ความสงบใจกลางเมืองหลวงฮานอย ที่นี่มีสิ่งดึงดูดให้หลายคนอ้อยอิ่ง เดินชื่นชมกับบรรยากาศภายใน ซึ่งเป็นสถานที่ร่มรื่น รวมถึงการจัดออกแบบ ศิลปะที่เกี่ยวข้อง และคำสอนที่เป็นอมตะของปราชญ์ หากเป็นชาวเอเชียไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่เคยได้ยินชื่อของท่าน ขงจื้อ (Confucius) ภายในสถานที่ที่เรียกว่า หอวรรณกรรม “The temple of literature” มหาวิทยาลัยแห่งแรกในกรุงฮานอย เป็นแหล่งเรียนรู้ คล้ายๆ สำนักตักศิลาของลูกหลานในราชสำนัก และข้าราชบริพาร เห็นตอนแรกก็นึกถึงสำนักเส้าหลิน ในหนังจีน ผู้ที่ต้องสอบจอหงวน ก็ต้องมีการเล่าเรียนและประกาศผลการสอบที่นี่
ศิลปะ ความเชื่อ สถาปัตยกรรม ผสมกันเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกนี้ หรือที่บางคนเรียกวัดวันเหมียว (Van Mein) เป็นสถาปัตยกรรมของเวียดนาม รูปแบบอาคาร หลังคา อ่อนช้อย บริเวณทั้งหมดแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ 5 ส่วน เริ่มจากประตูทางเข้ามีซุ้มประตูใหญ่และประตูด้านข้างซ้ายขวา แบ่งกันชัดเจนว่าประตูด้านใดใครเข้าออก ไม่ปะปนกันระหว่างคนในราชสำนัก ข้าราชบริพาร หรือกษัตริย์ ทางเดินร่มรื่น ได้ยินข้อมูลไกด์กลุ่มอื่นอธิบาย ทำให้มองชื่นชมพื้นที่มากขึ้น
บรรยากาศส่งเสริมให้เกิดองค์รวมทั้ง ฐานใจ กาย และ ปัญญา ให้ถึงพร้อมในสถานที่แห่งนี้ ถัดจากซุ้มประตูก็เป็นกำแพง มีหอกลองขนาดใหญ่แขวนไว้ ตามมาด้วยสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ สื่อความหมายที่ดีงามทั้งนั้นในวัตถุประสงค์ของการสร้าง สองข้างสระน้ำรายรอบด้วยเต่าขนาดมหึมาแบกหินรูปสี่เหลี่ยมไว้บนกระดอง แผ่นหินเหล่านี้สลักรายละเอียด วันเดือนปีของศิษย์ที่ผ่านการสอบผ่านสำนักแห่งนี้ ทุกๆคนจะได้รับการยกย่องตลอดไป ครั้นเดินเข้าไปส่วนกลางและส่วนท้าย ก็จะเป็นลักษณะคล้ายบริเวณแห่งการเคารพ กราบไหว้ที่มีคุณค่าทางจิตวิญญานของผู้คนที่นี่ โดยเฉพาะส่วนท้ายมีรูปขงจื้อสลักจากไม้ และศิษย์เอกของท่าน
ลัทธิขงจื้อเป็นสิ่งที่ผู้คนที่นี่นับถือปฏิบัติตามคำสอน ที่เน้นการมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีคุณธรรมและสังคมมีสันติสุข หลักคุณธรรมของขงจื๊อเป็นคุณธรรมพื้นฐานของสังคมจีนมาช้านาน ก่อนที่จะมีพุทธศาสนาเข้ามายังพื้นที่ จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังได้รับการนับถือคู่ขนานกันไปกับศาสนาอื่นๆ โดยเฉพาะศาสนาพุทธนิกายหินยานที่แผ่ขยายมายังพื้นที่แถบจีนและเวียดนาม
กลิ่นอายแห่งสำนักตักศิลา ดึงดูดสายตาไปที่ป้ายนิเทศ Confuciusที่ปรากฏให้อ่านที่เดียว (เป็นภาษาอังกฤษ) ในสถานที่แห่งนี้เป็นการอธิบายความเป็นมาเกี่ยวกับ ขงจื้อ(Confucius) ในระยะยาวนานของประวัติศาสตร์ที่นี่ สถานที่แห่งนี้ถูกทำลาย ก่อนที่จะบูรณะเป็นอย่างทีเราเห็นในปัจจุบัน รู้สึกดีใจที่มีข้อความที่พออ่านทำความเข้าใจได้บ้าง เหมาะสมกับความเป็นแหล่งเรียนรู้ สำนักตักศิลา ฐานปัญญาก็ได้รับการพัฒนาและทำหน้าที่ทันควัน พร้อมอธิบายให้สหายร่วมทีมทราบถึงคุณค่าของสถานที่แห่งนี้
ขณะคิดก็ส่งสายตามองย้อนกลับไปด้านหน้า ไปหาเต่าทั้งหลายซึ่งทำหน้าที่แบกรายชื่อและประกาศความสำเร็จของศิษย์สำนักแห่งนี้ พร้อมกล่าวยกย่องและสดุดีจากใจถึง การมีคุณธรรม ความพากเพียร อุสาหะพยายาม หนักเอาเบาสู้ ของผู้ใฝ่รู้จนกระทั่งจบออกไปเป็นบุคคลที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณสมบัติการครองตนและครองงาน ด้วยลัทธิขงจื้อ เน้นที่เน้นคุณธรรม 8 ประการ ประกอบด้วย ความกตัญญูกตเวทิคุณต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณ ความเคารพรักใคร่ระหว่างญาติพี่น้อง ความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อผู้ปกครอง ความมีสัจจวาจา ความมีมารยาท ความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ความบริสุทธิ์กายและใจ และมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
ภาพนกกระเรียนเหยียบหลังเต่า (Crane on the tortoise) เป็นภาพเชิงสัญญลักษณ์บอกอะไรแก่เราท่านผู้มาเยือน หากเราคิดถึงสำนักเส้าหลิน บู๊ลิ้มในนิยายจีนที่หลายท่านชอบอ่าน ท่ารำมวยจีน ท่านกกระเรียนดูจะเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย หากแต่นกกระเรียนเหยีบบหลังเต่า ปราชญ์ชาวจีนจะสื่ออะไรกับชาวโลก??..ท่าทางครู่นคิดและใคร่รู้ ต้องขอร้องน้องคนเวียดนามให้ช่วยถามคนที่นั่นเพิ่มความกระจ่าง ว่ามีความหมายอะไรซ่อนอยู่ ผู้คนที่นี่น้อยคนที่จะตอบได้ พวกเราในทีมก็ไม่มีใครสังเกตจนต้องช่วยกันบอกให้สังเกต เลยได้รับการแซวจากทีมว่าเจาะลึกจัง โดยส่วนตัวแล้วสิ่งที่รักและชอบก็คือธรรมชาติรวมถึงนกน้อย เมื่อไหร่ที่เห็นนกก็จะมีคำถามอะไรต่าง ๆ ชวนคิดมากมาย ก็คิดเรื่อยเปื่อยกับนกตัวนั้นแล้วแต่บริบท แต่คราวนี้ไม่ธรรมดา เพราะนกเหยีบบหลังเต่านะซิ!!! เลยอธิบายซะยืดยาวให้สมกับเข้าไปชมมหาวิทยาลัยแห่งแรกของฮานอยซะหน่อย..บรรยากาศเป็นใจ...
เล่าให้ทุกคนในทีมฟังว่า เต่าที่เห็นนี้ยังเป็นเต่าน้ำจืดไม่ใช่เต่าทะเล เพราะเต่าทะเล (turtle) มีขาเป็นใบพาย ใช้ว่ายน้ำ แต่เต่าน้ำจืด (tortoise) มีเล็บที่เท้า ใช้เดินได้ คุณสมบัติส่วนตัวข้อนี้ ขอสมัครเป็นไกด์ประจำทีมและเป็นสิ่งที่ชอบทำด้วย หากใครต้องการตัว อย่าลืมบอกมานะค่ะ ยินดี !! สาระน่ารู้เพิ่มเติม สำหรับความหมายเชิงสัญญลักษณ์ของนกกระเรียนเหยียบหลังเต่า มีหลากหลาย เป็นทั้งหยินและหยาง เป็นทั้งความเอื้ออาทรของสัตว์ที่เป็นตัวแทนของสวรรค์ชั้นฟ้าและดิน กระเรียนนำสารจากฟ้ามายังเต่าติดติน เป็นทั้งสิ่งที่บอกว่าสัตว์ทั้งสองมีอายุยืนยาว ซึ่งเราต่างก็รู้กันว่าในแถบเอเชียสัญญลักษณ์ของเต่าบ่งบอกความมีอายุยืน
ในที่นี้เต่าอายุ 2000 ปี่ ในขณะที่นกกระเรียนอายุ 1000 ปี เมื่อทั้งคู่ปรากฎอยู่ด้วยกัน ก็หมายถึงขอให้สัทธิขงจื้อ หรือคำสอนต่าง ๆ ได้รับการนำไปฝึกปฏิบัติต่อไปนานๆจวบจน 2 พันปี และขอให้คนที่ฝึกปฏิบัติได้รับคำกล่าวถึง อยู่ในใจและระลึกถึงกันไปนานหนึ่งพันปี ...ความหมายดีมาก (ฝันอยากให้คนระลึกถึง...สิ่งทีดีๆ ...ไม่ขอเป็นพันๆ ปี... ขอน้อยๆ ก็พอ ขอเพียงให้คิดถึงทุกวันอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้งก่อนจากกัน.. ละกัน??) และขณะที่อยู่ที่ฮานอยในวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา มีโอกาศเดินผ่านวัดเลยเข้าไปสักการะ ก็พบสัญญลักษณ์ของนกกระเรียนเหยียบหลังเต่า ยืนขนาบศาลเป็นคู่อยู่ภายในวัดเช่นกัน จริง ๆ แล้ว นกกระเรียน (Chinese Crane) นอกจากจะมีพฤติกรรมท่าทางที่ถูกนำมาเรียนรู้ ในการฝึกมวยจีนแล้ว นกกระเรียนสายพันธุ์นี้ได้ลดจำนวนลงไปมาก ทำให้ต้องเร่งฟื้นฟูเพิ่มจำนวน ด้วยนกกระเรียนเป็นประเภทรักเดียวใจเดียว (monogamy) ซะด้วยซิ . เป็นสัญญลักษณ์ของความชื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตน จึงมีงานศิลปะ ภาพวาดเกี่ยวกับนกกระเรียนในเชิงสัญญลักษณ์มีมากมาย ...
คนรู่นใหม่ในฮานอย ผลผลิตจาการศึกษาในประเทศที่ผ่านศึกสงครามมาทุกรรูปแบบ หากแต่เมื่อได้สัมผัสกับคนรุ่นใหม่ เห็นได้ว่าเวียดนามจะไปได้ไกลเพราะคนรุ่นใหม่มีคุณภาพ ถึงแม้ว่าระบบการบริหารงานของชาติยังเทอะทะ อืดอาด (เพื่อนชาวเวียดนามที่เคยชินกับระบบเมืองไทย ไม่ค่อยพอใจระบบการทำงานในบ้านเมืองเขานัก แต่ก็ปรารพว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ) การศึกษาในฮานอยมีตั้งแต่โรงเรียนอนุบาล ภาพที่เห็นเด็กๆ เดินทางไปที่สุสานลุงโฮ สื่อความหมายถึงการให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์หน้านี้ ปลูกฝังความเป็นชาติได้ดี เรียนรู้จากวิถีชีวิตของรัฐบุรุษ นอกจากนี้มีวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐ และเอกชนซึ่งมีเพิ่มขึ้น
สบโอกาสได้พูดคุยกับนักศึกษาที่ทำงาน part time job ในร้านอาหารใหญ่โต มีชื่อ เป็นแหล่งชุมนุมของนักธุรกิจต่างชาติที่มาทำกิจการในเมืองฮานอย เนื่องจากมีอาหารประจำชาติให้เลือกมากมาย วิธีการจัดแสดงก็น่าสนใจ เราก็ไปใช้บริการที่นั่นด้วย ทานมื้อค่ำ 2 วันที่นั่น นักศึกษาเหล่านี้ในระหว่างที่เรียนก็ทำงานหารายได้ และได้ฝึกภาษาเนื่องจากต้องทำหน้าที่บริกรในร้านอาหารที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ต่างชาติ ภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษคือภาษากลางที่ใช้สื่อสาร เด็กรุ่นใหม่สามารถพูดคุย สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนทางด้านภาษา เรียนทางวิทยาศาสตร์ (Hanoi University of Technology)ซึ่งการเข้ามหาวิทยาลัยต้องผ่านการสอบเข้าเช่นกัน จากการพูดคุยบางคนที่เรียนทางสิ่งแวดล้อม เมื่อถามว่า อะไรคือประเด็นสำคัญในเรื่องมลภาวะของฮานอย เขาก็ตอบชัดเจนว่า อากาศ ซึ่งเป็นมลพิษที่ภาครัฐก็หาทางแก้ปัญหาอยู่ แต่ก็บอกว่า ยังไม่ค่อยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ก็เลยบอกว่ามาเรียน ปโทกับเราก็ได้นะ ทางเรามีผู้เชี่ยวชาญ