวย ลักษณะใบประกอบ และ มีผลแบบฝัก (pod) บางคนสับสนว่า..ดอกตูมคือผล เพราะ มีลักษณะที่คล้ายกับผลของพืชบางชนิดมากเลย ฉะนั้นหากใครจะหาเมล็ดไปปลูกก็คงต้องหาส่วนที่มีลักษณะคล้ายฝักยาว ๆให้เจอก่อน ช่วงต้นปีนี้จะพบเห็นต้นพู่นายพล ออกดอกในหลาย ๆ ที่ หากรู้จักก็จะพบบ่อยขึ้น
ถึงแม้ว่าจะตั้งกล้องเพื่อชมนกก่อนชมไม้ แต่ก็ต้องได้ชมไม้ก่อนเสมอ เพราะเพื่อนปักษี ตัวน้อยยังไม่มา หรือถ้ามา ก็ทำตัวตามประสา ฉันมีปีกนี่นา วันแรกที่กลับมาบ้าน พบว่าช่วงเช้าและช่วงบ่าย มีแสงอ่อน ๆ อากาศแจ่มใส ก็จะมีนกกินปลีสองชนิด มากินน้ำหวานที่ดอกพู่นายพล มากันครั้งละหลาย ๆ ตัวทั้งเพศผู้และเมีย อย่างน้อยที่เห็นมีสองชนิดคือกินปลีอกเหลือง (Olive-backed Sunbird) และกินปลีคอสีน้ำตาล (Brown-throated Sunbird) ส่งเสียงเรียกร้อง คงเสวนา ชี้ชวนกันกินน้ำหวาน เพลินทั้งนกและคน พยายามจะถ่ายรูปให้ได้ก็ไม่สำเร็จซะที บินเปลี่ยนที่เร็วมาก แถมละแวกนั้นมีทั้งดอกเทียนหยด ตาลฟ้า และหมากเหลือง หมากแดง จึงไม่มีภาพนกมาให้ชม :-(( จินตานาการไปก่อนนะคะ..
จากการฝ้าดูพฤติกรรมการกินน้ำหวาน นกกินปลีจะใช้ปลายปากที่โค้งและแหลม ก้มหัวลงไปในกลุ่มเกสรตัวผู้และใช้ส่วนแหลมโค้งปักลง ไปกินน้ำหวานที่ด้านล่างของฐานรองดอก เปลี่ยนตำแหน่ง กินดอกโน้นดอกนี้ ตามที่พอใจ มีดอกให้เลือกมากมาย ที่ช่างบานต่างระยะกัน
จึงได้ข้อคิดว่าชนิดของพืชที่น่าจะดึงดูดนกเล็ก ๆ กินน้ำหวาน (Nectarina) อย่างนกกินปลี คงเป็นพืชที่มีลักษณะของดอกที่คล้าย ๆ กับดอกพู่นายพล คราวหน้าจะลองดูนกชนิดนี้ที่ต้นพืชที่ปลูกไว้ในสวนเช่น ต้นจิกน้ำ ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่เมืองเพชร ซึ่งเป็นดอกที่มีจำนวนเกสรตัวผู้มากและสีสันสวยงามเช่นกัน หากเราปลูกพืชไว้หลากหลาย จะได้มีนกหลากชนิดมาให้ชมถึงบ้าน
สาระน่ารู้
ความชอบทางนิเวศ (niche) ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดที่ต่างกัน หากแต่ความชอบที่มีความสัมพันธ์กันแบบ+/+ ก็ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งสองต่างก็ได้ประโยชน์กัน ความสัมพันธ์ดังกล่าวในมุมมองด้านวิวัฒนาการ (evolution) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน บ่งชี้จากการอยู่รอด (survival)เริ่มจากการปรับตัวทีละน้อยในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้าง กายวิภาค สรีรวิทยา พฤติกรรม พันธุกรรม และอื่น ๆ การปรับตัวดังกล่าว ถ่ายทอดไปจากรุ่นสู่รุ่น รู่นแล้วรุ่นเล่า นกกินน้ำหวานจากดอกไม้เพื่อเป็นอาหาร ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยผสมเกสรให้กับดอกไม้เช่นกัน ความอยู่รอดจึงเกิดขึ้นในทั้งสองชนิดของสิ่งมีชีวิต เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่รอด และอยู่ร่วมอย่างกลมกลืน บนความแตกต่างกันอย่างลงตัว (live in harmony) มนุษย์กระจ้อยร่อยอย่างฉันคงจะโชคดีไม่น้อย ที่ได้เรียนรู้ธรรมะจากเพื่อนนกและพืชพรรณ เพื่ออยู่รอด อยู่ร่วม และอยู่อย่างมีความหมาย... หวังว่าเพื่อน ๆ ก็คงได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน..:-))