ภาพและเสียงที่สัมผัสได้ บ่งบอกความสนุกสนานของศิษย์ตามวัย ยังคงติดตรึงใจหลังจากที่เราเสร็จสิ้นการดูงานปรับปรุงคุณภาพน้ำจากชุมชนเมือง เทศบาลนครหาดใหญ่, พัฒนาด้านวิชาการ (ส่วนหนึ่งของวิชาพิษวิทยา) เราได้โอกาสฝึกทักษะชีวิตในกิจกรรมมากมาย ดูราวจะ เป็น camping trip ครั้งแรกที่นำศิษย์เกือบ 30 คนไปใกล้ชิดธรรมชาติ ในบรรยากาศแค้มป์ สนุกกับการกางเต็นท์ การเป็นแม่ครัว พ่อครัว จัดเตรียมหุงหาอาหารทุกมื้อ สนุกกับการเล่นน้ำ โหนเถาวัลย์ กระโดดเล่นน้ำตก และการเตรียมพร้อมรับมือทากขณะเดินป่า ศิษย์มีทักษะชีวิตอะไรที่ได้เรียนรู้ฝึกปฏิบัติ ใครมีส่วนไหนเพิ่มเติม ก็ขอเชิญชวนแบ่งปัน..
เต็นท์ ..มีทั้งหลังเล็กและใหญ่ อีกทั้งทริบครั้งนี้ใช้เต็นท์ใหม่ จัดหาไว้เพื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง (outdoor)..สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ อุปกรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าและผืนผ้าเต็นท์ถูกดึงออกจากถุงมากองรวมกัน เมื่อคลี่ออกมาทุกคนต่างเพ่งพิจารณามองผืนผ้าสี่เหลี่ยมที่วางตรงหน้า งง งง!! ว่าจะจัดการอย่างไร?? พยายามจะจัดกางเต็นท์ทำให้เป็น “บ้าน” ที่นอนค้างคืนกลางป่าได้ เสียงบ่น พึมพำและขำตนเองจากเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินว่า “เรียนวิชาลูกเสือมาแล้ว เข้าค่ายแล้ว ก็ยังไม่เคยกางเต็นท์ซะที” เอ!! จะกางยังไงนะเนี่ย... “เรียนเงื่อนมาวันเดียวเป็น สิบๆ เงื่อน ยังงัดมาใช้ไม่ได้สักเงื่อนเลย” จึงส่งเสียงแซวออกไปว่า สมัยเด็กๆ เคยเรียน เงื่อน “พิรอด” เดี๋ยวนี้เค้ายังเรียนไหม๊ ?? รู้จักหรือไม่ ?? แถมรื้อฟื้นเล็กน้อย สิ่งที่ยังจำได้จนเดี๋ยวนี้ “ซ้ายทับขวา ขวาทับซ้าย ใช้ต่อเชือกสั้นยาวไม่เท่ากันให้มีความยาวมากขึ้น” บอกให้เพื่อนบ้านลองทำดู...พูดไปพลางก็ช่วยตรึงเชือกกับสมอที่เต็นท์ของตัวเอง ซึ่งเชือกที่ใช้จะต้องต่อให้ยาวขึ้น. .กลับจากทริบคราวนี้ เด็กๆคงมีทักษะที่เพิ่มขึ้น ติดตัวไปนานเรื่องการกางเต็นท์....สนุกไม่น้อยเลย..ใช่ไหม๊??...รวมทั้งตอนเก็บเต็นท์ด้วย...
เย้.ๆ !!..เสียงเปล่งร้องแสดงความดีใจของสมาชิกกลุ่มเคมี-ชีวะที่ช่วยกันกางเต็นท์จนสำเร็จก่อนใครๆ ก็มีผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์บอย ช่วยด้วยนะซิ ส่วนพี่ ป โท ก็เร่งมือ ทราบต่อมาภายหลังเมื่อเปิดใจในวงทานข้าว..ชมความดีของน้องๆ ที่กางเต็นท์ได้เสร็จเร็ว ทำให้พี่ๆมีตัวอย่าง ว่าจะกางเต็นท์ได้อย่างไร?? เมื่อหนึ่งหลังแล้วเสร็จ หลังต่อๆไปก็ค่อยๆทยอยตามมา จนครบ 10 หลังของเต็นท์ใหญ่ และมีอีก 1 หลังเล็ก สีสดใส แทรกระหว่างกลางเต็นท์ใหญ่ ที่มีลายพรางสีเขียว เข้ากับสีธรรมชาติรอบข้าง ถึงแม้จะ เป็น “บ้าน” ชั่วคราวเพียงหนึ่งคืน แต่กลับเป็นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความอบอุ่น ร่วมแรง ร่วมใจกันสร้างบนความภาคภูมิใจ ในที่สุดเป็น “บ้านเล็กกลางป่าใหญ่” ประหนึ่งว่าจะเป็นกิจกรรมที่ทุกคนตื่นเต้น รอคอย..เพราะในกลุ่มศิษย์ทั้งหมดในทริบนี้ ไม่มีใครสักใครที่มีประสบการณ์ การกางเต็นท์มาก่อน ..เราจะต้องมีเวรยามไหม๊ครับคืนนี้?? เสียงใครสักคนร้องถาม...เอ๋ ??..เวรยาม.. เราคงไม่ต้องมีใครทำหน้าที่เฉพาะในส่วนนี้ แต่เตือนทุกคนที่จะต้องฝึกเพิ่มความระมัดระวัง ท่ามกลางป่าใหญ่ ปราศจากเสียงรบกวนอื่นใด มีเฉพาะเสียงบรรเลงจากธรรมชาติ ให้ใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วน ครบครัน คงเป็นยามประจำค่ำคืนนั้นของแต่ละคนได้......
ก่อนนอนคืนนี้มีจันทร์เจ้า ช่างส่องสว่าง เด็กๆชวนเพื่อนทยอยออกมานั่งเล่น อาบแสงจันทร์ยามดึก ส่วนตัวข้าฯไม่ไหวหล่ะนะ...เข้านอนก่อนพร้อมสมาชิกร่วมเต็นท์สองคน ก็พี่ ป.โท นั่นหล่ะ ค่ำนี้มีแสงจันทร์ลอดหน้าต่างเต็นท์ เรานอนชมจันทร์กันเลยทีเดียว เพียงแค่บอกลา ราตรีสวัสดิ์ เมื่อสิ้นเสียงก็นิ่งเงียบไปเลย (ได้รับคำบอกในเวลาต่อมา) มิรู้ตัว.. ตื่นมากลางดึก เพราะเย็นมากทั้งๆมีถุงนอน แต่เป็นเพราะตัวเลื่อนออกมาจากถุงนอน มิน่าหล่ะ?? ทำให้รู้สึกเย็นมาก กระชับผ้าและขดตัวนอนต่อ เปิดตามองไปข้างๆ ศิษย์สองคนนอนหลับสบาย คิดย้อนกลับไปว่า เอ๊ะ!! เราหลับไปตอนไหน?? ก็บอกไม่ได้ แถมไม่รู้ด้วยว่า ใครนอนข้างๆ ....ศิษย์บอกในเวลาต่อมาว่า “ใครไม่รู้ หลับเร็วยังกะปิดสวิทช์ได้” คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเหนื่อยแสนเหนื่อย สะสมมาหลายเพลา และทำงานกลางแดดจัดมาทุกอาทิตย์ต่อเนื่องกัน เพลียสุดๆ ก็คงจะมาออกฤทธิ์คืนนั้น โชคดีนอนเต็มอิ่ม ตอนเช้าตื่นขึ้นมาสดชื่นมาก อากาศดีมากหมอกบางๆมีให้เห็น โผล่หน้าออกมาดูความเคลื่อนไหวนอกเต็นท์...หลายคนตื่นแล้ว ปฏิบัติกิจทางศาสนา ละหมาดแล้วเสร็จ ได้ยินเสียงทักทาย say.. hello... my friend ของเด็กๆ ส่วนหนุ่ม “คอยรุดดีน” ก็ไม่รอช้าทำหน้าที่ช่วยปลุกเพื่อนๆผู้หญิงชาวเคมี ไปทำหน้าที่ แม่ครัว เตรียมอาหารเช้า... ข้าวยำนั่นไง!!....
เมนูเด็ด..มีอันจะต้องเปลี่ยน!! อาหารทุกมื้อเราคิดเมนูจากปัตตานี มีตั้งแต่ผัดกระหล่ำปลีใส่ไข่ ต้มยำ/ยำปลากระป๋อง ปลาแห้ง ไข่ต้ม และบูดู ทั้งหมดนี้มีเรื่องเล่าเบื้องหลัง ชนิดผลิกผัน แก้ปัญหากันพลันวันเลยเชียว อยากรู้ก็ติดตามต่อไป ..... บ่ายวันพฤหัสบดีฝ่ายจัดเตรียมเสบียงเริ่มทำหน้าที่ เพราะต้องเดินทางในวันศุกร์ …..โอ๊ว!!!.. OMG….ข่าวล่ามาเร็วทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้ทำอาหาร!!! .... ฝันสลายละซิ ... ไม่นะ !!....ทำไงดีหล่ะ?? สมองคิดพลันเพราะทราบว่าอาหารสดก็กำลังจัดซื้อ....อืม!!! โทรฯระงับด่วน กลับมาคุยปรึกษากันก่อน...สถานการณ์เปลี่ยนไป.... อะไรที่ซื้อแล้วก็ตามเลย อะไรที่ยังไม่ซื้อก็ปรับแผน พร้อมระดมทีมสืบหา เรื่องสถานที่ทำครัวด่วน ไอเดียพุ่งกระฉูด คิดถึง "วัด" และผันกลับมาว่า ต้อง“มัสยิด”ซิ ..ตามมาด้วยคำถามชวนคิดว่า มัสยิดที่ห่างจากที่อุทยานไม่ไกล มีหรือไม่?? เราจะไปทำอาหารที่นั่น ..ศิษย์ผู้พี่ติดต่อเพื่อนๆและคนที่รู้จักทันควัน หันกลับมาบอกว่า “มีครับอาจารย์”.....อย่างน้อยก็โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง ทำให้น้องพี่ร่วมทริบนี้วางใจ เราจะฝากท้องทุกชีวิตไว้ที่นั่น และแล้วเย็นวันนั้นเมื่อกางเต็นท์เสร็จ ก็พร้อมขึ้นรถบัส จรลีออกไปนอกเขตอุทยานฯ เพื่อประกอบอาหารทุกมื้อ ที่ “มัสยิดกียามิดดีน” ศูนย์รวมจิตใจของหมู่บ้าน และสำหรับเราคณะที่ขาดที่พึ่งพิงชั่วคราว เราได้รับการอนุเคราะห์จากชุมชนมุสลิมใกล้ๆอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ขอบคุณเป็นที่สุด .. “ตรีมากาเซะ มาเยาะๆ” มัสยิดห่างไปไม่มากเพียง 6 กม. เมื่อน้าวุฒิ พขร. ขับรถบัสนำเราไปถึงชุมชน ศิษย์ลงไปถามไถ่ขอความเห็นใจ ทั้งๆที่เย็นนั้นไม่มีอิหม่าม แต่พี่น้องมุสลิมที่นั่นน้ำใจงาม อนุญาตให้ทีมเราเข้าประกอบอาหารได้ เราต่างขน ข้าวของ เตรียมพร้อมไว้สองมื้อโดยมื้อเย็นปรุงและทานที่มัสยิด ส่วนมื้อเช้าหุงข้าวกลับไปทานที่อุทยาน..
กลิ่นหอมปลาแห้งที่ทอดช่างเย้ายวน ชวนกินจนเกินจะห้ามใจ อุ๊ป!! ขออภัย เก็บไว้มื้อพรุ่งนี้ มื้อสุดท้ายของทริบ คนทอดก็เริ่มตั้งแต่ “ยะหยา” , “กามีละ” ตัวแทนชาวเคมีชีวะและเคมี ต่างโพสต์ท่าถ่ายรูปซะสวยงาม ทั้งท่าทอดและผลงานที่ทอดเสร็จ ส่วนต้มยำปลากระป๋องที่มากด้วยความทรงจำ กว่าจะทำให้น้ำเดือดได้?? ก็หม้อที่ตั้งไว้บนเตาแก๊ซ ไม่แสดงทีท่าเดือดร้อนเลยว่า เค้าหิวววกันนะ !! ทำเอา พี่โก้ อ.บอย และพวกเราที่ยืนรายล้อมช่วยลุ้นกัน ชนิดติดขอบ มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ..เลยถามแซวไปว่า...ลองถามพี่โก้ดูซิว่า อย่างงี้เค้าเรียกว่า หมดไฟหรือปล่าว ??
รสชาติอาหารทุกเมนู ปรุงจากความตั้งใจของทุกคน ช่วยกันคนละไม้ละมือ อารมณ์ดี หยอกเล่น แซวกันไป ก็กุ๊กมือใหม่กันทั้งงั้น ทำไปก็ชูสองนิ้วถ่ายรูปไป สุขใจมากมาย ทำให้อาหารเย็นมื้อนี้ สุดแสนอร่อย ถูกปาก ถูกใจ ถูกสถานที่ เราทานข้าวที่มัสยิด นั่งล้อมวงกัน วงใหญ่เชียวหล่ะ !! ก่อนกินได้ขอให้ หนุ่ม “ไฟซา”สวดดูอา..ขอพร ..กินอิ่มหนำสำราญ ก็หุงข้าวเตรียมไว้พรุ่งนี้อีกหนึ่งหม้อ เป็นมื้อเช้า มื้อเช้าก็คือเมนูข้าวยำ ไข่ต้ม และที่นั่นเช้าวันนั้น ใครจะคาดคิดว่า “ทานข้าว..กลางลาน” เริ่มด้วยสมาชิกสาวๆๆ ชาวเคมีช่วยกันกวาดพื้นลานจอดรดหน้าอุทยานฯจนสะอาด นำจานข้าวยำที่ปรุงแล้ว ลำเลียงมาวางไว้จนครบ รอ"กาเมนและเพื่อน" ที่ออกไปหุงข้าวเตรียมมื้อกลางวันไว้ที่มัสยิด เมื่อพร้อมทุกคนเราเริ่มทานข้าว ท่ามกลางบรรยากาศของแมกไม้เป็นพยาน ระหว่างทานข้าว เราทุกทนต่างผลัดกันชื่นชมความดีของกันและกัน จึงทำให้ทราบได้ว่า มีความดีของทุกคนที่ได้รับรู้และชื่นชม สะสมเป็นพลังแห่งความดี.. ร่วมสร้างเครือข่ายความดีกันต่อไป
ธรณีนี่นี้เป็นพยาน ความดีของศิษย์ข้าฯนี้..ขอชื่นชม...หลายครั้งหลายโอกาสที่ศิษย์ได้แสดงความมีน้ำใจต่อเพื่อนๆ พี่ๆ หรือดูแลเอาใจใส่ พขร. อาจารย์ทั้งสองท่านและพี่โก้ โดยไม่ต้องบอก ส่วนตัวแล้ว มีความประทับไม่น้อย ถึงแม้ว่าดูจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มีคุณค่าทางจิตใจมาก .. รุ้สึกดีไหม๊?? ที่ตื่นเช้ามาก็เรื่องน่าประทับใจ ไว้เป็นพลังหล่อเลี้ยงจิตใจ หากมีใครสักคนที่ดูแลเอาใจใส่ด้วยการกระทำ และก็มิใช่ใครเลย จากศิษย์ข้าฯนี้เอง เช้านั้นหลังจากตื่นนอน เดินเข้ามาร่วมวงสภากาแฟที่โต๊ะกลาง ถามหากาแฟตอนเช้า มองกระติกน้ำร้อน และซองกาแฟ ซึ่งพบว่ามีเพียงไมโล...ขณะที่ศิษย์กลุ่มหนึ่งกำลังดื่มไมโล กับขนมปังกระเทียมอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็กุลีกุจอจัดการหาแก้ว เทน้ำร้อน ใช้ช้อนช่วยคนให้ ยื่นแก้ว..พร้อมดื่ม...ขอบคุณศิษย์ทุกคน..ใครเป็นใครคงไม่ต้องบอกค่ะ ..ใจเท่านั้นที่สัมผัสได้ ไมโลที่แสนอร่อยจากใจศิษย์ หรือแม้กระทั่งการทานข้าว ก็จะมีศิษย์ที่คอยห่วงใย จัดหาน้ำมาให้ครบครัน วางไว้ให้ผู้ใหญ่ทั้งสามท่านในทริบนี้...นี่คือความน่ารัก น่าชื่นใจ ที่ศิษย์ไม่ได้มองข้าม เอาใจใส่ ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ...ขอชื่นชมและรักษาความน่ารักเช่นนี้ให้ติดตัวไป
ส่องนกและสรรพสัตว์ เช้า –เย็น เก็บภาพผ่านเลนส์มาฝาก.. เราทีมบูรงตานี มีหรือจะพลาดเรื่องดูนก ทักทายสหายและผองเพื่อนมากมายที่นั่น.... ออกเดินสำรวจนก ที่ส่งเสียงร้องทักทาย เช้าบ่าย เย็นค่ำ บ้างเปิดเผยเห็นตัวชัดเจน บ้างแอบซ่อนแต่ก็ไม่วายที่จะเห็น โอ๊ะโอ๋!! .. พญาไฟตัวเมีย..สีสวย มาโชว์ตัวเรียกน้ำย่อย ปรอดเหลืองหัวจุก ปรอดทอง โพระดก เฉี่ยวบุ้งใหญ่ นกเขาเขียวเดินไปมาข้ามถนน พญากระรอกใหญ่โพสท์ท่าสวยขณะเก็บกินผลไม้ กระรอกข้างลายไม่น้อยหน้า ออกมาโชว์โฉมเช่นกัน ถ้าถาม อ. บอยคงได้ครบลิสต์ ทั้งหมดนั้นคือผองเพื่อนสรรพสัตว์ มีแหล่งพำนักที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน อ.ควนโดน จ.สตูล....
เยี่ยมเยือนรอยสัตว์ป่า มองหาทากน้อย ที่รอคอยในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ.....ก่อนออกเดินป่า เราทานข้าวเช้า เมนูข้าวยำ ไข่ต้ม (ข้าวแบบเย็นๆ ผักเย็นๆ และไข่ต้มเย็นๆ..แต่อบอุ่นไปด้วยน้ำใจของผองเรา ช่วยกันคนละนิด ละหน่อย) ที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน มีทากเป็นดัชนีบ่งชี้ป่าดิบชื้น เจ้าหน้าที่จัดให้เราเดินป่าในเส้นทางที่ลำบากไม่มากนัก...แต่ก็ยังไม่วายป่าลั่น จนสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ตื่นกับเสียงของชาวคณะที่เดินเข้าไป หลังจากออกจากป่าได้ก็สำรวจร่องรอยว่า มีทากที่ไม่ได้รับเชิญติดตัวมาด้วยหรือเปล่าว?? หลายคนที่ได้รับรักที่ดูดดื่มจากทากหลายตัว ก่อนเที่ยงเรากลับมาเก็บเต็นท์ แพ็คข้าวของ ขนสัมภาระกลับบ้าน กะว่าจะไปเที่ยวชายแดน แถวด่านวังประจัน ผลันต้องเปลี่ยนใจเพราะต้องเดินอีกไกลกว่าจะถึงด่าน แถมเดินท่ามกลางแสงแดดเที่ยงวัน เราบ่ายหน้ากลับทิศเตรียมตัวไปเล่นน้ำตก ตามเส้นทางแวะเอาข้าวที่หุงไว้ที่มัสยิดเพื่อเป็นมื้อกลางวัน ..ก่อนเข้าไปที่ “น้ำตกยาโรย” กลิ่นไก่ย่าง หอมหวน ชวนเปลี่ยนใจจากเมนูที่มีอยู่ บอกกะโก้ว่า เมนูเที่ยงนี้ขอเพิ่มไก่ย่างละกัน มื้อนี้เลยล้อมวงกันกินข้าวข้างน้ำตก สมใจด้วยไก่ย่าง ปลาแห้ง และ ยำปลากระป๋อง อร่อยไม่น้อยเช่นกัน จากนั้นพักสักครู่ หลายคนเล่นน้ำตก ที่ไหลรินลงมาเป็นแอ่งน้ำ มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่โล้เป็นชิงช้าได้ ...เด็กๆโล้เถาวัลย์และกระโดดลงมาเล่นน้ำ น่าสนุกเชียวหล่ะ ชีวิตวัยนี้
ทุกคนค้นหา ทากที่ติดตัวมา หลังจากเสร็จสิ้นการเดินป่า.หลายตัวเชียว..แต่ละตัว..เต่งๆ ทั้งงั้น!!!
ครอบครัวอุปถัมภ์..เครือข่ายชุมชนและมหาวิทยาลัย เสร็จสิ้นการเล่นน้ำ ที่น้ำตกยาโรยจนฉ่ำใจ บ่ายแก่ๆวันนั้นเราไปร่วมกิจกรรม เยี่ยมครอบครัวอุปภัมภ์ (hosted family) ของชาวคณะศึกษาศาสตร์ ถึงแม้ว่าศิษย์จะมาร้องขอเข้าร่วมกิจกรรมนอกโปรแกรม ก็ต้องปรึกษาร่วมกันทั้งทีม รวมถึงน้าวุฒิ (พขร) น้องๆชาว วทท. อาจารย์ และพี่โก้ โดยได้ชี้แจง สอนให้ฟังถึงเหตุผล พิเคราะห์ความเหมาะสม และการฝึกประนีประนอมในแต่ละบริบทของชีวิต ทำให้เราตกลงเข้าร่วมงานเมาลิด ที่ “สะพานเคียง” อ.ควนโดน เพียงช่วงสั้นๆ เด็กๆได้พบปะกับพ่อ แม่ จากครอบครัวอุปภัมภ์ ที่ตนเองเคยมาใช้ชีวิตที่นี่ 1 อาทิตย์ ภาพการพบปะ แสดงความคิดถึง รักใคร่ของเด็กๆและครอบครัว ยังคงประทับใจ จากนั้นไม่นานก็แยกย้ายกันขึ้นรถ พร้อมขนมนมเนย ผลไม้ ของฝากจากครอบครัว เด็กๆ ตรงเวลา ตามข้อตกลง ขอชมเชยความดี...ออกจากสตูล เสียงดูจะเงียบไปทั้งรถ ก็หลับนะชิ !! ศิษย์ใช้พลังเต็มที่ ในทุกๆกิจกรรม เสียงพลัน ดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อศิษย์เริ่มเฉลยเพื่อนบัดดี้กัน..ทั้งรถสนุกสนาน มีชีวิตชีวาได้อีกครา จวบจนกระทั่งเข้ามายัง ทิพย์สถาน วิมานที่เราอยู่ ...รูสะมิแล มอ.ตานี ของเรา...
เชื่อมั่นว่า ศิษย์กลุ่มนี้ มีทักษะชีวิต และการเรียนรู้ ที่ปรับใช้ในบริบทต่างๆได้ดี ส่วนที่ต้องแก้ไขก็ต้องเรียนรู้กันไป แต่อย่างน้อยก็วางใจว่า การไปทริบด้วยกันครั้งนี้ มีส่วนช่วยกันพัฒนาทักษะต่างๆ เรียนรู้ บูรณาการทั้งวิชาการ สังคม และ จิตวิญญาณ ควบคู่กันไป ....นั่งรถกลับปัตตานีด้วยความสุขใจ....ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้มีทริบนี้ร่วมกัน ขอบคุณทีมงาน โก้ และ อ. บอย รวมถึงศิษย์ผู้น่ารักทั้งหลาย ขอบคุณที่ทำให้ได้มีโอกาสทำหน้าที่สำคัญส่วนนี้อีกครั้ง และคงทำอีกต่อไปเมื่อมีโอกาส