ดอกยี่หุบบานและหอมจนต้องมองหา..ที่ข้างบ้าน
ท่ามกลางแมกไม้น้อยใหญ่ สะพรั่งดอกหลากสีสัน บ้างก็ผลัดเปลี่ยนชูช่อดอกเป็นฤดู บ้างก็อวดดอกแกว่งไกวตลอดทั้งปี เช้านี้เจ้านกแซงแซงหางบ่วงใหญ่ส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ ขณะที่เจ้าโพระดกร้องขานรับไกลๆ เสียงนกเขาป่าขันคูรับกัน ดูจะเป็นเสียงจากธรรมชาติที่มีจังหวะสัมพันธ์กับพลังคลื่นสมองช่วง เบต้า (beta) อัลฟา (alpha)ทีต้า (theta)และ เดลต้า (delta)ที่ทำให้สมองได้ตื่นรู้และเข้าสู่การทำงานระดับต่าง ๆ สุดท้ายนำไปสู่การช่วงผ่อนคลายทีละน้อยตามลำดับ เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ได้ใช้โอกาสฝึกคิด ใคร่ครวญพร้อมๆ กันทั้งฐานกาย ฐานใจและ ฐานความคิด เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายท่ามกลางแมกไม้ ชมสวนไปด้วยทุกวัน
บ้านที่เคยอยู่ครั้งเยาว์วัยถูกปลุกให้ตื่นกลับมีชีวิตชีวาอีกครา หลังจากที่เหล่านกน้อย กล้าแกร่งโผบินออกจากอ้อมอกพ่อแม่ไปสร้างรังใหม่ได้กลับไปพร้อมหน้ากันช่วงสงกรานต์ปีนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่ชีวิตสองคนพ่อกะแม่อยู่กันอย่างเงียบสงบ วันนี้บ้านเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเย้าแหย่ หัวเราะ แซวกันของลูก ๆ และสมาชิกในครอบครัว หมาแมวก็ดูจะตื่นๆ แปลกๆ กับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น และโรงจอดรถ ออกจะเป็นพื้นที่ที่มีความถี่สูงในการใช้งาน ตามกิจกรรมของเหล่าสมาชิก ทั้งออกไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น พบปะสังสรรค์ ไปมาหาสู่ญาติผู้ใหญ่และมีแขกมาเยี่ยมเยือน
เรือนใหญ่ด้านหน้า เช้านี้เราร่วมทำบุญตามประเพณี ด้วยการถวายภัตราหารแด่ท่านเจ้าคุณพระเทพญาณโมลี เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย ที่รับนิมนต์มาสวดบังสุกุลให้ทุกปี เรารำลึกถึงความดี ความงามที่สั่งสมจากบรรพบุรุษ บ่มเพาะ ส่งผ่านไปในวัตรปฏิบัติของชีวิตรุ่นแล้วรุ่นเล่า จากนั้นรับฟังธรรมกถาที่พระคุณเจ้าหยิบยกมาให้เป็นข้อคิด ติดตามมาด้วยการสรงน้ำพระสงม์ ขอความเย็นของสายน้ำ และสำนึกขอขมาหากมีการกระทำใด ๆ ที่ล่วงเกิน ด้วยกาย วาจา ใจโดยมิได้เจตนา ขณะรินไหลผ่านสู่สมณเพศผู้เคร่งครัดในศีลและปฏิบัติธรรมอันมีกุศลจิตสูง ส่งผ่านความเมตตาด้วยการประพรมละอองน้ำไปยังฆราวาสผู้ซึ่งกำลังเดินในมรรคาพุทธวิถีแห่งการฝึกรู้ธรรม
หอนั่ง ยามเช้าเราร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปบูชาที่นำมาจัดเรียงไว้บนตั่ง ส่วนองค์พระอื่นๆ ก็ได้รับการสรงน้ำพระที่โต๊ะหมู่บูชา จากนั้นรดน้ำขอพรจากพระในบ้าน“พ่อและแม่”นอกจากท่านจะร่วมให้ชีวิต ร่วมอบรมบ่มเพาะ แล้ว ก็ยังรับรู้ทุกข์-สุขของสมาชิก ให้ข้อคิดเตือนสติอยู่เนืองๆว่า “ทุกข์มีให้เห็น ไม่ใช่มีไว้เป็น” ดังคำกล่าวของท่าน ว. วชิรเมธี เรียบง่ายแต่เป็นจริงตลอดกาล ด้วยล่วงเข้าสู่วัยชราของพ่อแม่ทุกอย่างดูจะมีจังเหวะที่ชีวิตที่ช้าลง เมื่อหวลคิดอย่างใคร่ครวญก็จะพบว่าการกลับมาบ้านเป็นการปรับมาใช้ชีวิตในจังหวะที่ไม่เร่งรีบทำให้มีโอกาสฝึกการครองสติได้นานขึ้น
ดอกโยธกา สีเหลืองบนต้นและแปรเปลี่ยนเมื่อร่วงหล่น.. ธรรมชาติและสีสัน
ยามบ่าย เรื่องราวต่าง ๆ ถูกหยิบยกมาเสวณา แลกเปลี่ยนในหมู่สมาชิก ด้วยภาระหน้าที่บทบาทความรับผิดชอบในต่างองค์กร ต่างความคิด พินิจดูตามที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวสอนไว้ “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม”หมายถึงขณะทำงานเรามีใจเป็นศูนย์รวมอยู่กับสิ่งที่ทำตลอดเวลา ในขณะที่มีเหตุ/ปัจจัยที่ก็เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกันไปและมีพลวัตรเคลื่อนหมุน การฝึกตามรู้จิตตลอดเวลาขณะทำงาน (ปฏิบัติธรรม) จึงเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยแต่ก็คงไม่ยากนักหากจะเริ่มฝึกปฏิบัติกัน ในเบื้องต้นก็ต้องฝึกถือศีลซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเรียนรู้ธรรมะ จึงมีคำถามชวนคิดว่าเราควรถือศีลอย่างไร??
ยามเย็นเราขับรถออกไปชมธรรมชาติ ภูเขา หาดทราย ท้องทะเล ที่มองไปทางไหนก็สดชื่น มองใกล้ มองไกล มองผ่านกล้องสองตา หรือมองลอดเลนส์กล้องถ่ายรูป ก็ได้มิติแห่งความงามตามธรรมชาติที่ต่างกัน ทุกอย่างถูกปรุงแต่งในแต่ละสัมผัสไปตามขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
สูตรสุนทรียะดุลยภาพแห่งชีวิตองค์รวมในช่วงสงกรานต์จึงถูกปรุงด้วย “อาหาร”ไปตามครรรลองทุกรูปแบบทั้งจิตวิญญาน ความคิดอ่าน และ ความอิ่มตา อิ่มท้อง ตบท้ายช่วงก่อนค่ำ ลิ้มลองฝีมือยำผักรสเลิศของแม่ ผสมความมัน อร่อยของถั่วทอด ถั่วอบเกลือ นาๆ ชนิด แถมปรุงแต่งให้กลมกล่อมด้วยไวน์แดงที่รินไหลลงสู่แก้วต่อแก้ว จิบไปคุยไป ค่ำๆ เสียงไวโอลินที่พ่อเล่นในห้องโถงแว่วเข้ามา ทำให้บรรยากาศวันนั้นเราต่างอิ่มเอมครบสูตร ต่อเติมพลังในการทำงาน (ปฏิบัติธรรมะ) ต่อไป